August 18, 2016
Motortrivia Team (10183 articles)

รถของคุณเหมือนเครื่องบินกระดาษอย่างไร? Ford มีคำตอบ


Press Release

 

  คุณอาจคิดไม่ถึง เครื่องบินกระดาษนั้นมีหลายสิ่งเหมือนกับ Ford Everest อย่างไรก็ตาม หลักการที่ช่วยให้เครื่องบินกระดาษที่พับมาอย่างประณีตสามารถบินได้อย่างราบรื่นในอากาศนั้น คล้ายคลึงกับหลักการที่วิศวกรของฟอร์ดใช้ในการออกแบบ Ford Everest ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีอย่างน่าทึ่ง

  “ความลับของการสร้างเครื่องบินกระดาษดีๆ ซักลำอยู่ที่ความใส่ใจในรายละเอียด”  ร็อบ คาร์สแตร์ (Rob Carstairs) นักอากาศพลศาสตร์ อาวุโส (senior aerodynamicist) ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “ทุกรอยพับที่คุณพับบนกระดาษจะสร้างความแตกต่างระหว่างเครื่องบินที่บินได้ดีกับอีกลำที่บินตก ซึ่งฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ก็ไม่แตกต่างนัก เราใช้เวลานับพันชั่วโมงเพื่อขัดเกลาทุกๆ โครงสร้างและองค์ประกอบของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่ารถมีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นหมายความว่ารถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าของเราจ่ายค่าน้ำมันน้อยลง”

  และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้เข้าใช้งานศูนย์วิจัย Automotive Research and Training (ACART) ซึ่งเป็นศูนย์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดสำหรับรถยนต์ ตั้งอยู่ ณ ศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของฟอร์ด ใกล้กับเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

  อุโมงค์ลมของศูนย์วิจัย ACART มีลักษณะคล้ายกับโรงเก็บรถขนาดใหญ่ โดยทีมวิศวกรของฟอร์ด สามารถใช้อุโมงค์ลมวัดค่าด้านอากาศพลศาสตร์ของรถอย่างละเอียดภายใต้สถานการณ์จำลองอันหลากหลาย ซึ่งค่าที่ได้จากการวัดนี้ ทำให้วิศวกรสามารถระบุได้ว่าชิ้นส่วนใดในรถยนต์ต้นแบบของ Ford Everest ที่ทำให้เกิดแรงต้านอากาศและส่งผลให้รถยนต์มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์แย่ลง จากการจำลองสถานการณ์ในอุโมงค์ลมมากกว่า 100,000 ชั่วโมง ประกอบกับการปรับแก้การออกแบบอย่างละเอียดนับครั้งไม่ถ้วน ทีมวิศวกรสามารถลดค่าตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของ Ford Everest เหลือเพียง 0.389 ซึ่งหมายความว่า Ford Everest มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานดีกว่ารถส่วนใหญ่ในขนาดเดียวกัน และค่าดังกล่าวยังส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น

 

  การทำให้รถยนต์มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เป็นเรื่องของการสร้างความสมดุล Ford Everest ต้องสามารถให้อากาศไหลผ่านได้ดีโดยไม่ส่งผลต่อสมรรถนะด้านออฟ-โรดของรถ และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว คาร์สแตร์ และทีมงาน ได้ออกแบบชุดกันชนหน้าส่วนล่าง-แบบ 3 มิติขึ้นโดยติดตั้งอยู่ใต้กันชนหน้าของรถ ชุดกันชนนี้จะช่วยจัดการการไหลเวียนของกระแสอากาศใต้รถยนต์ ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ชุดกันชนหน้าส่วนล่างยังออกแบบมาให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อความสูงจากพื้นรถ-และมุมไต่ของรถ ส่งผลให้รถสามารถแสดงขีดความสามารถแบบออฟโรดได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ยังช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้นในยามขับขี่บนท้องถนน

  อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ใน Ford Everest ได้แก่กระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดแรงต้านอากาศแล้ว กระจกมองข้างยังถูกออกแบบมาให้ลดเสียงลมที่เกิดขึ้นขณะขับรถโดยเปิดกระจก นอกจากนี้ แถบ คิกเกอร์ (Aerodynamic kickers) ที่ติดตั้งอยู่ที่ตัวถังด้านท้ายถัดจากกระจกหลังยังช่วยจัดการการไหลเวียนของกระแสอากาศและลดแรงต้านอากาศท้ายรถ

   Ford Everest อาจมีความแตกต่างจากเครื่องบินกระดาษอย่างมาก แต่กฎด้านอากาศพลศาสตร์ที่เกี่ยวข้องนับเป็นหลักการเดียวกัน โดยหัวใจของประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์คือการใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งทีมวิศวกรของฟอร์ดได้ทำตามหลักการดังกล่าวจนสามารถปรับแต่งค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอันส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ใน Ford Everest ได้อย่างเหมาะสม และสร้างรถยนต์อันประณีต มีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดเงินตลอดอายุการใช้งาน พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การขับที่เงียบและสะดวกสบายกว่า