
Honda Accord Hybrid TECH 300 กิโลเมตร 16 กิโลเมตร/ลิตร
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ : ฮอนด้า ประเทศไทย
• ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด โฉมปัจจุบัน เจนเนอเรชั่นที่ 9 เปิดตัวรุ่นไฮบริดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ล่าสุดกระตุ้นตลาดด้วยรุ่นปรับโฉม เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน ขยับสมรรถนะจาก 199 เป็น 215 แรงม้า เพิ่มความปลอดภัยในระบบ Honda Sensing แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยเหมือนเดิม รุ่น HYBRID ราคาเท่าเดิม 1.659 ล้านบาท ส่วนรุ่น HYBRID TECH ราคา 1.849 ล้านบาท ลดลง 50,000 บาท เพิ่มความมั่นใจด้วยการประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
• ทิ้งช่วงจากการ เปิดตัวรุ่นปรับโฉม ไม่นาน ฮอนด้าก็จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับรุ่นสูงสุด HYBRID TECH เส้นทางพัทยา-จันทบุรี ระยะทางรวมประมาณ 300 กิโลเมตร กับรูปแบบการขับที่หลากหลายทั้งในเมือง ทางโล่ง และทางคดเคี้ยว ลองระบบความปลอดภัย Honda Sensing และขาดไม่ได้กับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ได้จากการขับใช้งานจริง
จากซ้าย : มร. ชูจิ โอตาเกะ หัวหน้าวิศวกรผู้พัฒนา แอคคอร์ด ไฮบริด บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และนายสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
ขยับสมรรถนะทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
• เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ Atkinson Cycle เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC 2,000 ซีซี เพิ่มกำลังจาก 143 เป็น 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดขยับขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 16.8 ที่ 4,500 รอบต่อนาที เป็น 17.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีการปรับปรุงเพิ่มความหนาแน่นของขดลวด ลดขนาดแม่เหล็ก และเพิ่มประสิทธิภาพของวงจรไฟฟ้า ตัวมอเตอร์มีขนาดและน้ำหนักลดลง 23 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มกำลังจาก 169 เป็น 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดเพิ่มจากเดิม 31.3 เป็น 32.1 กก.-ม. ที่ 0-2,000 รอบต่อนาที สมรรถนะรวมทั้งระบบเพิ่มจาก 199 เป็น 215 แรงม้า คาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 99 กรัมต่อกิโลเมตร ปรับปรุงการทำงานของ PCU หรือ High-Integration Power Control Unit พร้อมลดขนาดลง 23 เปอร์เซ็นต์ และลดน้ำหนักลง 27 เปอร์เซ็นต์
• ระบบไฮบริดของฮอนด้า Sport Hybrid i-MMD หรือ Intelligent Multi-Mode Drive ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถ 1 ตัว และอีกตัวทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ปรับปรุงชุด IPU หรือ Intelligent Power Unit ด้วยการลดขนาดแบตเตอรี่ลง 33 เปอร์เซ็นต์ ลดน้ำหนักลง 12.8 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งลดขนาดและน้ำหนักของตัวแปลงไฟฟ้าด้วย ส่งผลให้ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุเพิ่มขึ้นจาก 398 เป็น 424 ลิตร เพิ่มขึ้น 26 ลิตร และมีความลึกเพิ่มขึ้นจากเดิม 743 เป็น 830 มิลลิเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า หรือ E-CVT ระบบนี้เน้นให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำการขับเคลื่อนรถให้มากที่สุด แบ่งเป็น 3 โหมด คือ:
• 1. EV Drive Mode ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เมื่อลดความเร็วระบบจะเปลี่ยนพลังงานเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่
• 2. Hybrid Drive Mode ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากเครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูง และเมื่อลดความเร็วเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่
• 3. Engine Drive Mode ขับเคลื่อนรถด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยชุดล็อคอัพคลัตช์ที่ติดตั้งในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง
เมื่อเงื่อนไขทุกอย่างพร้อม แบตเตอรี่มีไฟฟ้าเพียงพอ กดคันเร่งอย่างนุ่มนวล มีโหลดหรือภาระไม่มากนักและใช้ความเร็วไม่สูงมาก ระบบก็จะขับเคลื่อนด้วยโหมด EV แต่ก็ยังมีสวิตช์ EV แยกไว้ให้ ลองกดใช้งานดูแล้วรู้สึกว่าจะทำให้อยู่ในโหมด EV ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเลี้ยงคันเร่งมากนัก แต่ถ้ากดคันเร่งหนักๆ ก็จะตัดเป็นโหมดไฮบริดอยู่ดี
• Hybrid Drive Mode ของฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ต่างจากระบบไฮบริดแบบทั่วไปตรงที่ ไม่ได้ใช้กำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถ แต่ใช้ไฟฟ้าจากเจนเนอเรเตอร์ ที่ได้จากการหมุนของเครื่องยนต์ และไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ส่งไปให้มอเตอร์ขับเคลื่อนเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถ จึงไม่มีจังหวะที่มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ทำหน้าที่พร้อมกันในการขับเคลื่อนรถ
• การขับใช้งานในเมืองหรือที่ความเร็วต่ำ เครื่องยนต์และระบบไฮบริดตอบสนองได้อย่างทันใจ เพิ่มความเร็วได้อย่างทันท่วงทีเมื่อกดคันเร่ง ส่วนการเร่งแซงที่ความเร็วปานกลางถึงความเร็วสูงก็ทำได้ดีเช่นกัน โหมด Sport ไม่ได้เพิ่มกำลังขับเคลื่อน แต่ทำให้คันเร่งมีการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น และเครื่องยนต์จะทำงานตลอดเวลา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปั่นไฟให้เจนเนอเรเตอร์และส่งให้มอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเงื่อนไขทุกอย่างพร้อม แบตเตอรี่มีไฟฟ้าเพียงพอ กดคันเร่งอย่างนุ่มนวล มีโหลดหรือภาระไม่มากนักและใช้ความเร็วไม่สูงมาก ระบบก็จะขับเคลื่อนด้วยโหมด EV แต่ก็ยังมีสวิตช์ EV แยกไว้ให้ ลองกดใช้งานดูแล้วรู้สึกว่าจะทำให้อยู่ในโหมด EV ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเลี้ยงคันเร่งมากนัก แต่ถ้ากดคันเร่งหนักๆ ก็จะตัดเป็นโหมดไฮบริดอยู่ดี
• ขณะเร่งความเร็วจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์บ้าง เพราะเครื่องยนต์กำลังปั่นไฟเพื่อจ่ายให้มอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่เครื่องยนต์กำลังขับเคลื่อนรถ ยกเว้นที่ความเร็วสูงชุดล็อคอัพคลัตช์ที่ติดตั้งในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ในช่วงนี้มีอัตราทดเกียร์อยู่ที่ 0.805
• การทดลองขับครั้งนี้ ทีมงานมอเตอร์ทริเวียเหมาคนเดียว 300 กิโลเมตร เพราะเพื่อนที่ขับคู่กันติดธุระกะทันหัน ออกจากจุดสตาร์ต โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล พัทยา มุ่งหน้าจังหวัดจันทบุรี เซต 0 ข้อมูลการขับใหม่หมด ช่วงแรกขับผ่านเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วน เจอรถติดจากการทำอุโมงค์ที่พัทยา และติดหนักมากแถวหน้าพีระเซอร์กิตจากการทำถนนเช่นกัน ในช่วงทางโล่งใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แวะพักช่วงแรกหลังจากขับไป 62.4 กิโลเมตร ได้อัตราสิ้นเปลือง 17.4 กิโลเมตรต่อลิตร มีลุ้นว่าน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับตัวเลขโรงงานที่ระบุไว้ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร
• ขับต่อถึงร้านอาหารกลางวัน ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร อิ่มแล้วขับกลับโรงแรม มีแวะพักดื่มกาแฟอีกนิด ขากลับช่วงแรกใช้ความเร็วค่อนข้างสูง เพราะต้องขับตามเพื่อนเนื่องจากไม่รู้ทาง แต่สุดท้ายก็ตามไม่ทันอยู่ดี ได้ลองใช้โหมด Sport ดูบ้างพบว่ามีการตอบสนองที่ฉับไวขึ้นแบบรู้สึกได้ ส่วนความนุ่มนวลขึ้นอยู่กับน้ำหนักในการกดคันเร่ง ไม่ใช่ว่าอยู่ในโหมด Sport แล้วจะขับให้นุ่มนวลไม่ได้ ช่วงที่ขับเร็ว อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยก็ลดลงบ้าง แต่เมื่อกลับมาใช้ความเร็วปกติ อัตราสิ้นเปลืองก็ขยับดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นรถที่ขับให้ประหยัดได้ไม่ยาก แบตเตอรี่ไฮบริดมีอัตราการหมุนเวียนไฟฟ้าที่ดี ชาร์จไม่นานก็เกือบเต็ม และใช้ได้นานพอสมควรกว่าจะหมด
• โชคดีในช่วงขากลับรถยังไม่ติดมาก และถึงโรงแรมโดยไม่หลง ระยะทางรวมทั้งทริป 301.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 31 นาที ความเร็วเฉลี่ย 66 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระยะทางที่ขับได้ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ 678 กิโลเมตร จากถังน้ำมันที่มีความจุ 60 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะการขับ
Honda SENSING สอดคล้องกับชีวิตจริง
• แอคคอร์ด ไฮบริด รุ่นสูงสุด ให้ระบบความปลอดภัยมาแบบครบครันประกอบด้วย:
• 1. Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ตรวจวัดระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า จากนั้นระบบจะปรับความเร็วของรถให้โดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา โดยผู้ขับสามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้เองด้วย
• เท่าที่ทดลองใช้ถือว่าระบบฉลาดพอตัวและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทางข้างหน้าโล่ง ล็อกความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมีรถข้างหน้าช้ากว่า ก็จะลดความเร็วลง และรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ โดยนับเป็นวินาที ดังนั้นถ้าตั้งระยะห่างไว้เท่าเดิม แต่ล็อกไว้ที่ความเร็วสูงขึ้น ระยะห่างก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อความปลอดภัย
• 2. Collision Mitigation Braking System (CMBS) ระบบเตือนการชนด้านหน้า และตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์ พร้อมระบบช่วยเบรก เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย (ตรวจวัดจากความเร็วของรถทั้ง 2 คัน) ระบบจะเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมสัญญาณเสียง และมีการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ระบบ CMBS ได้รับการพัฒนาให้ตรวจจับคนเดินถนนได้ด้วย
• บางจังหวะที่เร่งเข้าหารถคันหน้าแล้วเบี่ยงออกเพื่อจะเร่งแซง ระบบจะเตือนว่ามีโอกาสที่จะชนคันหน้า โดยมีไฟกะพริบสีส้มเหนือชุดมาตรวัด สว่างสะท้อนไปที่กระจกหน้าตรงกับผู้ขับ แต่ยังไม่ถึงกับเบรกให้เอง เพราะเบี่ยงรถพ้นจากท้ายคันหน้าไปก่อน สถานการณ์แบบนี้น่าจะพบได้บ่อยในการใช้งานจริง
• 3. Lane Keeping Assist System (LKAS) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา ทำงานทั้งทางตรงและโค้งที่ไม่แคบมาก แต่ผู้ขับต้องจับพวงมาลัยไว้ด้วย ถ้าระบบตรวจไม่พบแรงต้านที่พวงมาลัย หมายความว่าผู้ขับปล่อยมือ ระบบจะหยุดการทำงาน
• 4. Road Departure Mitigation (RDM) และ Lane Departure Warning (LDW) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกเลน เมื่อรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (รถเบี่ยงออกนอกเลนโดยผู้ขับไม่เปิดไฟเลี้ยว) ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัยเพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าเลน หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
• ทั้ง 2 ระบบนี้ ทำงานได้เนียนดี ค่อยๆ ดึงพวงมาลัยอย่างนุ่มนวลเมื่อแกล้งขับเบี่ยงออกนอกเลน ลองเปิดไฟเลี้ยวขวาแล้วเบี่ยงรถออกทางซ้าย ระบบก็ไม่ดึงพวงมาลัยให้ แสดงว่าระบบจะตรวจเพียงว่าผู้ขับเปิดไฟเลี้ยวหรือไม่ ขับแล้วรู้สึกว่าระบบจะขยันทำงานไปนิด รถเบี่ยงออกซ้าย-ขวานิดหน่อยก็เริ่มดึงพวงมาลัยแล้ว เหมือนจะพยายามให้รถอยู่กลางเลนเป๊ะๆ มีข้อดีคือ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องเพ่งสมาธิควบคุมพวงมาลัยมากนัก
• ระบบความปลอดภัยอื่น เช่น Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาฝั่งซ้ายขณะเปลี่ยนเลน ช่วยลดจุดบอดด้วยกล้องซึ่งจะถ่ายทอดภาพมาที่หน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว พร้อมเส้นกะระยะห่าง ทำงานเมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้าย มีสวิตช์เปิด-ปิดกล้องที่หัวก้านสวิตช์ไฟเลี้ยว, Multi-angle Rearview Camera กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ 130 องศา 180 องศา และแบบมุมสูง Bird Eye View, ระบบ Active Cornering Light ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว ช่วยเพิ่มความสว่างด้านข้างตัวรถ, Acoustic Vehicle Alerting System ระบบเสียงเตือนภายนอกตัวรถขณะขับด้วยโหมด EV
ภายนอกปรับใหม่ ภายในเพิ่มความเงียบสงบ
• เส้นสายหลักของรูปลักษณ์ยังคงเหมือนเดิม ปรับเพิ่มในส่วนของความเฉียบคมทำให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ชุดไฟหน้าไฟท้าย LED สวยงามทันสมัยและประหยัดพลังงาน ตัวรถยาวขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 4,870 เป็น 4,930 มิลลิเมตร แต่น้ำหนักเบาลงจากเดิม 1,663 เป็น 1,635 กิโลกรัม รุ่น TECH ให้ล้อขนาด 8×18 นิ้ว ยาง 235/45 R18
• ห้องโดยสารปรับปรุงจากรุ่นก่อนในบางจุด เช่น จอที่คอนโซลกลางเปลี่ยนเป็นแบบสัมผัส จึงไม่ต้องมีสวิตช์ควบคุมหน้าจอ และแทนที่ด้วยช่องใส่ของจุกจิกพร้อมช่อง USB รองรับ Apple CarPlay คอนโซลเกียร์ปรับใหม่ ย้ายสวิตช์ EV ไปไว้ด้านข้าง ส่วนตำแหน่งเดิมแทนที่ด้วยสวิตช์เปิด-ปิดโหมด Sport ปรับปรุงเพิ่มความเงียบด้วยการติดตั้งคานเสริมบริเวณโครงสร้างพื้นรถ พร้อมบูชยางพิเศษ เสริมโฟมยูริเธนในจุดต่างๆ เช่น ที่เสาหน้า ซุ้มล้อหน้าและหลัง พื้นรถ และด้านท้าย รวมทั้งเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงที่ฝากระโปรงหน้า พื้นรถ หลังคา และแผงประตู
ช่วงล่างปรับปรุงใหม่
• ระบบกันสะเทือนคงเดิม เป็นแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ ปรับปรุงเพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งในด้านความสะดวกสบาย และการบังคับควบคุมที่ดี ปรับปรุงช็อกแอ็บซอร์เบอร์ให้มีการตอบสนองที่ดีขึ้น เปลี่ยนบูชยางและฝาปิดแกนช็อกฯ ลดแรงดันสูญเปล่าของน้ำมันที่ไหลผ่านวาล์วในช็อกฯ เพิ่มการตอบสนอง และเพิ่มความสมดุลด้านหน้าและด้านหลัง พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ปรับในส่วนของการตอบสนอง เพิ่มความแม่นยำและความมั่นคงเมื่อใช้ความเร็วสูง และให้การตอบสนองที่หนักแน่นเมื่อขับบนทางคดเคี้ยว
• การขับบนทางเรียบยังคงความนุ่มสบาย ขับได้นานโดยไม่เมื่อยล้า การดูดซับแรงสะเทือนทำได้ดี เมื่อขับผ่านถนนที่เป็นคลื่นลอนต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงจะรู้สึกว่าตัวรถมีการยุบแรงและยืดกลับแรงไปนิด ที่ชอบใจเป็นพิเศษคือ การขับบนทางคดเคี้ยว ที่ทำได้คล่องและเบาแรงเฉียบคม ทั้งที่รถคันค่อนข้างใหญ่ การยุบหรือเอียงตัวมีไม่มากนัก พวงมาลัยหนืดพอเหมาะไม่เบาหวิว ให้ความรู้สึกในการควบคุมที่ดี หนักแน่นมั่นใจ ขับในโค้งแคบๆ ได้สนุก ระบบเบรกไฟฟ้า ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ได้ความรู้สึกในการเบรกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งโดยรวมก็รู้สึกว่าใกล้เคียงกับเบรกแบบหม้อลมที่คุ้นเคยมานาน ระบบสร้างแรงเบรกได้หนักแน่นเหลือเฟือ
• ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด TECH ปรับโฉมใหม่ทั้งภายในและภายนอก ขยับสมรรถนะ อัตราสิ้นเปลืองคงเดิม ระบบไฮบริดเน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ให้การตอบสนองที่ดี ขับสนุกและประหยัด เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานและเพิ่มระบบความปลอดภัยที่ใช้งานได้จริง กับราคาที่ลดลงจากรุ่นเดิม 50,000 บาท ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและน่าสนใจมากขึ้น •
Specification: Honda Accord Hybrid TECH
– แบบตัวถัง ซีดาน 4 ประตู
– ยาว x กว้าง x สูง 4,930 x 1,850 x 1,465 มิลลิเมตร
– ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,585 / 1,595 มิลลิเมตร
– ฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร
– ระยะต่ำสุดจากพื้น 141 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 1,635 กิโลกรัม
– แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC16 วาล์ว i-VTEC Earth Dreams Technology
– ความจุ 1,993 ซีซี
– กระบอกสูบ x ช่วงชัก 81.0 x 96.7 มิลลิเมตร
– อัตราส่วนการอัด 13.0:1
– กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที
– แรงบิดสูงสุด 17.8 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบต่อนาที
– มอเตอร์ไฟฟ้า 184 แรงม้า
– แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม.
– แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน
– กำลังสูงสุดรวม 215 แรงม้า
– ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ E-CVT
– ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
– ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
– ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง และ VSA
– ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน / ดิสก์ พร้อม ABS, EBD และ BA
– ผู้จำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
– โทรศัพท์ 0-2341-7777
– เวบไซต์ www.honda.co.th/accordhybrid.
2016 Honda Accord Hybrid TECH