Chevrolet Colorado High Country 560 กม.ทั้งทางเรียบ-ออฟโรด

1.7Kviews

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ : เชฟโรเลต ประเทศไทย

• เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉมปิกอัพ โคโลราโดรุ่นปรับโฉมใหม่ ปรับเปลี่ยนใหม่รอบคันทั้งรูปลักษณ์ภายนอก อุปกรณ์มาตรฐานภายใน เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง แชสซีส์และช่วงล่าง รวมถึงระบบปลีกย่อยอื่นๆ เพื่อเน้นการเพิ่มคุณภาพในการขับ และด้วยการปรับเปลี่ยนในหลายจุดหลัก ทำให้เชฟโรเลตเลือกใช้คำว่า All New กับปิกอัพรุ่นปรับโฉมนี้

• หลังทิ้งช่วงประมาณ 2 เดือน เชฟโรเลตก็จัดกิจกรรมทดสอบแบบกลุ่มสำหรับโคโรลาโดใหม่ เส้นทางมีทั้งทางเรียบและออฟโรด โดยได้รับเกียรติจาก คุณวันชนะ อูนากูล ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรม จีเอ็ม ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้รายละเอียดผลิตภัณฑ์ โดยด้านหน้าของโคโรลาโดใหม่ ออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจาก โคโรลาโดเวอร์ชั่นอเมริกัน หน้าตาทันสมัยขึ้นด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้า ฝากระโปรง และไฟหน้าใหม่ทั้งชุด และเพิ่มไฟ LED สำหรับ DRL หรือ Daytime Running Light ล้อแม็กลายใหม่ 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60/18

ภายในใหม่ ทันสมัยด้วยอุปกรณ์

• ห้องโดยสารเปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด เช่น ชุดมาตรวัดใหม่ คอนโซลกลางใหม่มาพร้อมชุดอินโฟเทนเมนท์ MyLink ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับฟังก์ชั่น Apple CarPlay แสดงผลหน้าจอสมาร์ทโฟนบนจอส่วนกลาง, Siri Eyes Free พร้อมซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง เบาะนั่งใหม่ ใช้วัสดุผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล และเพิ่มความสะดวกด้วยรีโมทสตาร์ต

• ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับ เช่น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นแบบไฮดรอลิก เพิ่มความสบายขณะขับและเข้าโค้ง พวงมาลัยตอบสนองเร็วขึ้น เพิ่มความแม่นยำ รองรับการขับทุกสภาพถนน ลดการดึงของพวงมาลัย และลดการสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมายังพวงมาลัย, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ โดยดูจากผู้ขับที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว, ระบบ Forward Collision Alert เตือนการชนด้านหน้า, ระบบ Front and Rear Parking Assist ช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะแบบแปรผัน ระบบ Tire Pressure Monitor ตรวจสอบแรงดันลมยาง มีเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยางในแต่ละล้อ ส่งข้อมูลมาแสดงผลที่หน้าจอในชุดมาตรวัด มีเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ทำงานร่วมกับที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

• รถที่ทดสอบทั้งรุ่นย่อย High Country และ LTZ ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ มีอุปกรณ์รีโมทสตาร์ต ช่วยให้ผู้ขับสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจ ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนขึ้นรถ ทำงานโดยกดล็อกรถด้วยรีโมท 1 ครั้ง และกดปุ่มสตาร์ตที่รีโมทค้างไว้ เครื่องยนต์และระบบปรับอากาศจะทำงานอัตโนมัติ แต่เมื่อต้องการจะขับรถต่อ ต้องเสียบกุญแจและบิดไปที่ตำแหน่งสตาร์ตอีกครั้ง ระบบจึงจะยอมให้เข้าเกียร์ได้

เครื่องยนต์เดิม เทอร์โบใหม่

• เครื่องยนต์เหลือเพียงทางเลือกเดียว เป็นบล็อกเดิม รหัส XLDE25 LP2 แบบดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ตระกูล Duramax มีความจุ 2 ,500 ซีซี เปลี่ยนเทอร์โบชาร์จเป็นแบบแปรผันหรือ VGT-Variable Geometry Turbocharger พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 44.8 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่ได้รับการเปลี่ยนทอร์คคอนเวอร์เตอร์ใหม่ หรือธรรมดา 6 จังหวะ ปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ ลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ด้วยการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีด

ช่วงล่างปรับใหม่ เพิ่มตัวช่วย

• เพิ่มความนุ่มนวลและลดการโคลงของตัวรถ ด้วยยางรองตัวถังใหม่ พร้อมเปลี่ยนยางรองแท่นเครื่องยนต์แบบใหม่ ลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารด้วยการปรับปรุงซีลยางในจุดต่าๆ เพิ่มโฟมซับเสียงที่เสาหน้า ปรับกรอบประตูคู่หน้าช่วงบนให้บีบแน่นขึ้น เพิ่มความหนากระจกประตูคู่หน้า ลดเสียงรบกวนลงได้ประมาณ 2-4 เดซิเบล จากการทดสอบของวิศวกรของเชฟโรเลต ระบบกันสะเทือนรูปแบบเดิม ด้านหน้าอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังคานแข็ง แหนบซ้อน ปรับความหนืดของสปริงและแหนบใหม่ เพิ่มความนุ่มนวล และเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน เปลี่ยนช๊อคแอ็บซอร์เบอร์ใหม่ ปรับความหนืดในช่วงยุบและยืดให้เหมาะสมกับช่วงล่างที่ปรับเซตใหม่

• ระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น TCS-Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัวและในโค้ง, PBA-Panic Brake Assist รองรับการเบรกกะทันหัน, EBD-Electronic Brake Force Distribution ช่วยกระจายแรงเบรก, ESC-Electronic Stability Control ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, HDC-Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และ HSA-Hill Start Assist ป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน ลดความบาดเจ็บหากเกิดเหตุสุดวิสัยด้วยแอร์แบ็กคู่หน้า และและแอร์แบ็กป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับ

ลองของจริง ทางเรียบและออฟโรด

• อุ่นเครื่องด้วยการขับบนทางเรียบ รู้สึกว่าเครื่องยนต์ตอบสนองทันใจขึ้น เร่งติดเท้าตั้งแต่รอบต่ำ ถ้ากดคันเร่งแช่ยาวจะพบว่ากำลังเครื่องยนต์มีความต่อเนื่อง และลื่นไหลจรดรอบสูง เซต 0 ก่อนออกเดินทางจากโรงแรมอีสติน สาทร มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนดาวคะนองต่อเนื่องธนบุรี-ปากท่อ ขับแบบใช้งานจริง ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง มีเร่งแซงรถช้าชิดขวาบ่อยครั้ง ระยะทาง 88.6 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 62.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองไม่ขี้เหร่ 12.1 กิโลเมตรต่อลิตร

• คันที่ทดลองขับเป็นรุ่นสูงสุด High Country 4×4 เกียร์อัตโนมัติ ห้องโดยสารปรับใหม่แทบทั้งหมด ดูแพรวพราวทันสมัยขึ้น สวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ดูใช้งานง่ายสะอาดตา การเก็บเสียงถือว่าทำได้ดีขึ้นจริงตามที่ตั้งใจ โดยเฉพาะเสียงลมปะทะที่ลดลงอย่างชัดเจน ใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้องโดยสารยังค่อนข้างเงียบ เช่นเดียวกับเสียงจากยางที่แทบไม่ได้ยิน ส่วนเสียงเครื่องยนต์เมื่อลากรอบสูง ยังได้ยินแผ่วๆ อยู่บ้าง แต่ไม่ดังมากแบบรุ่นเดิม

• เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีการตอบสนองอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ทั้งในส่วนของความฉับไวและความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ การคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำมีจังหวะที่ต้องรอการตอบสนองอยู่เสี้ยววินาที ก่อนที่รถจะพุ่งออกไป ใช้โหมด +/- เลี้ยงรอบรอจังหวะรถว่างแล้วเร่งแซงจะทันใจกว่า และเหมือนการเปลี่ยนเกียร์เองด้วยโหมด +/- จะเร็วกว่าการปล่อยให้เกียร์เปลี่ยนเองอยู่เล็กน้อย ในส่วนนี้ต้องลองอย่างจริงจังอีกครั้ง

• ช่วงล่างนุ่มนวลและรู้สึกว่าละเอียดขึ้น นั่งนุ่มสบาย ลงตัวสำหรับการขับใช้งานทั่วไป ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นรุ่น 4 ประตู บางจังหวะขับผ่านถนนที่เป็นคลื่นลอนต่อเนื่อง จะรู้สึกว่าตัวรถโดยเฉพาะด้านหน้ามีอาการยวบยาบบ้าง เหมือนความหนืดของช๊อคฯ ยังน้อยไปนิด พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า เบาแรงและมีการหมุนที่ราบเรียบต่อเนื่อง บนทางตรงรู้สึกว่าพวงมาลัยเบาไปนิด ต้องใช้ความตั้งใจในการควบคุม ส่วนบนทางโค้งแคบๆ ให้การควบคุมที่เบาแรงแม้จะใช้ความเร็วสูงเกินปกติไปบ้าง ทำให้ขับในโค้งได้สนุก โดยรวมถือว่าดีกว่าเดิมที่เป็นแบบไฮดรอลิก ถ้าปรับให้หนืดขึ้นนิดเมื่อใช้ความเร็วสูงก็จะช่วยให้ขับได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น

• เนื่องจากมีฝนตกหนัก ทำให้โปรแกรมขับแบบออฟโรดด้วยรถรุ่น 4×4 ต้องยกเลิกไป เพราะสภาพอากาศและสภาพถนนที่จะไปไม่เอื้ออำนวยและอันตรายเกินไป คงเหลือไว้แต่ช่วงทดสอบแบบออฟโรดเบาๆ สำหรับรุ่น 4×2 แต่เนื่องจากถนนลื่นมาก รถรุ่น 4×2 ไปต่อไม่ไหว หรือพอจะไปได้ แต่จะเสียเวลามากและทำให้ถึงที่พักค่ำเกินไป เพราะข้อจำกัดอยู่ที่ยางติดรถเป็นแบบยางทางเรียบ จึงต้องเปลี่ยนแผนอีกครั้ง

• ให้คนที่ขับรุ่น 4×2 ย้ายมานั่งรวมกับ 4×4 แล้วขับไปในเส้นทางทดสอบของรุ่น 4×2 เมื่อใช้โหมด 4H จึงสามารถขับผ่านทางดินที่เปียกลื่นและทางโคลนได้อย่างไม่ยากนัก บางช่วงต้องจอดรถให้สนิท เข้าเกียร์ N แล้วหมุนสวิตช์เลือกโหมด 4L เพื่อความมั่นใจในการขับข้ามทางน้ำที่ด้านล่างเป็นก้อนหิน เมื่อขับเคลื่อนด้วยโหมดนี้รถจะมีพละกำลังในการปีนไต่มหาศาล สามารถใช้ Walking Speed ความเร็วคงที่ไต่เนินดินชันที่ลื่นและชุ่มไปด้วยน้ำฝนได้อย่างมั่นคง

• เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่ ปรับปรุงใหม่ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และห้องโดยสาร ช่วยยกระดับคุณภาพการขับได้จริง เครื่องยนต์ตอบสนองดี ประหยัดพอควร ช่วงล่างนุ่มนั่งสบาย และควบคุมง่ายด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่โดยเฉพาะด้านหน้า ราคายังไม่เปิดเผย ถ้าตั้งราคาได้เหมาะสมก็น่าจะมีการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ที่ชื่นชอบยานยนต์สัญชาติอเมริกัน •

ขอบคุณ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Specification: All-New Chevrolet Colorado High Country 4×4 6AT

– แบบตัวถัง ปิกอัพยกสูง 4 ประตู
– ยาว x กว้าง x สูง 5,408 x 2,132 (รวมกระจกมองข้าง) x 1,858 (รวมราวหลังคา) มิลลิเมตร
– ฐานล้อ ไม่ระบุ
– ระยะต่ำสุด 219 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 2,026 กิโลกรัม
– แบบเครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
– ความจุ 2,499 ซีซี
– กระบอกสูบ x ช่วงชัก 92 x 94 มิลลิเมตร
– อัตราส่วนการอัด 16.5:1
– กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที
– แรงบิดสูงสุด 45 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที
– ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมด +/-
– ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time
– ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
– ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบกันสะเทือนหลัง คานแข็ง แหนบซ้อน
– ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดรัม พร้อม ABS และ EBD
– ผู้จำหน่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
– โทรศัพท์ Chevrolet Complete Care 1747
– เวบไซต์ www.chevrolet.co.th