Porsche Cayenne S E-Hybird & Macan ประสบการณ์แรกกับการขับแบบใช้งานจริง
เรื่อง : สุพรรณี ยังอยู่ – ภาพ : ปอร์เช่ ประเทศไทย
● เมื่อปลายปี 2014 ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัว ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด รถสปอร์ตเอนกประสงค์ 5 ที่นั่ง อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท โดยคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด นับเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรุ่นใหม่ล่าสุดที่สานต่อความสำเร็จของนวัตกรรม “อี-ไฮบริด” อย่าง ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด รุ่นที่ผ่านมา
● แม้จะเป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง (ครอสโอเวอร์) ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกยังคงดุดัน คมเข้ม คงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของปอร์เช่ได้อย่างหมดจด ทันสมัยด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED มิติตัวถังยาว 4,855 มิลลิเมตร กว้าง 1,939 มิลลิเมตร สูง 1,705 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,895 มิลลิเมตร ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านพร้อมแพดเดิลชิฟท์ เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ
● ระบบ Plug-in hybrid ของปอร์เช่นั้น เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันในแบบ Parallel full hybrid เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อไปพร้อมกัน ตัวระบบประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี6 3,000 ซีซี เทอร์โบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Tiptronic s เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเธี่ยม-ไอออนขนาด 10.8 kWh ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นแบบ Permanent all-wheel drive กำลังสูงสุด 416 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 60.12 กก.-ม. ที่ 1,250 – 4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
● หากขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียว จะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริด 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเพียง 79 กรัมต่อกิโลเมตร
● สำหรับรถสปอร์ตเอนกประสงค์ขนาดคอมแพคท์ 5 ประตู 5 ที่นั่งอีกรุ่นของปอร์เช่ในทริปนี้ ปอร์เช่ มาคันน์ ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด ใช้งานคล่องตัว ฝากระโปรงออกแบบให้อยู่เหนือฐานล้อและไฟหน้า เพื่อทำให้ด้านหน้าของรถดูกว้างและทันสมัย ไฟหน้าและไฟท้าย LED มิติตัวถังมีความยาว 4,697 มิลลิเมตร กว้าง 1,923 มิลลิเมตร สูง 1,624 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,807 มิลลิเมตร พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมแพดเดิลชิฟท์ ภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำเช่นกัน เบาะฝั่งผู้ขับปรับได้ 8 ทิศทาง
● มาคันน์ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ VarioCam Plus กำลังสูงสุด 252 แรงม้าที่ช่วง 5,000 – 6,800 รอบต่อนาที แรงบิด 37.70 กก.-ม. ที่ 1,600 – 4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 229 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 13.33 – 13.88 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 172-167 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Active all-wheel drive และมีตัวช่วยอย่าง Porsche Traction Management (PTM) ช่วยดูแลเรื่องการทรงตัวเพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก
● ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ 7 จังหวะ Porsche Doppelkupplung (PDK) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในด้านการเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วและนุ่มนวล ให้การตอบสนองที่ฉับไวตามรอบเครื่องยนต์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้มีการใช้เชื้อเพลิงต่ำ
● เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายในช่วงปลายปี ปอร์เช่ ประเทศไทย จึงจัดกิจกรรม Porsche SUV Lady Drive ด้วยรถเอสยูวี 2 รุ่นเด่นนี้ โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา ระยะทางไป-กลับประมาณ 148 กิโลเมตร ซึ่งรถร่วมทริปก็คือ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด และ ปอร์เช่ มาคันน์ นั่นเอง รูปแบบการขับมุ่งเน้นให้สื่อมวลชนสตรีได้ทดลองขับใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีสื่อฯ เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 11 คน
● ก่อนการเดินทางมีการแนะนำเส้นทางและกติกากันเล็กน้อย โดยแบ่งกลุ่มสื่อมวลชน 3 – 4 คนต่อคัน ระหว่างเส้นทางการทดลองขับระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร มีการสลับผู้ขับจนครบทุกคน และมีจุดแวะพัก 2 จุดเพื่อสลับรถ ทุกคนจะได้ขับรถทั้ง 2 รุ่นในระยะทางใกล้เคียงกัน
● เริ่มออกเดินทางโดยขับกันเป็นขบวนจากศูนย์บริการปอร์เช่ ถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้เส้นทางทางยกระดับอุตราภิมุขหรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เมื่อลงทางราบมีจุดสลับเปลี่ยนคนขับตามจุดที่กำหนด ใช้เวลาไม่มากนักก็ถึงจุดแวะพักที่ 1 ร้าน Summer House เพื่อรับประทานเครื่องดื่ม และขนมหวาน
● Summer House เป็นบ้านพักอาศัยซึ่งเจ้าของบ้านเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ ติดริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่น สงบ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ทางทีมงานปอร์เช่แจ้งกับเราว่าสั่งของหวาน Rice berry Moose ซึ่งเป็น Signature ของทางร้านเอาไว้ให้ ใครอยากมาเองต้องโทรมาจองล่วงหน้านะคะ ไม่เช่นนั้นอาจจะอดรับประทานค่ะ
● หลังจากพักผ่อนเก็บภาพบรรยากาศกันพอสมควร ก็ถึงเวลาเดินทางต่อโดยทำการสลับเปลี่ยนรถกัน เมื่อโยกย้ายสัมภาระกันเรียบร้อย ก็เดินทางไปทำบุญกันต่อที่ วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ วัดป่าแก้ว หรือ วัดเจ้าพระยาไท ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก
● ตามข้อมูลประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสำนักของพระสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา คณะสงฆ์ที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยเรียกนามนิกายในภาษาไทยว่า “คณะป่าแก้ว” วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาคนเลื่อมใสบวชเรียน จึงมีการตั้งอธิบดีสงฆ์เป็นสมเด็จพระวันรัตน์มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระมีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายซ้าย หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเจ้าพระยาไท” สันนิษฐานว่ามาจากที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างวัดป่าแก้วขึ้น ณ บริเวณที่ซึ่งได้ถวายพระเพลิงพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทหรืออาจมาจากการที่วัดนี้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชฝ่ายขวา ซึ่งในสมัยโบราณเรียกพระสงฆ์ว่า “เจ้าไท” ฉะนั้นเจ้าพระยาไทจึงหมายถึงตำแหน่งพระสังฆราช
● โบราณสถานแห่งนี้ยังมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2135 เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่ราษฎรเรียกว่า “พระเจดีย์ใหญ่” ฉะนั้นนานวันเข้าวัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” ทว่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 บ้านเมืองถูกกองทัพพม่าเผาทำลาย วัดใหญ่ชัยมงคลจึงถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์จึงมีการบูรณปฏิสังขรณ์และมีภิกษุสงฆ์จำพรรษาดังเช่นในปัจจุบัน
● สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหนือมังกะยอชวา พระมหาอุปราชของหงสาวดี และวิหารพระพุทธไสยาสน์ สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่ถวายสักการบูชาและปฏิบัติพระกรรมฐาน ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก
● ใครสนใจเวลาเปิดอยู่ในช่วง 08.00 – 17.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 20 บาท นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 03-524-2640 หรือทางเว็บไซต์ www.watyaichaimongkol.net ค่ะ
*อ้างอิงข้อมูลจากเวปไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
● ทำบุญไหว้พระกันเรียบร้อย ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน เดินทางต่อไปไม่ไกลนัก ขับรถประมาณ 5 นาที ถึงร้าน เรือนไทย สยาม ตัวร้านมีลักษณะเป็นบ้านเรือนไม้เก่าทรงไทย เปิดบริการมานานกว่า 20 ปี เมนูอาหารค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่ถูกใจคือ กุ้งแม่น้ำเผาที่ตัวใหญ่มาก เพื่อนสื่อมวลชนบางท่านไม่สามารถรับประทานหมดทั้งตัว แค่ครึ่งตัวแบ่งก็อิ่มแล้ว จำเป็นต้องแบ่งกันให้เพื่อนๆ ท่านอื่นช่วยด้วย
● เสร็จภารกิจแล้วเตรียมเดินทางกลับ จุดหมายต่อไปคือจุดแวะพักที่ 2 เพื่อทำการสลับรถ แต่ก่อนถึงจุดแวะพักนั้น มีการสลับเปลี่ยนคนขับตามจุดที่กำหนดจนครบทุกคน และขับกันเป็นขบวนเหมือนเดิม
● ช่วงเดินทางกลับกรุงเทพฯ เจอพายุฝนค่อนข้างหนัก มองออกไปด้านนอกรถเห็นแต่สายฝนสีขาวทั่วไปหมด การใช้ความเร็วจึงลดลงตามสภาพอากาศเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ก่อนถึงจุดแวะพักที่ 2 เพื่อพักผ่อน และเปลี่ยนรถนั้นฝนก็หยุดตก สิ่งที่ตามมาก็คือสภาพการจราจรติดขัดมาก เนื่องจากเส้นทางมุ่งเข้ากรุงเทพฯ เกิดอุบัติเหตุ แต่พอพ้นจุดดังกล่าวสักระยะก็สามารถใช้ความเร็วได้มากขึ้น ขบวนปอร์เช่ เอสยูวี จึงมุ่งหน้าใช้เส้นทางดอนเมืองโทลล์เวย์ แล้วเดินทางกลับถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ●
ขอบคุณ : บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
อัพเดทราคาจำหน่ายปอร์เช่ปี 2016:
– Porsche 911 Carrera ราคา 12,200,000บาท
– Porsche 911 Carrera S ราคา 13,500,000บาท
– Porsche Cayenne S E-Hybrid ราคา 7,990,000บาท
– Porsche Macan ราคา 6,350,000บาท
– Porsche Macan S Diesel ราคา 6,850,000บาท
– Porsche 718 Boxster ราคา 7,200,000บาท
– Porsche 718 Boxster S ราคา 8,500,000บาท
– Porsche 718 Cayman ราคา 6,990,000บาท
– Porsche 718 Cayman S ราคา 8,300,000บาท
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
● บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย รวมถึงเป็นศูนย์บริการปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รถทุกคันที่นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ผ่านการทดสอบ Homologation ของประเทศไทยอย่างถูกต้องและเต็มกระบวนการที่จำเป็น และสำคัญสำหรับการนำมาใช้งานในประเทศไทย ระบบจัดการของเครื่องยนต์ในรถปอร์เช่เหล่านี้จะได้รับการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบของประเทศไทยอย่างดีที่สุด อาทิเช่น ปรับให้เหมาะสมตามเงื่อนไขและข้อจำกัดกับคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และสภาพการขับขี่ในประเทศไทย เป็นต้น
● ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche ServiceSupport Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่
● สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.porsche.co.th ●