April 19, 2017
Motortrivia Team (10167 articles)

BOSCH เผยภายในปี 2020 จะมีรถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนถนนถึง 250 ล้านคัน


Press Release

 

●   เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ สหภาพยุโรปกำลังจะบังคับใช้กฎหมายให้ติดตั้งระบบ อีคอล (eCall automatic emergency call system) ซึ่งเป็นระบบโทรฉุกเฉินอัตโนมัติ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 เป็นต้นไป หมายความว่ารถใหม่ทุกคันจะกลายเป็นรถยนต์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปโดยปริยาย ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการวิจัยตลาดได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2020 จะมีรถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตวิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลกกว่า 250 ล้านคัน

●   จากการที่รถยนต์กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบพกพา ผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถยนต์จึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการด้านดิจิทัลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อาทิ การตรวจสอบสภาพรถ หรือการเตือนเมื่อขับรถผิดทาง การสำรวจที่จัดทำโดยกลุ่มวิจัยสื่อและผู้บริโภคเยอรมัน (VuMA 2017) พบว่า ประชากรเยอรมันมากกว่า 1 ใน 4 มองว่า การเข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตร่วม เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ ทั้งนี้ ดร. เดิร์ก โฮไฮเซล (Dirk Hoheisel) กรรมการบริหารของบ๊อชได้กล่าวในระหว่างการประชุมนานาชาติ Bosch ConnectedWorld 2017 ซึ่งจัดที่กรุงเบอร์ลินว่า “การให้บริการต่างๆ สำหรับรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมรถยนต์”

●   มร. โฮไฮเซล ได้ประกาศเปิดตัวระบบ Bosch Automotive Cloud Suite ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มใหม่สำหรับการบริการด้านการขับเคลื่อน (mobility service) อีกด้วย ระบบนี้ช่วยสร้างแพลทฟอร์มของซอฟต์แวร์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์และผู้ให้บริการด้านการขับเคลื่อนต่างๆ ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุม (comprehensive toolkit) ในการพัฒนาการให้บริการในทุกรูปแบบสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ และช่วยขยายการบริการเหล่านี้ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว

●   “ผู้ขับขี่รถยนต์จะได้รับประโยชน์จากการบริการต่างๆ แบบส่วนบุคคลที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นจากระบบออโตโมทีฟ คลาวด์ สวีท ของบ๊อช”  มร. โฮไฮเซล กล่าวเพิ่มเติม

จุดแข็งของบ๊อช: ความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ ระบบ Cloud และ Big Data
●   ระบบออโตโมทีฟ คลาวด์ สวีท ของบ๊อชพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ ไอโอที สวีท (IoT Suite หรือ Internet of Things) ของบ๊อช ซึ่งมีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีเพื่อการให้บริการทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ผู้ใช้ บริษัท และโดเมนต่างๆ ในแพลทฟอร์มเดียวกันด้วย

●   ออโตโมทีฟ คลาวด์ สวีท ประกอบด้วยโมดูลซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย เช่น สมุดบันทึกผลดิจิทัล (digital logbook) และโซลูชั่นส์เพื่อการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการด้านการขับเคลื่อน (mobility service) สามารถใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เพื่อพัฒนาการบริการต่างๆ ที่ใช้ในรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ผู้ขับ

●   “เราสร้างสรรค์ทุกชิ้นงานให้แก่ลูกค้าจากแหล่งเดียวคือบ๊อช โดยเริ่มต้นจากไอเดียไปสู่การใช้งานบริการต่างๆ ได้อย่างแท้จริง บ๊อชได้ผสมผสานความเชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ ไว้ในระบบออโตโมทีฟ คลาวด์ สวีท ของบริษัท โดยนอกเหนือจากความเชี่ยวชาญในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านระบบให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ และในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (encryption technology) บ๊อชยังสั่งสมประสบการณ์ยาวนานในการเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ และการจัดการบิ๊กดาต้าอีกด้วย นอกเหนือจากการที่ลูกค้าของเราสามารถใช้บริการระบบออโตโมทีฟ คลาวด์ สวีท ได้แล้ว เรายังใช้ระบบนี้สำหรับการบริการต่างๆ ในองค์กรของเราด้วย”  มร. โฮไฮเซล กล่าว

●   ทั้งนี้ บ๊อชได้สาธิตการให้บริการแบบใหม่ต่างๆ ใน Jaguar F-Pace ที่นำมาจัดแสดงในงาน Bosch ConnectedWorld 2017 โดยการให้บริการทั้ง 5 ประการข้างล่างนี้ กำลังจะกลายเป็นบริการระดับมาตรฐานที่จะติดตั้งไว้ในรถยนต์ทุกคันในอนาคต

1.   การเตือนเมื่อขับขี่ผิดทาง (Wrong-way driver alert)
●   ในเยอรมนีเพียงประเทศเดียว ปรากฏสัญญาณเตือนกว่า 2,000 ครั้งเกี่ยวกับการขับผิดทางในแต่ละปี โดยส่วนใหญ่สัญญาณเตือนจะปรากฏค่อนข้างช้า ทำให้ 1 ใน 3 ของอุบัติการณ์เหล่านี้จบลงหลังจากการขับผิดทางเลยไปแล้วกว่า 500 เมตร หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ การเกิดอุบัติเหตุที่อาจเป็นภัยถึงชีวิต การแจ้งเตือนเมื่อขับขี่ผิดทางโดยใช้ระบบคลาวด์ของบ๊อชจึงออกแบบมาเพื่อให้สามารถส่งสัญญาณเตือนภายในเวลาเพียงประมาณ 10 วินาที การเตือนนี้ไม่เพียงปรากฏขึ้นเมื่อผู้ขับรถยนต์ขับรถผิดทาง แต่ยังช่วยเตือนผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย การให้บริการนี้จึงเปรียบเสมือนมีเทวดาผู้พิทักษ์ในระบบ data cloud นั่นเอง

2.   การวินิจฉัยแบบคาดการณ์ (Predictive Diagnostics)
●   ไม่มีอะไรที่น่าหงุดหงิดใจไปกว่ารถเสียในช่วงวันหยุดพักร้อน การวินิจฉัยแบบคาดการณ์ล่วงหน้าจึงช่วยป้องกันเหตุต่างๆ ในกรณีที่รถยนต์ใช้การไม่ได้อย่างกะทันหัน ในระหว่างการขับรถ ระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์สภาพของส่วนประกอบสำคัญต่างๆ ของรถ ผู้ขับขี่จะได้รับการแจ้งเตือนก่อนที่ชิ้นส่วนใดของรถจะชำรุด นอกจากนี้ ยังได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการนำรถเข้าอู่ซ่อมรถในครั้งต่อไปอีกด้วย

3.   การจอดรถในละแวกชุมชน (Community-based parking)
●   การให้บริการนี้ได้เปลี่ยนการจอดรถให้เป็นกิจกรรมส่วนรวม ในขณะที่ขับรถยนต์ไปรอบๆ ตัวเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งในรถยนต์จะทำหน้าที่ค้นหาและประเมินช่องว่างระหว่างรถยนต์คันต่างๆ ที่จอดริมถนน ข้อมูลดังกล่าวจะส่งไปยังแผนที่จอดรถดิจิทัล จากนั้นบ๊อชจะใช้การประเมินผลข้อมูลอัจฉริยะ (smart data processing) เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ในการจอดรถ โดยสามารถดูแผนที่จอดรถดิจิทัลสำหรับรถยนต์ที่อยู่ในบริเวณนั้นผ่านระบบคลาวด์ เพื่อช่วยให้ผู้ขับรถสามารถขับตรงไปยังที่จอดรถที่ว่างอยู่ได้ทันที

4.   ผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant)
●   ความฝันของการมีผู้ช่วยส่วนตัวกำลังกลายเป็นความจริงแล้ว เนื่องด้วยบริการของบ๊อช ผู้ขับรถยนต์จะสามารถใช้การออกคำสั่งด้วยเสียงในการจัดการการนัดหมายต่างๆ ของตนเองได้อย่างสะดวก และยังสามารถขอดูข้อมูลที่หลากหลายได้ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงการสั่งงานต่างๆ ในบ้านอัจฉริยะ (smart home) ของตน และอีกมากมายในขณะขับรถ โดยผู้ช่วยส่วนตัวนี้จะจดจำและศึกษาอุปนิสัยรวมถึงความชอบต่างๆ ของผู้ขับ เพื่อให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมยิ่งขึ้นในครั้งต่อๆ ไป

5.   การอัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติ (Software updates over the air)
●   การอัพเดทซอฟต์แวร์จากระบบคลาวด์ถือเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ในสมาร์ทโฟน ณ เวลานี้ บ๊อชกำลังทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นกับรถยนต์ ฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ เช่น โหมดการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า จะสามารถอัพเดทกับรถยนต์ได้ในชั่วข้ามคืน โดยการเข้ารหัสข้อมูล และได้รับการป้องกันจาก
แฮคเกอร์ได้

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.bosch.com   ●