May 27, 2017
Motortrivia Team (10170 articles)

F1 Monaco GP 2017 Preview : สตรีทเซอร์กิตอันเก่าแก่


Posted by : Fascinator.

 

●   สนามที่ 6 ของการแข่งขันฟอร์มูล่าวันประจำฤดูกาล 2017 รายการโมนาโคกรังด์ปรีซ์ รายการสตรีทเซอร์กิตที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง

●   นี่คือสตรีทเซอร์กิตที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง โมนาโคถูกจัดการแข่งขันความเร็วครั้งแรกในปี 1929 เข้าสู่ปฏิทินการแข่งขันเอฟวันตั้งแต่ปีแรกในปี 1950 และถูกจัดแข่งมาทุกปีตั้งแต่ปี 1955

●   สิ่งที่ทำให้โมนาโคมีชื่อเสียงอาจจะไม่ใช่เพราะความไฮโซของเมืองเพียงอย่างเดียว ตัวสนามนั้นเป็นสตรีทเซอร์กิตที่แคบและคดเคี้ยวที่สุดแห่งหนึ่ง มีกำแพงเหล็กกั้นรอรับนักแข่งที่ทำผิดพลาดอยู่ทั่วไปหมด มันจึงเป็นสนามที่บั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจของนักแข่งได้เป็นอย่างดี และนี่เองที่ทำให้ผู้ชนะที่นี่มักจะถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดนักแข่ง ซึ่งหลายๆ คนฝันถึงแต่น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จ

●   เซอร์กิต เดอ โมนาโคมีความยาวทั้งสิ้น 3.337 กิโลเมตร ถูกปรับรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี 2015 บริเวณสวิมมิ่งพูลเซคชั่น ตลอดรอบสนามนั้นไม่สามารถทำความเร็วได้สูงนัก ดังนั้นเครื่องยนต์จึงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะช่วยให้ชนะในสนามแห่งนี้

●   มาที่ปัจจัยหลักในการช่วยให้คว้าชัยชนะ แอโรไดนามิกส์คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดในสนามแห่งนี้ ดาวน์ฟอร์ซจะถูกเซตไว้ให้มีแรงกดสูงสุด และจะไม่เหมือนกับที่อื่นๆ โปรไฟล์ปีกที่นี่จะแตกต่างออกไปเล็กน้อย โดยมันต้องเป็นโปรไฟล์ที่ช่วยสร้างแรงกดในขณะทำความเร็วต่ำๆ

●   ในส่วนของยางนั้น สนามแห่งนี้ไม่ค่อยกินยางจึงไม่เป็นปัญหาอันใดกับนักแข่งมากในการถนอมยาง ปัญหาจะอยู่ที่การเซตรถของทีมงานเสียมากกว่าที่จะต้องเซตให้รถมีแรงยึดเกาะเชิงกลสูง เพื่อช่วยให้รถสามารถเข้าโค้งความเร็วต่ำที่ดาวน์ฟอร์ซถูกลดบทบาทลงไปได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งต้องเซตให้นักแข่งสามารถบริหารยางให้ทำอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงการทำงานของยางให้ได้ มิเช่นนั้นรถจะสไลด์ไปมาราวกับเล่นสเก็ตน้ำแข็งเลยทีเดียว

ใครมีโอกาสชนะมากที่สุด?

●   บทบาทด้านเครื่องยนต์ที่ลดลงส่งผลให้เฟอร์รารีมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะแย่งชิงพลิกบรรยากาศกลับมาคุมเกมในตารางคะแนนสะสม โดย เซบาสเตียน เวทเทล น่าจะเป็นผู้ชนะมากที่สุด ส่วน คิมี ไรค์โคเนน อาจจะพบปัญหาเล็กน้อยจากสไตล์การขับของเจ้าตัวที่ไม่ค่อยทำความร้อนให้กับยางซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสนามแห่งนี้

บันทึกความทรงจำ

●   ความปราชัยครั้งไหนก็ไม่เจ็บปวดเท่าครั้งนี้ของ แดเนียล ริคคิอาร์โด เขานำมาตลอดการแข่งขันจนกระทั่งถึงจังหวะเข้าพิท ทีมงานเรียกเขาเข้าพิทมาแต่ปรากฏว่ายางยังไม่พร้อมอยู่ในพิทบ็อกซ์ นั่นทำให้ ริคคิอาร์โด เสียเวลาไปนานกว่าที่จำเป็น และเสียอันดับผู้นำไปให้กับ ลูวอิส แฮมิลตัน ในที่สุด หลังจบการแข่งขัน ริคคิอาร์โด โมโหมากทีเดียว เขากล่าวว่าไม่ต้องการฟังคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น   ●


รายละเอียดสนามเพิ่มเติม

•   สนาม : เซอร์กิต เดอ โมนาโค
•   ความยาวสนามต่อรอบ : 3.337 กิโลเมตร
•   จำนวนรอบการแข่งขัน : 78 รอบ
•   เปิดใช้งานครั้งแรก : ปี 1929
•   ความเร็วสูงสุด : 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง
•   แรง G สูงสุด : 3.6
•   การใช้คันเร่งเต็มที่ต่อรอบ : 34%
•   อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง : ต่ำ (1.52 กิโลกรัม/รอบ)
•   อัตราสิ้นเปลืองเบรก : ต่ำ
•   อัตราสิ้นเปลืองยาง : ต่ำ
•   ต้องการดาวน์ฟอร์ซ : สูง
•   จุดแซงสำคัญ : โค้ง 10 (นูเวลชิเคน)
•   จุดสำคัญของสนาม : โค้ง 13-14-15-16 (พิสซิน 1, พิสซิน 2)
•   ยางที่สามารถใช้ได้ : อุลตร้าซอฟต์, ซุปเปอร์ซอฟต์, ซอฟต์
•   DRS Zone : โซนเดี่ยว อยู่บนทางตรงหน้าพิทเลน ระยะ 18 เมตร หลังผ่านโค้ง 19 มีจุดตรวจจับเวลาอยู่ที่ 44 เมตร หลังผ่านโค้ง 16
•   ผู้ชนะคนล่าสุด : ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส
•   ผู้ที่ได้ตำแหน่งโพลคนล่าสุด : แดเนียล ริคคิอาร์โด – เรดบูลล์ แท็กฮอยเออร์
•   ผู้ที่ชนะมากที่สุดในสนามนี้บนกริด : เฟอร์นันโด อลองโซ (2006, 2007), ลูวอิส แฮมิลตัน (2008, 2016)
•   สถิติสนาม : ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส – 1.17.939 – 2016
•   เวลาเร็วที่สุดของสนาม : แดเนียล ริคคิอาร์โด – เรดบูลล์ แท็กฮอยเออร์ – 1.13.622 – 2016 (Q3)


ที่มา :
•  espnf1.com.
•  f1fanatic.co.uk.
•  en.wikipedia.org.