Lithium-air battery คืบหน้า อาจมีการใช้งานจริงเร็วขึ้น
เรื่อง : AREA 54
● มีความคืบหน้าของโครงการพัฒนาแบตเตอรี่แพคแบบ Lithium-air อีกครั้ง หลังจากที่หลายบริษัทพยายามทลายกำแพงข้อจำกัดเดิมที่มีอยู่ ล่าสุดมีรายงานว่าแบตเตอรี่แพคแบบ ลิเธียม-แอร์ หรือ ลิเธียม-ออกซิเจน (Li–O2) อาจจะได้ใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์เร็วกว่าที่คาดกันไว้ เมื่อบรรดานักคิดจาก MIT, Argonne National Laboratory และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง อาจพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ เจนเนอเรชั่นใหม่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ได้สำเร็จ โดยมีกำหนดการเปิดตัวโปรโตไทป์ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
● แบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ มีการพัฒนากันมาตั้งแต่ช่วงก่อนปี 2000 ตามทฤษฎีสามารถเก็บกักกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไออนในปัจจุบันราว 5 – 10 เท่า ในปริมาตรที่เท่ากัน ทว่ามันยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนรอบในการชาร์จและความเร็วในการดิสชาร์จ (charge/discharge cycles) รวมถึงปัญหาความร้อน ซึ่งในปี 2011 Materials Research Society ในบอสตันให้ข้อมูลว่า แบตเตอรี่ลิเธียม-ไออนสามารถรีชาร์จได้มากกว่า 100,000 รอบ ในขณะที่ลิเธียม-แอร์ รีชาร์จได้เพียง 50 รอบเท่านั้น
หมายเหตุ : ข้อแตกต่างระหว่างจำนวนรอบ และจำนวนครั้งในการชาร์จ ผู้แปลไม่อธิบายแล้วนะครับ ลองเสิร์ชหาบทความเก่าๆ อ่านดู
● ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่พยายามพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์อย่างต่อเนื่อง เช่น โตโยต้า/บีเอ็มดับเบิลยู กับโครงการ Post-lithium-battery technology ซึ่งใช้เทคโนโลยีลิเธียม-แอร์เป็นตัวตั้ง หรือยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ที่พยายามลดน้ำหนักแบตเตอรี่จนได้แบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ต้นแบบที่มีน้ำหนักเพียง 300 กรัม ทว่าให้ประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับแบตเตอรี่ยุคปัจจุบันที่มีน้ำหนักถึง 15,900 กรัม
● นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งจุดนี้ยังคงเป็นสิ่งที่จูงใจให้นักพัฒนาพยายามค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้มันมีความเสถียรกว่าที่เป็นอยู่ในแลป เพราะหากแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ใช้งานในอุตสหกรรมการผลิตได้จริง ต้นทุนที่ต่ำกว่า น้ำหนักที่เบากว่า และการเก็บประจุไฟฟ้าได้มากกว่า ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักตัวรถ การเพิ่มระยะทางในการวิ่ง หรือแม้กระทั่งการดาวน์ไซส์ซิ่งมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับอัตราส่วนกำลัง:น้ำหนัก ที่ดีขึ้น
● อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งคิดว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ จะเข้ามาแทนที่ลิเธียม-ไอออนกันได้ง่ายๆ ครับ เนื่องจากช่วงที่เปลี่ยนผ่านจากแบตเตอรี่นิคเคิล-เมทัล ไฮไดรด์ มาเป็นลิเธียม-ไอออนนั้น มันมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่ก่อนหน้า (รถไฮบริดบางรุ่นยังใช้นิคเกิล-เมทัลไฮไดรด์กันอยู่เลยครับ)… ดังนั้นการจะใช้งานจริง แม้แลปใดแลปหนึ่งจะชิงพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์ ทว่าในฐานะผู้ที่ขายเทคโนโลยีให้ซัพพลายเออร์ ก็ยังต้องรอให้มีบริษัทรถยนต์มาเปิดหน้างานก่อน นั่นหมายถึงการปรับปรุงสายการผลิตครั้งใหญ่ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ในเร็ววัน ●
