April 12, 2017
Motortrivia Team (10191 articles)

Mazda ยอดไตรมาสแรกเพิ่ม 6% เตรียมหนุนนโยบายรัฐ 4.0 ศึกษารถยนต์พลังงานไฟฟ้า

Press Release

 

●   บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยตัวเลขยอดการจำหน่ายไตรมาสแรกของปี 2560 โดยยอด 3 เดือนแรกจบที่ 11,562 คัน คิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่ยอดเดือนมีนาคม 2560 นั้น เพิ่มขึ้นกว่า 30% Mazda2 รุ่นปรับปรุง MY2017 สร้างยอดขายได้เกือบ 3,000 คัน สูงสุดนับตั้งแต่การเปิดตัวในเมืองไทย เติบโตเพิ่มขึ้น 47%

●   ล่าสุดมาสด้าเผยทิศทางธุรกิจปีนี้ เตรียมยกระดับการบริการหลังการขาย ความพร้อมด้านอะไหล่ พร้อมปรับภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ เตรียมก้าวสู่การเป็นแบรนด์พรีเมียม ประกาศเดินหน้าสนองนโยบายภาครัฐ ประเทศไทย 4.0 เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เตรียมศึกษาโครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างละเอียด

●   ปัจจุบันมาสด้าดำเนินธุรกิจบนยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “Building Block Strategy” ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นระยะที่เลือกใช้เทคโนโลยียานยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงผนวกกับเทคโนโลยีการประหยัดน้ำมัน นั่นคือ เทคโนโลยี SkyActiv และกำลังก้าวเข้าสู้ระยะที่ 3 นั่นคือ การพิจารณานำเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรม

●   สำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาลเพิ่งมีมติอนุมัติโครงการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของมาสด้า แน่นอนว่ามาสด้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่มีความจำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ที่สำคัญมาสด้าให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมาตลอด ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์มาสด้าอย่างครบวงจร และเป็นฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกที่มีทั้งสายการผลิตรถยนต์ สายการผลิตเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการกระจายอะไหล่ในอาเซียน

●   มาสด้าลงทุนในประเทศไทยกับโครงการใหญ่ๆ มากมาย ตั้งแต่การลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานระยะที่ 2 หรืออีโคคาร์เฟส 2 โครงการ Super Cluster รวมทั้งการลงทุนมูลค่ามหาศาลในการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ที่จังหวัดชลบุรี

●   นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมทั้งตลาดตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมามีทิศทางที่สดใสมากขึ้น ส่งผลให้ไตรมาสแรกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง นี่คือสัญญาณที่ดีหากมองถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว เริ่มมองเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์หลังจากที่อึมครึมต่อเนื่องมานานหลายปี หลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องเร่งมือเตรียมความพร้อมเพื่อสอดรับกับทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น นอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้าที่เพิ่งผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีนั้น มาสด้าต้องเร่งศึกษาในรายละเอียดเพราะสอดรับกับแผนการผลิตของมาสด้าในระยะกลาง”

●   “ยอดขายรถยนต์ถือเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอีกหนึ่งปัจจัย เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์นั้นมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท โดยทำการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะโปรดักซ์แชมเปี้ยนอย่างรถปิกอัพขนาด 1 ตัน และรถอีโคคาร์ที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ ทั้งนี้ประเทศไทยนั้นถือเป็นแหล่งผลิตสำคัญอันดับ 1 ของอาเซียน ในแต่ละปีมียอดการผลิตสูงกว่า 2 ล้านคัน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก อาทิ ในภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ซึ่งนำเอาเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลเข้าสู่ประเทศ และสร้างงานหลายแสนตำแหน่ง เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลก”

●   “ในช่วงปี 2557-2559 ตลาดในประเทศเกิดการชะลอตัวหลังจากสิ้นสุดโครงการรถคันแรก การดึงดีมานด์ในอนาคตมารวมไว้ภายในช่วงเวลาของโครงการรถคันแรก มีผลให้ภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นสูง และกดดันให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดโครงการฯ โดยยอดจาหน่ายรถยนต์ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 8-9 แสนคันต่อปี เทียบกับ 1.3-1.4 ล้านคันต่อปี ในช่วงที่มีโครงการฯ และยอดผลิต ลดลงมาอยู่ที่ 2 ล้านคันต่อปี เมื่อเทียบกับ 2.4 ล้านคันต่อปี ในช่วงก่อนหน้า สำหรับปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์ของประเทศจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยคาดการณ์ยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 8 แสนคัน หรือเติบโตเล็กน้อยประมาณ 6-8%”

●   ยอดขายรถยนต์มาสด้าเฉพาะเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมทั้งสิ้น 5,015 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2559 (3,871 คัน) รุ่นที่มียอดสูงสุดได้แก่ Mazda2 จำนวน 2,904 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 47% รองลงมาได้แก่ Mazda BT-50 PRO จำนวน 822 คัน เพิ่มขึ้น 37% และ Mazda3 จำนวน 520 คัน เพิ่มขึ้น 32% ในขณะที่กลุ่มรถอเนกประสงค์ Mazda CX-3 จำนวน 500 คัน และ Mazda CX-5 จำนวน 267 คัน ปิดท้ายด้วยรถสปอร์ต Mazda MX-5 จำนวน 2 คัน

●   นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จะเห็นได้ว่ายอดขายรถยนต์มาสด้าทั้ง 3 รุ่น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เราได้ปรับโฉมใหม่และเพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้ามาจนล้นคัน รวมทั้งสกายแอคทีฟ-วีฮีเคิล ไดนามิกส์ และระบบคบคลุมการทรงตัวอัจฉริยะ จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล เข้ามาในรถทั้ง 3 รุ่น คือ มาสด้า2 มาสด้า3 และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน”

●   ยอดขายรถยนต์มาสด้าในไตรมาสแรกของปี 2560 ปิดตัวเลขที่ 11,562 คัน สูงสุดในรอบ 4 ปี เติบโตเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2559 (10,904 คัน) ประกอบด้วย Mazda2 จำนวน 6,633 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 14% Mazda BT-50 PRO จำนวน 1,791 คัน เพิ่มขึ้น 17% Mazda3 จำนวน 1,324 คัน เพิ่มขึ้น 11% Mazda CX-3 จำนวน 1,015 คัน Mazda CX-5 จำนวน 795 คัน และ Mazda CX-5 จำนวน 4 คัน

●   “ยอดขายรถยนต์มาสด้าที่แรงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมกราคมนั้นสะท้อนให้เห็นว่า รถยนต์มาสด้านั้นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกๆ เดือนยังแสดงให้เห็นว่ามาสด้านั้นต้องแข่งขันกับตัวเองอย่างหนัก ความมุ่งมั่นของชาวมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้มาสด้าได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ให้ทั้งสมรรถนะความแรงและการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศอย่างเช่นเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ประกอบกับรูปลักษณ์โดดเด่นสวยงามในแบบ โคโดะ ดีไซน์ ก็ทำให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หันมามองแบรนด์มาสด้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทิศทางธุรกิจของมาสด้าในปีนี้จะมุ่งพัฒนาบริการหลังการขายที่ครบวงจรทั้งด้านรูปลักษณ์ของโชว์รูม ศูนย์บริการ การพัฒนาบุคลากร และการสำรองอะไหล่ เพื่อรองรับกับปริมาณรถยนต์มาสด้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเปิดตัวมากว่า 2 ปีในเมืองไทย”  นายชาญชัย กล่าว

●   มาสด้าเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้มาสด้าประความสำเร็จอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย:

1.   โครงสร้างเครือข่ายผู้จำหน่าย : มาสด้าเตรียมเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย พร้อมๆ ไปกับการปรับภาพลักษณ์ของโชว์รูมใหม่ภายใต้ Mazda Corporate Identity

2.   ด้านผลิตภัณฑ์ : มาสด้าเชื่อว่ามี Product ที่ยอดเยี่ยมแบบที่เรียกว่า ดีที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือเทคโนโลยี SkyActiv การออกแบบที่สวยงาม รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SkyActiv – Vehicle Dynamics และ G-Vectoring Control ซึ่งจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

3.   ด้านการบริการหลังการขาย : กำจัดจุดอ่อน ให้กลายเป็นจุดแข็ง ด้วยการเดินหน้ายกระดับคุณภาพของการบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับมาสด้าทั่วโลก ซึ่งวันนี้คุณสามารถเดินไปที่โชว์รูมมาสด้าเพื่อสัมผัสประสบการณ์นี้ได้

4.   เป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้ารัก และจะรักตลอดไป : การสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้า การจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ เกิดเป็นสังคมคนรักมาสด้า หรือ ZOOM-ZOOM Society

●   นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด แสดงความเห็นว่า “ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลพวงจากการสื่อสารกับลูกค้าในทุกๆ ช่องทาง โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ แต่มาสด้าเน้นไปที่การได้ทดลองขับแล้ว ต้องลองของจริง กอปรกระแสความนิยมของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้บริโภคและผู้ใช้งานจริง สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟได้อย่างที่ต้องการ และมีการบอกต่อและแนะนำไปยังเพื่อนและคนในครอบครัว ทำให้เป็นกระแสและการตอบรับในวงกว้าง เป็นการสื่อสารจากผู้บริโภคถึงผู้บริโภคด้วยกัน เป็นช่องทางการสื่อสารใหม่นอกเหนือจากการสื่อสารการตลาดที่บริษัทฯทำ รวมถึงการเน้นให้ผู้บริโภคได้ทดสอบทดลองขับรถมาสด้าเพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจถึงตัวรถก่อนการตัดสินใจซื้อ”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mazda.co.th   ●