January 9, 2017
Motortrivia Team (10076 articles)

Ford เตรียมผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 13 รุ่นภายในปี 2022


Press Release

 

●   ฟอร์ด ประกาศเตรียมผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 13 รุ่นภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2022 เบื้องต้นรุ่นรถที่คอนเฟิร์มแล้วบางส่วนประกอบด้วย Ford F-150 Hybrid และ Ford Mustang Hybrid สำหรับจำหน่ายในสหรัฐฯ ก่อนภายในปี 2020 ส่วนฝั่งยุโรปจะมี Ford Transit Custom plug-in hybrid เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ในขณะที่ SUV พลังงานไฟฟ้าที่วิ่งทำระยะทางได้อย่างน้อย 482 กม. จะถูกทำตลาดในเอเชีย, อเมริกาเหนือ และยุโรป

●   การประกาศแผนงานนี้ รวมไปถึงการยกเลิกแผนงานสร้างโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เมืองซานหลุยส์โปโตซี ประเทศเม็กซิโก และเพิ่มงบลงทุน 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับปรุงโรงงานที่แฟลตร็อค เมืองมิชิแกน ให้เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่ติดตั้ง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า คู่กับ Ford Mustang และ Lincoln Continental โดยฟอร์ดจะผลิต Ford Focus ที่โรงงานที่มีอยู่แล้วในเมืองเฮอร์โมซิลโล ประเทศเม็กซิโก เพื่อพัฒนาผลประกอบการของบริษัท

●   แผนงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2020 เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งฟอร์ดหวังจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ และการสัญจรอัจฉริยะ รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมนำเสนอแนวทางการสัญจรแบบใหม่ๆ ควบคู่กันไปด้วย

●   “ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับรถไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย รวมถึงการบริการและโซลูชั่นต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น”  มาร์ค ฟีลด์ส (Mark Fields) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ดกล่าว “การลงทุนและการขยายการผลิตของฟอร์ดสะท้อนวิสัยทัศน์ของเราที่เชื่อว่า ในอีก 15 ปีข้างหน้านี้ จะมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าจำนวนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน”


(ซ้าย) มาร์ค ฟีลด์ส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด


7 รุ่นรถที่ได้รับไฟเขียว

–   SUV ขนาดเล็กรุ่นใหม่ : เปิดตัวภายในปี 2020 ผลิตที่โรงงานในแฟลตร็อค วิ่งได้อย่างน้อย 482 กม. จำหน่ายในอเมริกาเหนือ, ยุโรป และเอเชีย
–   รถพาณิชย์ไฮบริดที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ : ออกแบบมาเพื่อการพาณิชย์ และการใช้งานในแบบ Carsharing เริ่มจากอเมริกาเหนือ เปิดตัวในปี 2021 ผลิตในโรงงานที่แฟลตร็อค
–   Ford F-150 Hybrid : พร้อมจำหน่ายปี 2020 ในอเมริกาเหนือและตะวันออกกลาง ผลิตที่โรงงานในเดียร์บอร์น จุดเด่นคือรถรุ่นนี้จะมีฟังก์ชั่นที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย
–   Ford Mustang Hybrid : ผลิตที่โรงงานในแฟลตร็อค จำหน่ายในอเมริกาเหนือเป็นที่แรกภายในปี 2020
–   Ford Transit Custom plug-in hybrid : พร้อมจำหน่ายในปี 2019 ที่ยุโรป ออกแบบมาเพื่อลดต้นทุนการใช้งาน แม้ต้องวิ่งบนถนนที่มีรถวิ่งหนาแน่นที่สุด
–   รถตำรวจแบบไฮบริดสำหรับขับไล่ล่ารุ่นใหม่ 2 รุ่น : (pursuit-rated hybrid police vehicles) โดย 1 ใน 2 รุ่นนี้จะผลิตในชิคาโก ซึ่งรถทั้ง 2 รุ่นจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์การใช้งานของตำรวจจากศูนย์ดัดแปลงรถตำรวจของฟอร์ดในชิคาโก


จิมมี่ เซทเทิล (Jimmy Settles) รองประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ


ระงับแผนงานในเม็กซิโก เพิ่มการจ้างงานในสหรัฐฯ
●   สำหรับศูนย์นวัตกรรมการผลิตรถยนต์ที่โรงงานประกอบรถยนต์แฟลตร็อคในอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีการจ้างงาน 700 อัตรา มูลค่าการลงทุน 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ศูนย์ฯ แห่งนี้จะผลิตรถ SUV ขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น รวมไปถึงรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ สำหรับการใช้งานแบบ Carsharing รวมทั้งรับหน้าที่ผลิต Ford Mustang และ Lincoln Continental

●   “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่ฟอร์ดสามารถช่วยเพิ่มงานให้คนอเมริกันตามข้อตกลงกับสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ หรือ UAW – Ford ได้”  จิมมี่ เซทเทิล (Jimmy Settles) รองประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ (United Auto Workers) แผนกฟอร์ด สหรัฐอเมริกา กล่าว “พนักงานทั้งชายและหญิงที่โรงงานประกอบรถยนต์ที่แฟลตร็อคต่างแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์เปี่ยมคุณภาพ และพวกเราต่างตั้งตารอความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของพวกเราที่จะมาพร้อมกับรถยนต์ไฮเทครุ่นใหม่นี้”

●   การเพิ่มงบการลงทุนที่โรงงานประกอบรถยนต์แฟลตร็อคนี้มาจากงบลงทุน 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ฟอร์ดเคยวางแผนไว้สำหรับการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อก่อนหน้านี้ โดยฟอร์ดได้ยกเลิกการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองซานหลุยส์โปโตซีที่ประเทศเม็กซิโก และจะย้ายฐานการผลิต Ford Focus รุ่นใหม่จากโรงงานผลิตในเมืองเวน รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา มายังโรงงานที่มีอยู่แล้วในเมืองเฮอร์โมซิลโล ประเทศเม็กซิโกแทน เพื่อเพิ่มผลประกอบการให้แก่บริษัท

●   การย้ายฐานการผลิต Ford Focus ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางการผลิตให้กับ Ford Mustang และ Lincoln Continental และยังช่วยรักษางานให้คนอเมริกันอีกกว่า 3,500 อัตรา

พัฒนาการของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
●   “กลยุทธ์ด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกของฟอร์ด คือ การสานต่อความแข็งแกร่งที่เรามีอยู่”  ราจ แนร์ (Raj Nair) รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ และหัวหน้าฝ่ายช่างเทคนิคของฟอร์ด กล่าว “ในขณะที่ บริษัทจำนวนมากต่างให้ความสำคัญกด้านการตลาดและยอดขาย แต่สำหรับฟอร์ด เราให้ความสำคัญกับการนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบรถของเรา ซึ่งหมายถึง การมอบสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นในรถกระบะ การมอบผลิตภาพที่มากยิ่งขึ้นในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และสมรรถนะการขับขี่ชั้นสูงสำหรับรถสปอร์ต พร้อมประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้นสำหรับรถทุกรุ่น”

●   ในปีนี้ ฟอร์ดได้เริ่มต้นทดลองนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเมืองต่างๆ เช่น ลอนดอน โดยฟอร์ดเตรียมนำ Ford Transit Custom plug-in hybrid มาใช้ในช่วงปลายปี พร้อมการบริการสัญจรรูปแบบใหม่, เทเลแมติกส์, การโทรสนเทศ หรือการสื่อสาร 2 ทางระหว่างรถยนต์และศูนย์บริการสารสนเทศจราจร และระบบการเชื่อมต่อสื่อสารต่างๆ นอกจากนี้ ฟอร์ดได้เริ่มต้นทดลองใช้รถแท็กซี่ Ford Transit Connect hybrid จำนวน 20 คันที่นิวยอร์ค และอีกหลายเมืองสำคัญๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงการทดลองใช้รถตู้ต้นแบบ ในบางเมืองที่มีการจราจารหนาแน่นติดอันดับโลก

●   แท็กซี่ Ford Transit Connect Hybrid ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความสำเร็จของรถแท็กซี่ไฮบริดคันแรกของโลก ซึ่งก็คือ Ford Escape Hybrid และเป็นรถไฮบริดคันแรกของทวีปอเมริกาเหนือ ปัจจุบันมีแท็กซี่ Ford Escape Hybrid แล่นอยู่บนท้องถนนเป็นจำนวนมาก แต่ละคันได้ให้บริการการเดินทางแก่ผู้โดยสารมากกว่า 350,000 ไมล์ และยังคงใช้แบตเตอรี่แพคเดิมอยู่ นอกจากนี้ฟอร์ดยังมียอดขายรถ plug-in hybrid สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 2

ยกระดับประสบการณ์การบริการใหม่ๆ
●   ฟอร์ดกำลังพัฒนาการให้บริการต่างๆ เพื่อให้การเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นมีความคุ้มค่าและสะดวกสบายกว่าเดิม “นวัตกรรมการให้บริการ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้าไม่น้อยไปกว่าคุณภาพของรถยนต์ไฟฟ้า”  ฮั่ว ไท-ตั้ง รองประธานกลุ่มด้านจัดซื้อ และผู้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด กล่าว “เรามุ่งมั่นและลงทุนในการวางโซลูชั่นต่างๆ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุด และเพื่อนำเสนอรถยนต์และเทคโนลียีอันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งกับลูกค้าบุคคล และกลุ่มบริษัทคู่ค้าของเรา”

●   ฟอร์ดได้ทำบันทึกความเข้าใจกับผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ ในยุโรป เพื่อสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จที่ให้ความเร็วสูงสุด ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบชาร์จพลังงานที่มีในปัจจุบัน โดยในเบื้องต้นฟอร์ดตั้งเป้าหมายที่จะสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ประมาณ 400 สถานีในยุโรป และคาดว่าภายในปี 2020 ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้กว่า 1,000 สถานี

●  ด้านเทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบไร้สายในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ฟอร์ดได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การชาร์จไฟเป็นเรื่องง่ายดายเสมือนการจอดรถ และทำให้ผู้ขับไม่ลืมที่จะชาร์จไฟ ซึ่งการชาร์จไฟแบบไร้สายนี้จะสามารถทำได้ในระยะทางไป-กลับเป็นประจำของผู้เดินทางระยะใกล้ หรือแม้กระทั่งการหยุดรถชั่วคราว และผู้ขับยังสามารถใช้ FordPass เพื่อช่วยจองตารางเวลาชาร์จได้อีกด้วย

●   ฟอร์ดได้เก็บข้อมูลและค้นคว้าเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประสบการณ์จริงของผู้ใช้งานทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่ปี 2005 ฟอร์ดได้จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปแล้วกว่า 520,000 คันในทวีปอเมริกาเหนือ และอีกกว่า 560,000 คันทั่วโลก

ข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฟอร์ดกว่า 33,000 คน ที่เดินทางมากกว่า 58 ล้านครั้ง
–   88% ใช้งานเฉลี่ย 60 ไมล์ต่อวันหรือน้อยกว่า ซึ่งรถฟอร์ดสามารถวิ่งได้เฉลี่ย 680 ไมล์ จึงแทบไม่จำเป็นต้องหยุดพักเพื่อชาร์จไฟ
–   ผู้ขับต้องการชาร์จไฟให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะค่อยๆ ลดความกังวลลงไปเองเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยี
–   80% ของผู้ขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ชาร์จไฟวันละครั้ง และ 60% จะชาร์จไฟในช่วงค่ำ
–   จากการสำรวจพบว่าผู้ขับทั้งหมดชาร์จไฟไปแล้วรวมกว่า 9.4 ล้านคืน

●   นอกจากนี้ จากการสำรวจของฟอร์ดยังพบว่า ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฟอร์ดส่วนใหญ่ยังคงต้องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเหมือนเดิมในการซื้อรถคันต่อไป โดย 92% ของผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าบอกว่า จะยังคงเลือกรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อต้องการซื้อรถคันใหม่ และ 87% ของผู้ขับรถ plug-in hybrid ยังคงต้องการใช้รถ plug-in hybrid เหมือนเดิมในการซื้อรถคันต่อไป   ●