February 20, 2017
Motortrivia Team (10167 articles)

Nissan Note : First Drive ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ


เรื่อง : สุพรรณี ยังอยู่ • ภาพ : MT และนิสสัน ประเทศไทย

 

●   นิสสัน ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถอีโคคาร์ในไทยอย่าง Nissan March ซึ่งทำให้ทีมวิศวกรที่ศูนย์ R&D ในนาม Nissan Motor Asia Pacific หรือ NMAP ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำงานร่วมกับส่วนงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่มากที่สุด

●   Nissan Note เป็นรถรุ่นล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของทีมวิศวกรที่วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต โดยหลังจากเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2016 Note สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 15,000 คัน นับเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในบ้านเรานั้น นิสสันได้ทำการเปิดตัว Note ไปเมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2017 ที่ผ่านมา และกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจในระดับหนึ่ง


นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด


●   Nissan Note เป็นรถขนาดคอมแพคท์ ตัวถังแฮทช์แบ็ค ที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับอัจฉริยะ ห้องโดยสารเน้นไปที่ความความสะดวกสบายและการใช้งานจริงเป็นหลัก การพัฒนาตัวรถอยู่ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมเคลื่อนที่อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility ซึ่งจะเป็นแนวทางการดำเนินงาน และการพัฒนารถยนต์รุ่นต่อๆ ไปของนิสสันในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย รวมทั้งในประเทศไทยด้วย

●   และเมื่อเร็วๆ นี้ นิสสันได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดลองสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ของ Nissan Note ภายใน สนามทดสอบ นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 22 ประกอบด้วย Nissan Note รุ่นย่อย VL จำนวน 2 คัน แบ่งให้สื่อมวลชนขับคนละ 3 รอบสนาม โดยในแต่ละจุดทดสอบจะมีการจำลองสถานการณ์สำหรับทดลองการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ

●   รอบแรกขับออกจากจุดเริ่มต้น และใช้ความเร็วในการเข้าโค้งประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นในทางตรงให้เพิ่มความเร็วขึ้นไปที่ประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อผ่านจุดทดสอบแรกจะมีการจำลองพื้นผิวเป็นถนนขรุขระเพื่อทดสอบช่วงล่าง จากการขับที่ความเร็วในระดับดังกล่าว พบว่าช่วงล่างของ Note ถูกเซ็ทมาให้มีความนุ่มนวล ยืดหยุ่นดี ไม่กระด้างจนนั่งไม่สบาย

●   จากนั้นเข้าจุดทดสอบ Lane Change ซึ่งยังคงใช้ความเร็วเท่าเดิม โดยขับผ่านไพลอนที่จัดตั้งไว้ ตัวรถจำเป็นต้องมีอาการโยนเล็กน้อยเพื่อแลกกับการเซ็ตช่วงล่างให้มีความนุ่มนวล ด้านการควบคุมพวงมาลัยระบบไฟฟ้า EPS ช่วยให้มีความคล่องตัว แม่นยำ และควบคุมง่าย ขณะเดียวกันระบบช่วยควบคุมการทรงตัวของรถหรือ VDC ก็จะช่วยเสริมความสมดุลของตัวรถ ยังผลให้การควบคุมรถมีความราบรื่นต่อเนื่อง ช่วงล่างด้านหน้าของ Note เป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ความยาวฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร นับว่ามีการทรงตัวที่ดีพอสมควรในขณะที่ใช้ความเร็วในช่วงนี้

●   ถัดไปเป็นจุดทดสอบระบบ LDW – Lane Departure Warning ซึ่งเป็นระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ในการทดลองใช้งานระบบยังคงใช้ความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบนี้จะช่วยเตือนผู้ขับให้ขับรถอยู่ในเลนของตนเอง การทำงานอาศัยกล้องบนกระจกหน้ารถเป็นตัวจับภาพเส้นจราจร โดยระบบจะทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เมื่อขับเบี่ยงออกนอกเลนหรือชิดเส้นจราจรโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบทำการแจ้งเตือนด้วยสัญญาณเสียงและไฟที่มาตรวัดทันที

●   สำหรับจุดทดสอบช่วงล่างซึ่งมีการจำลองพื้นผิวถนนโดยการตีเส้นจราจรชะลอความเร็ว แต่ยังคงใช้ความเร็วเท่าเดิมเพื่อทดสอบช่วงล่าง การจำลองสถานการณ์คล้ายๆ จุดทดสอบแรก จากนั้นเลี้ยวกลับเพื่อไปยังจุดทดสอบต่อไป ซึ่งผังสนามจะมุ่งหน้าไปทางจุดเริ่มต้น ช่วงนี้เป็นทางตรงยาว นิสสันจึงให้เพิ่มความเร็วขึ้นไปที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อให้สัมผัสการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ชัดเจนขึ้น

●   Nissan Note รุ่นที่จำหน่ายในบ้านเรา ใช้เครื่องยนต์เบนซิน HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ความจุ 1,200 ซีซี กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.80 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ XTRONIC CVT D-Step Logic โดยเทคโนโลยี D-Step นั้นจะช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งเกินกว่า 50% ชุดระบบจะทำการสั่งงานให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นกว่ารอบเครื่องยนต์ปกติ ยังผลให้อัตราเร่งและการเปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่อง นุ่มนวล

●   เข้าจุดทดสอบเรื่องเบรก ผู้ขับต้องลดความเร็วลงแต่ไม่ถึงกับเบรกจนรถหยุดนิ่ง ระบบเบรกทำงานได้เหมาะสมกับสภาพตัวรถ และสามารถชะลอความเร็วลงได้ดีระดับหนึ่ง จากนั้นขับต่อไปยังเส้นทางเดิมในรอบที่ 2 โดยยังคงใช้กติกาเหมือนรอบแรก ทว่ามีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางเล็กน้อยในช่วงทางตรงหลังเลี้ยวกลับไปทางจุดเริ่มต้นด้วยการเพิ่มจุดทดสอบระบบ HSA – Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน จำลองเส้นทางขับขึ้นเนินชัน เมื่อถึงจุดที่ชันที่สุดให้ผู้ขับลองเหยียบเบรก จากนั้นปล่อยเท้าออกจากเบรก ตัวรถจะหยุดนิ่งประมาณ 4 วินาที หากผู้ขับไม่เหยียบคันเร่ง รถจะไหลถอยหลัง แต่ถ้ามีการเหยียบเบรกระบบก็ทำงานต่อ

●   เมื่อขับกลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อเข้ารอบที่ 3 จะมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางขับอีกครั้งให้เข้าไปยังจุดทดสอบสมรรถนะ ช่วงล่าง และการทรงตัว โดยมีการจำลองพื้นผิวถนนที่ชำรุด ขรุขระ มีฝาท่อระบายน้ำอยู่บนถนน รวมทั้งพื้นถนนเป็นคลื่นลอนจากการยุบตัวของผิวถนน ช่วงนี้นิสสันระบุว่าให้ใช้ความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากการขับพบว่าช่วงล่างยังคงให้ความนุ่มนวล ช่วงล่างดูดซับแรงสะเทือนจากพื้นผิวถนนได้ดี การทรงตัวก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากมีตัวช่วยในการควบคุมการทรงตัว ทำให้ตัวรถไม่ลื่นไถล และพวงมาลัยไฟฟ้าก็ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น

●   จากนั้นยูเทิร์นกลับแบบหักศอกเพื่อทดสอบความคล่องตัวจากการใช้งานจริง Note มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร มั่นใจว่าใช้งานในเมืองได้คล่องตัว ปิดท้ายด้วยการขับกลับไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อทดสอบระบบ AVM – Intelligent Around View Monitor หรือกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ทำงานร่วมกับระบบ MOD – Moving Object Detection ช่วยตรวจจับเมื่อมีวัตถุหรือบุคคลเคลื่อนไหวรอบตัวรถ

●   การแสดงผลเป็นการประมวลผลของภาพที่ได้จากกล้องทั้งหมด 4 ตัว โดยจะแสดงผลทันทีเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังและจอดนิ่ง หรือขณะขับด้วยความเร็วไม่เกิน 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ขับสามารถเห็นมุมมองรอบคันในแบบ 360 องศาบนกระจกมองหลัง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าขนาดของภาพอาจจะไม่ใหญ่เท่าการแสดงภาพที่หน้าจอเครื่องเสียง แต่คุณภาพของภาพที่แสดงบนกระจกมองหลังถือว่าคมชัดดี และยังสามารถเปลี่ยนมุมมองไปที่มุมล้อหน้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นจุดอับสายตาที่ผู้ขับมองไม่เห็น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น

●   สำหรับ Nissan Note นั้น ปัจจุบันนับเป็นรุ่นปรับโฉมในประเทศญี่ปุ่น ด้านหน้ามากับกระจังหน้า V-Motion ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Signature Light มีไฟตัดหมอกคู่หน้าเพิ่มความปลอดภัยในการขับขณะฝนตกหนัก กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พับและปรับด้วยไฟฟ้า ติดตั้งไฟเลี้ยวบนฝาครอบกระจก และมีกล้องจับภาพใต้กระจกมองข้าง ด้านท้ายเพิ่มความสวยงามด้วยสปอยเลอร์หลังคา และติดตั้งไฟท้าย LED แบบ Signature ทรงบูมเมอแรง

●   ภายในกว้างขวาง เพดานสูง ใช้งานสะดวกสบายตามสไตล์รถแฮ๊ทช์แบ๊ค พวงมาลัยทรง D-Shape แบบมัลติฟังก์ชั่นช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้ง่าย พื้นที่ระหว่างเบาะคู่หน้ากับเบาะโดยสารด้านหลังมีระยะห่าง 643 มิลลิเมตร เบาะด้านหลังพับได้ 60:40 ช่วยให้สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น และมีการออกแบบให้เบาะหลังมีความสูงกว่าเบาะนั่งคู่หน้าเล็กน้อย เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้โดยสารทางด้านหลัง

●   ฐานล้อที่ยาว ช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน การบรรทุกสัมภาระสะดวก ประตูด้านหลังผู้โดยสารสามารถเปิดได้กว้างสุด 85 องศา สามารถบรรทุกสัมภาระชิ้นใหญ่ เช่น โทรทัศน์ขนาด 50 นิ้ว และยังช่วยให้วีลแชร์ของผู้สูงอายุมีการเข้า-ออกภายในห้องโดยสารได้อย่างสะดวก

●   ส่วนเทคโนโลยีอัจฉริยะเพิ่มความปลอดภัย นอกเหนือจากระบบที่กล่าวข้างต้น ยังมีระบบ Intelligent Forward Collision Warning – FCW ช่วยเตือนการชนด้านหน้าเมื่อรถยนต์เข้าใกล้รถคันหน้า ระบบจะคำนวณจากความเร็วในการขับและระยะห่างจากรถคันหน้า โดยใช้กล้องบริเวณกระจกบังลมเป็นตัวจับระยะห่าง เซ็นเซอร์จากกล้องจะตรวจจับบุคคล และยานยนต์บริเวณหน้ารถ จากนั้นส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนมาตรวัด ระบบจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยในการขับและลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ โดยจะทำงานร่วมกับระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking/Forward Emergency Braking – FEB ซึ่งจะทำงานต่อเนื่องร่วมกัน หากระบบส่งสัญญาณเตือน แต่ผู้ขับยังไม่ลดความเร็ว ระบบจะสั่งการให้ทำการเบรก และในกรณีรถยนต์คันหน้าจอดหยุดนิ่ง ระบบจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งสามารถทำงานในเวลากลางคืนได้

●   การจำหน่ายแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 1.2 V และ 1.2 VL ราคา 568,000 บาท และ 640,000 บาท ตามลำดับ สีภายนอกมี 6 สีให้เลือก ประกอบด้วยสีแดง Radiant Red, สีชมพู Sweet Pink, สีม่วง Plum, สีขาว White Pearl, สีเงิน Brilliant Silver และสีดำ Black Star ใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Nissan Call Center หมายเลข 02-401-9600 หรือที่โชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ หรือเว็บไซท์ www.nissan.co.th พร้อมส่งมอบรถประมาณกลางเดือนมีนาคม 2560 เป็นต้นไป   ●

ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ

Specification: Nissan Note

–   แบบตัวถัง แฮทช์แบ็ค 5 ประตู
–   ยาว x กว้าง x สูง 4,105 x 1,695 x 1,535 มิลลิเมตร
–   ฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร
–   ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,480/1,485 มิลลิเมตร
–   ระยะต่ำสุด 155 มิลลิเมตร
–   น้ำหนัก รุ่น V/VL 1,049/1061 กิโลกรัม
–   แบบเครื่องยนต์ เบนซิน HR12DE 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC
–   ความจุ 1,198 ซีซี
–   กระบอกสูบ x ช่วงชัก 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร
–   อัตราส่วนการอัด 10.2:1
–   กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
–   แรงบิดสูงสุด 10.80 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที
–   ระบบส่งกำลัง XTRONIC CVT D-Step Logic
–   ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
–   ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS
–   ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
–   ระบบกันสะเทือนหลัง ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
–   ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน/ดรัมเบรก
–   ผู้จำหน่าย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
–   โทรศัพท์ Nissan Call Center หมายเลข 02 401 9600
–   เวบไซต์ www.nissan.co.th.


Nissan Note First Drive : MT


Nissan Note First Drive : Official images