Ford Focus 1.5L EcoBoost Turbo Sport ปรับโฉม เครื่อง/เกียร์ใหม่
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ : ฟอร์ด ประเทศไทย
• ฟอร์ด โฟกัส โฉมปัจจุบัน เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวในไทยช่วงต้นปี 2012 ทำตลาดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1,600 ซีซี และเบนซินไดเร็กอินเจ็กชั่น 2,000 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะ ทำตลาดประมาณ 4 ปี ก็เปิดตัวรุ่นปรับโฉม 1.5L EcoBoost Turbo Sport ใน บางกอก มอเตอร์โชว์ ช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา และล่าสุดจัดทดสอบแบบกลุ่ม มีทั้งการขับบนถนนจริงและขับในสนามแข่ง พีระ เซอร์กิต พัทยา
• จุดเด่นของโฟกัสรุ่นปรับโฉมคือ เครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ ในส่วนของเครื่องยนต์เป็นตระกูล EcoBoost ปรับปรุงจากเครื่องยนต์ 1.0 EcoBoost ออกแบบฝาสูบใหม่ ปรับปรุงการระบายความร้อน น้ำหนักเบาลง และลดความฝืด โดยเครื่องยนต์ของโฟกัส ใหม่เป็นแบบ 4 สูบ เบนซินไดเร็กอินเจ็กชั่น เทอร์โบ ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,500 ซีซี กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 24.45 กก.-ม. ที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 2,000 ซีซี ที่มีกำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 20.58 กก.-ม.)
• คุณศรุต อิงคะวัต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย
• มาพร้อมระบบแปรผันวาล์วทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย Ti-VCT ระบบหล่อเย็นแบบแยกส่วน สายพานไทม์มิ่งแช่ในน้ำมันเครื่อง ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบแปรผัน และท่อร่วมไอเสียแบบชิ้นเดียวติดรวมกับฝาสูบ ลดระยะทางจากพอร์ทไอเสียไปยังตัวเทอร์โบ เปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเดิมที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะ มาเป็นเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 จังหวะ น้ำหนักเบา พร้อม Paddle Shift รองรับเชื้อเพลิง E85 ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 161 กรัมต่อกิโลเมตร ถังน้ำมันจุ 55 ลิตร ข้อมูลจากต่างประเทศ ตัวเลขโรงงาน 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ คอนโทรลเบลดหรือเทรลลิ่งอาร์ม ที่ออกแบบให้บางเพื่อลดน้ำหนัก มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพ EPS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HLA และระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง Torque Vectoring Control หรือ TVC ปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้เหมาะกับสภาพถนนและการขับ เข้าโค้งด้วยความเร็ว ระบบจะเบรกที่ล้อด้านในโค้ง ทำให้แรงบิดส่งไปยังล้อนอกโค้งที่มีแรงยึดเกาะมากกว่า โดยที่ไม่ต้องตัดกำลังเครื่องยนต์ เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องฝืนพวงมาลัย
ด้านหน้าเปลี่ยนใหม่หมด แรงบันดาลใจจากโฟกัส RS สปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ถ้ายังสวยไม่พอก็มีชุดแต่งเพิ่ม ประกอบด้วยล้อแม็ก RS ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/35/19 และสปอยเลอร์หลังทรง RS ให้เลือกติดตั้ง
• รูปลักษณ์ด้านหน้าเปลี่ยนใหม่หมด ได้แรงบันดาลใจมาจากโฟกัส RS ตัวแรงที่ทำตลาดในต่างประเทศ ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ถ้ายังสวยไม่พอก็มีชุดแต่งเพิ่ม ประกอบด้วยล้อแม็ก RS ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/35/19 และสปอยเลอร์หลังทรง RS ให้เลือกติดตั้ง ตัวรถได้รับการปรับปรุงหลายด้าน เช่น เพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับ, เน้นการขับที่สนุกสนานและมีประสิทธิภาพ พร้อมปรับปรุงเรื่องการลดเสียงรบกวนและความสั่นสะเทือนด้วยกระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน และกระจกข้างที่หนาขึ้น ปรับปรุงซีลยางประตูบานท้าย วัสดุบุซุ้มล้อหน้า เพิ่มฉนวนป้องกันเสียงในบานประตู และเพิ่มความหนาของพรมปูพื้น
• ภายในเปลี่ยนพวงมาลัยใหม่แบบสปอร์ต 3 ก้าน มัลติฟังก์ชั่น ชุดมาตรวัดเปลี่ยนฟอนต์ใหม่ ดูทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมปรับปรุงหน้าจอเอนกปะสงค์ในชุดมาตรวัด คอนโซลกลางเปลี่ยนใหม่ยกชุดเพื่อรองรับหน้าจอใหม่ของระบบ SYNC 3 หน้าจอ Capacitive ระบบสัมผัส Multi Touch ขนาด 8 นิ้ว ตอบสนองเร็ว ราบรื่น ใช้งานง่ายเหมือน Smart Phone พัฒนาระบบสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อโทรศัพท์พร้อมกันได้ 2 เครื่อง อัพเดทข้อมูลอัตโนมัติผ่าน Wi-Fi ต่อกับ Siri รองรับ Apple Car Play และ Android Auto เปลี่ยนสวิตช์ควบคุมแอร์ใหม่ และคอนโซลเกียร์ใหม่ ระบบความปลอดภัยมีโครงสร้างตัวถังเหล็กกล้า เสริมคานรับแรงรอบคัน พร้อมแอร์แบ็ก 6 ใบ
• ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับ เช่น ระบบช่วยจอด Enhanced Active Park Assist ที่ใช้เซนเซอร์วัดระยะรถที่จอดอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ใช้เส้นของช่องจอด ตัดปัญหาเรื่องเส้นไม่ชัดเจน ระบบนี้รองรับทั้งแบบเทียบข้างหรือ Parallel Park ที่เลือกทั้งได้การจอดฝั่งซ้ายหรือขวาด้วยการเปิดไฟเลี้ยว และถอยหลังเข้าซองหรือ Perpendicular Park และระบบช่วยออกจากที่จอดแบบเทียบข้าง Parallel Park Out ด้วยการเพิ่มเซนเซอร์วัดระยะห่างด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งเซนเซอร์วัดระยะด้านข้างที่ออกแบบขึ้นใหม่ ใช้งานง่ายเพียงกดสวิตช์ข้างคันเกียร์ จากนั้นกดเลือกรูปแบบการถอยจอด ด้วยการกดที่หน้าจอหรือกดสวิตช์ซ้ำ และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ ผู้ขับมีหน้าที่เปลี่ยนเกียร์ ควบคุมความเร็วและเบรก ส่วนการหมุนพวงมาลัยเป็นหน้าที่ของระบบที่จะจัดการให้โดยอัตโนมัติ เมื่อการจอดเสร็จสิ้น จะมีสัญลักษณ์รูปธงตราหมากรุกบนหน้าจอที่คอนโซลกลาง
• ปรับปรุงระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำหรือ Active City Stop จากเดิมทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพิ่มเป็น 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อระบบตรวจพบว่ารถคันหน้าอยู่ใกล้เกินไป และความเร็วของรถทำให้มีโอกาสเกิดการชน ระบบจะเบรกให้โดยอัตโนมัติ และจะคงแรงเบรกต่อเนื่องไว้ประมาณ 3 วินาที หลังจากระบบเบรกให้แล้ว ผู้ขับจึงต้องเหยียบเบรกต่อด้วยตัวเอง และถ้าผู้ขับแตะเบรกหรือเลียเบรกไว้ ระบบนี้ก็จะไม่ทำงาน คงความสะดวกสบายด้วยระบบ Keyless Entry พร้อมสวิตช์ Start/Stop หน้าจอที่คอนโซลกลางทำงานร่วมกับกล้องมองหลังขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง พร้อมเส้นกราฟิกกะระยะแบบแปรผันตามการหมุนของพวงมาลัย และเซนเซอร์พร้อมกราฟิกเตือนระยะห่างรอบคัน มีสวิตช์เปิด-ปิดการทำงานได้
• อุ่นเครื่องเบาๆ ด้วยการขับบนถนนจริงระยะทางรวมประมาณ 80 กิโลเมตร มีแผนที่และวิทยุสื่อสารประจำรถ และตามแยกต่างๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ยืนบอกทางด้วยเพื่อป้องกันการหลงทาง ก่อนออกเดินทางเซต 0 ข้อมูลการขับ Trip A และ B ใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นการขับแบบ Free Run แต่ส่วนใหญ่ก็ขับตามกันไป มีเร่งแซงกันในขบวนบ้าง อัตราเร่งทันใจโดยเฉพาะการเร่งแบบคิ๊กดาวน์ลากรอบ ดึงคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง S แล้วใช้ Paddle Shift เลี้ยงรอบไว้แถวๆ 3,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งติดเท้าสุดๆ กดคันเร่งลงไปรถก็ทะยานออกในทันที ช่วยให้เร่งแซงบนถนน 2 เลนได้อย่างเฉียบขาดและปลอดภัย เผื่อระยะให้เพื่อนที่อยู่ด้านหลังแซงตามมาได้ ในโหมดนี้ถ้าลากรอบแตะ 6,000 รอบต่อนาที เกียร์ก็จะเปลี่ยนขึ้นสูงให้ และยังสามารถคิ๊กดาวน์ได้
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ แม้การเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้นและลงจะช้ากว่าเกียร์ PowerShift อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของเกียร์อัตโนมัติประเภทนี้ แลกกับการใช้งานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและความทนทานดูแลรักษาง่าย ก็นับว่าคุ้ม และได้แรงบิดที่ต่อเนื่องของเครื่องยนต์มาชดเชย
• เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ แม้การเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้นและลงจะช้ากว่าเกียร์ PowerShift อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของเกียร์อัตโนมัติประเภทนี้ แลกกับการใช้งานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและความทนทานดูแลรักษาง่าย ก็นับว่าคุ้ม และได้แรงบิดที่ต่อเนื่องของเครื่องยนต์มาชดเชย ทำให้การขับลื่นไหล ขับสนุกและเร่งได้อย่างทันใจ ขับสบายๆ ไม่ต้องรีดเค้นเครื่องยนต์ ก็สามารถทำความเร็วระดับ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แบบไม่รู้ตัว ช่วงแรกขับไป 48.7 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 71 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 41.24 นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.1 กิโลเมตรต่อลิตร กินดุไปนิดเมื่อเทียบกับลักษณะการขับ จากนั้นสลับผู้ขับและเซตข้อมูลการขับใหม่ ขับถึงปลายทางก็ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยพอๆ กัน
• ช่วงล่างที่ระบุว่าเซตแบบสปอร์ต ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแข็งกระด้าง กลับรู้สึกว่ามีความนุ่มนวลและละเอียดดี ยางขนาด 215/50/17 ในด้านความหล่ออาจยังไม่สะใจ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปแล้วนับว่าเหมาะสม เพราะดูดซับแรงกระแทกได้ดี และมีการยึดเกาะถนนที่มั่นใจได้ เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินปกติไปบ้าง ก็ยังไม่ได้ยินเสียงยางลื่นไถล ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีระบบช่วยการทรงตัว ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ มีผลงานที่ยอดเยี่ยม สร้างแรงเบรกได้อย่างเหลือเฟือและเป็นไปตามน้ำหนักเท้า
• ช่วงบ่ายสลับมาทำกิจกรรมในสนามพีระ เซอร์กิต ทั้งการทดลองใช้ระบบช่วยจอดแบบแนบข้าง และแบบถอยหลังเข้าซอง รวมทั้งการใช้ระบบช่วยออกจากที่จอดแบบแนบข้าง เซนเซอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และติดตั้งไว้รอบคัน ช่วยให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์และเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการถอยแบบแนบข้าง ที่ระบบช่วยจอดทำได้ดี ตัวรถไม่โผล่ล้ำออกไปมากกว่ารถที่จอดอยู่ก่อนแล้ว ส่วนการจอดแบบถอยหลังเข้าซอง ก็เว้นระยะห่างซ้าย-ขวาได้ดี ไม่เบียดไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป ส่วนระบบสั่งงานด้วยเสียงก็รองรับภาษาอังกฤษสำเนียงไทยได้ดี ผู้สื่อข่าวบางท่านแกล้งพูดภาษาอังกฤษแบบเหน่อๆ ระบบก็ยังเข้าใจและทำงานได้
• ปิดท้ายด้วยการขับในสนามแข่งพีระ เซอร์กิต มีเจ้าหน้าที่นั่งไปด้วยเพื่อให้คำแนะนำ ในสนามถูกจัดเป็นสถานีย่อยๆ เพื่อทดสอบระบบต่างๆ ออกจากเส้นสตาร์ตต่อเนื่องโค้งซ้ายกว้าง มีไพลอนวางขวางไว้ให้หักหลบในโค้ง เพื่อทดสอบช่วงล่างและระบบ ESP ลองหักพวงมาลัยแรงๆ แล้วตัวรถก็ยังไม่มีอาการ จากนั้นเข้าสลาลอมที่วางไพลอนไว้ค่อนข้างแคบ ทดสอบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPAS ตามด้วยโค้งขวายาวต่อเนื่อง 2 โค้ง ทดสอบ Torque Vectoring Control หรือ TVC จากนั้นกดคันเร่งทดสอบกำลังเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เข้าสู่ทางตรงวนกลับสู่เส้นสตาร์ตเพื่อรอขับให้ครบ 3 รอบ
• สิ่งที่ประทับใจจากการขับในสนามแข่งคือ ประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนและพวงมาลัย ที่ทำงานสอดคล้องกันได้ดี ช่วงล่างหนักแน่นรองรับการขับที่รุนแรงกว่าปกติไปบ้างได้ดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้ขับแบบเร็วจัดจ้าน ไปเร็วเท่าที่ตัวเองมั่นใจว่าจะควบคุมรถได้ ช่วงสลาลอมลองกดคันเร่งหนักๆ รถมีอาการอันเดอร์สเตียร์บ้าง แตะเบรกลดความเร็วลงเล็กน้อยก็ไปต่อได้โดยที่ไม่ไถลไปชนไพลอน พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้ดี เป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง ไม่เบาหวิวและไม่รู้สึกลอยๆ ช่วงทางตรงกดคันเร่งแล้วจับอาการของเกียร์อัตโนมัติ ในรอบสูงการเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้นและลงก็ยังคงนุ่มนวล ไม่มีอาการกระตุกหรือกระชาก
• ฟอร์ด โฟกัส 1.5L EcoBoost Turbo Sport เด่นที่อัตราเร่งของเครื่องยนต์ 180 แรงม้า แรงบิด 24.45 กก.-ม. ช่วยให้ขับง่าย ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากโรงงานที่ระบุไว้ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร ก็น่าจะพอทำได้ถ้าใช้ความเร็วไม่สูงและรักษาความเร็วคงที่ ช่วงล่างเซตมาเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมทั้งการขับแบบสปอร์ตนิดๆ อุปกรณ์มาตรฐานทั้งเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยมีให้ครบครัน ภายในห้องโดยสารค่อนข้างเงียบ มีเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเข้ามาบ้างเมื่อลากรอบสูง ทำตลาดรุ่นเดียว ราคา 1,099,000 บาท •
ขอบคุณ บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ
Specification: Ford Focus 1.5L EcoBoost Turbo Sport
– แบบตัวถัง แฮทช์แบ็ก 5 ประตู
– ยาว x กว้าง x สูง 4,358 x 1,823 x 1,469 มิลลิเมตร
– ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,554/1,534 มิลลิเมตร
– ฐานล้อ 2,648 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 1,325 กิโลกรัม
– แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ไดเร็กอินเจ็กชั่น เทอร์โบ
– ความจุ 1,498 ซีซี
– กระบอกสูบ x ช่วงชัก 79.0 x 76.4 มิลลิเมตร
– อัตราส่วนการอัด 10.0:1
– กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
– แรงบิดสูงสุด 24.45 กก.-ม. ที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที
– ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 6 จังหวะ
– ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
– ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPAS
– ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ มัลติลิงก์ คอนโทรลเบลด พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์ พร้อม ABS และ EBD
– ผู้จำหน่าย บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด
– โทรศัพท์ Call Center 0-2686-5899 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-225-449
– เวบไซต์ www.ford.co.th.
2016 Ford Focus 1.5L EcoBoost Turbo Sport