May 21, 2017
Motortrivia Team (10069 articles)

EQ – Electric Intelligence ขับเบนซ์ ไฮบริด 4 รุ่น พังงา-กรุงเทพ 760 กิโลเมตร


เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : นาธัสและเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย

 

●   เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ไฮบริด บนเส้นทางพังงา-กรุงเทพ ระยะทางรวมกว่า 760 กิโลเมตร มีรถปลั๊กอิน ไฮบริด ให้หมุนเวียนกันขับครบทุกรุ่น มีรถเด่นคือ E 350 e ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ภายใต้ ซับ-แบรนด์ EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz (อีคิว) จุดเด่นคืออัตราการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อคไซค์ที่ต่ำสุดเพียง 49-57 กรัมต่อกิโลเมตร


มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ (Frank Steinacher ที่ 2 จากขวา) รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด


●   วันแรกนั่งเครื่องบินไปลงที่ภูเก็ต และนั่งรถบัสต่อไปที่ โรงเรียนเยาววิทย์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอกะปง จังหวัดพังงา โดยสื่อมวลชนและคณะผู้บริหารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำโดย มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันมอบเงินสนับสนุนการศึกษา รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องเขียนให้ครูและนักเรียน นับตั้งแต่โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากสนับสนุนเงินทุนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ แล้ว ยังมอบโอกาสทางการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาส เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ และประกอบอาชีพการงานที่ดีในอนาคต โดยมีแนวคิดว่าคนยากจนจะหลุดพ้นจากวงจรของความยากจนได้ด้วยการศึกษา


วันที่ 1 โรงเรียนเยาววิทย์-ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท 140 กิโลเมตร กับ S 500 e

●   หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้วก็เติมพลังมื้อกลางวันที่โรงเรียน จากนั้นจึงเตรียมออกเดินทางไปยังที่พัก ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท จับคู่คนขับได้แล้วก็จับฉลากรถได้รุ่นใหญ่ S 500 e ซึ่งแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ Executive 5.99 ล้านบาท Exclusive 6.39 ล้านบาท และ AMG Premium 6.99 ล้านบาท สำหรับรถรุ่นนี้เคยทดลองขับเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ระหว่างทางเจอฝนเป็นระยะๆ การขับรถดีๆ ก็ช่วยให้ขับได้อย่างมั่นใจและไม่ค่อยเหนื่อย

●   S 500 e ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี6 3,000 ซีซี ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 333 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 48.91 กก.-ม. ที่ 1,600-4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 116 แรงม้า แรงบิด 34.64 กก.-ม. พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ชาร์จไฟเต็มในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ให้กำลังขับเคลื่อนรวมทั้งระบบ 442 แรงม้า แรงบิด 66.23 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   ระบบปลั๊กอิน ไฮบริด สามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบได้ 4 แบบ ประกอบด้วย

●   HYBRID : ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะเน้นการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับสภาพการขับและปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ถ้าเกียร์อยู่ในโหมดสปอร์ต มอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงาน

●   E-MODE : ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ถ้าแบตเตอรี่เต็มจะขับได้ระยะทางประมาณ 30-33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ขับสามารถกดคันเร่งได้ตามปกติ เพราะในโหมดนี้คันเร่งจะอยู่ในโหมด Haptic Accelerator Pedal มีแรงต้านป้องกันการกดคันเร่งลึกเกินไป

●   E-SAVE : ระบบจะบันทึกปริมาณของกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดไว้ และจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าให้น้อยที่สุดเพื่อเก็บไฟฟ้าไว้ใช้

●   CHARGE : ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ล้วนๆ แบตเตอรี่ของระบบไฮบริดจะได้รับการชาร์จทั้งจากเครื่องยนต์ และการชลอความเร็วหรือเบรก เมื่อชาร์จเต็มจะปรับไปที่โหมด E-SAVE โดยอัตโนมัติ

วันที่ 2 หาความประหยัดจาก GLE 500 e ระยะทาง 100 กิโลเมตร

●   วันรุ่งขึ้นจับฉลากรถได้เอสยูวีสุดหรู GLE 500 e 4MATIC เครื่องยนต์เบนซิน วี6 2,996 ซีซี เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูลเลอร์ 333 แรงม้า และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 48.91 กก.-ม. ที่ 1,600-4,000 ต่อนาที 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS แบบ DIRECT SELECT ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัมไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ชาร์จเต็มใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   GLE 500 e 4MATIC แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย Exclusive 4.76 ล้านบาท และ AMG Dynamic 5.19 ล้านบาท

●   ช่วงเช้าแก้ง่วงด้วยกิจกรรมขับประหยัดแบบสนุก แข่งกันเฉพาะในรถแต่ละรุ่นจึงไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ออกจากโรงแรมประมาณ 9.00 น. ขับไปประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงทางเข้าถนนเส้น 44 หรือ Southern Seaboard จอดเซตข้อมูลการขับใหม่ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ปั๊ม ปตท. สยามพลัส หรือที่เรียกกันว่า ปั๊มหุ่นยนต์ เพราะมีการนำหุ่นยนต์จากภาพยนตร์เรื่องดังมาตั้งโชว์ไว้ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ให้เวลา 1 ชั่วโมง คำนวณคร่าวๆ ว่าต้องใช้ความเร็วเดินทาง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ถึงจุดหมายภายในเวลาที่กำหนด

●   ออกจากจุดปล่อยตัว ใช้ E-MODE ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับได้ระยะทางราว 23 กิโลเมตร ไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือ 11 เปอร์เซ็นต์ จึงตัดเข้าโหมด HYBRID ก็มีการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่เรื่อยๆ ลองเปลี่ยนเป็นโหมด CHARGE พบว่าชาร์จไฟฟ้ากลับได้เร็วขึ้น คำนวณระยะทางและความเร็ว กับตัวช่วยอย่าง Google Earth ที่บอกสภาพการจราจรด้านหน้าได้ด้วย พบว่าจะถึงจุดหมายก่อนเวลาที่กำหนดประมาณ 2-3 นาที ซึ่งก็ถือว่าพอเหมาะ เพราะต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บ้าง จึงรักษาความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเรื่อยๆ ช่วงกลางทางเจอด่านตรวจทำให้ต้องจอดรถและใช้เวลาเพิ่มขึ้น 1-2 นาที ถ้าไม่เผื่อเวลาไว้เลยก็ต้องเร่ง ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

●   ระหว่างทางก็ลองเปลี่ยนโหมดการขับไปเรื่อยๆ เพราะเป็นการขับประหยัดแบบสนุกสนานไม่ได้จริงจังมากนัก ใน E-MODE มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถพารถเอสยูวีคันใหญ่ให้วิ่งฉิวได้สบายๆ ระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำตามปกติ ส่วนในโหมด HYBRID ก็มีการทำงานที่ราบเรียบ ไม่รู้สึกว่ามีการปรับเปลี่ยนต้นกำลังในการขับเคลื่อน ขับได้สบายๆ ถึงจุดหมายที่ระยะ 96 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งหมด 56 นาที ความเร็วเฉลี่ย 102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับใน E-MODE 30 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร น่าจะใกล้เคียงกับการใช้งานจริง เพราะไม่ได้ขับช้ามาก เนื่องจากมีเวลาเป็นตัวกำหนด

ขับ GLE 500 e มุ่งหน้าสวนนายดำ 138 กิโลเมตร

●   สลับผู้ขับก่อนออกจากปั๊มแล้วเดินทางต่อ มุ่งหน้าร้านอาหารกลางวัน สวนนายดำ ได้ลองสมรรถนะของ GLE 500 e กันอย่างเต็มอิ่ม เจอฝนตกเป็นระยะเหมือนวันแรก เป็นรถที่ตอบโจทย์การเดินทางไกล โดยเฉพาะในเมืองไทยเพราะถนนไม่ค่อยเรียบนัก และรถหลายคันขับช้าชิดขวา การขับรถสูงทำให้เห็นทางด้านหน้าได้ชัดขึ้น พอจะแซงซ้ายได้อย่างปลอดภัย ตลอดทางเพื่อนที่นั่งไปด้วยก็ช่วยดูทางให้ เครื่องยนต์เบนซิน 3,000 ซีซี กับมอเตอร์ไฟฟ้า กระชากรถคันใหญ่ให้พุ่งไปได้อย่างทันใจ ช่วงล่างปรับได้และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยลดอาการโคลงซึ่งเป็นจุดอ่อนของรถประเภทนี้ลงได้เกือบหมด นิ่งและหนักแน่นในทางตรง และหนึบเมื่ออยู่ในโค้งหรือเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง ระบบเบรกมีแรงดึงเหลือเฟือ รับมือกับรถแรงคันใหญ่ได้สบาย

C 350 e ลุยฝนไปหัวหิน 320 กิโลเมตร

●   ก่อนออกจากร้านอาหาร ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก สลับรถเป็น C 350 e ซึ่งเคยขับแล้วพร้อมกับ S 500 e ช่วงแรกรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารก่อน ระยะทาง 110 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นรถเก๋งรุ่นเล็ก พื้นที่ใช้สอยจึงค่อนข้างจำกัด ไม่เหลือเฟือแบบรุ่นใหญ่ที่ขับมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ตัวรถมีความมั่นคง ขับผ่านทางเปียกลื่นมีแอ่งน้ำขังได้อย่างมั่นใจ เร่งทันใจและปราดเปรียว ใช้ความเร็วได้โดยไม่เครียดและรู้สึกว่ารถยังอยู่ในความควบคุม สิ่งที่ต้องระวังมากกว่าคือ ผู้ที่ใช้ถนนร่วมกัน เพราะเราไม่สามารถควบคุมได้ สลับผู้ขับแล้วขับต่อไปอีก 155 กิโลเมตร เจอฝนหนักๆ หลายช่วง เหลือระยะทางอีก 55 กิโลเมตรจะถึงที่พักจึงขอสลับมาเป็นผู้โดยสารอีกครั้ง ถึงที่พักประมาณ 6 โมงเย็น นับว่าทำเวลาได้ดี เพราะระยะทางค่อนข้างไกล ฝนตกหนักเป็นระยะ และมีการก่อสร้างถนนด้วย

●   C 350 e ซีดาน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 แรงม้า แรงบิด 34.64 กก.-ม. พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 6.38 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ชาร์จไฟเต็มในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 279 แรงม้า แรงบิด 61.14 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที ท๊อปสปีด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   C 350 e ซีดาน แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ Avantgarde 2.57 ล้านบาท, Exclusive 2.94 ล้านบาท และ AMG Dynamic 3.299 ล้านบาท

วันที่ 3 ปิดท้ายด้วย E 350 e AMG Dynamic หัวหิน-กรุงเทพ 195 กิโลเมตร

●   วันสุดท้ายของกิจกรรม และเป็นวันแรกที่ไม่เจอฝน ได้ขับรถที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด E 350 e AMG Dynamic ที่นับเป็นรุ่นไฮไลต์ของการทดสอบครั้งนี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ช่วง 1,200-4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้า 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.8 กก.-ม. กำลังรวมทั้งระบบ 286 แรงม้า แรงบิด 56 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC PLUS เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40-47.62 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 49-57 กรัมต่อกิโลเมตร โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 33 กิโลเมตร

●   E 350 e แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย Avantgarde 3.49 ล้านบาท, E 350 e Exclusive 3.79 ล้านบาท และ E 350 e AMG Dynamic 4.09 ล้านบาท

●   ออกเดินทางจากหัวหินประมาณ 7.00 น. ในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้า ลองเล่นระบบต่างๆ ไปตลอดระยะทาง 115 กิโลเมตร จากนั้นจึงสลับเป็นผู้ขับเพื่อนำรถไปคืนที่ Mode Sathorn Hotel Bangkok ระยะทาง 80 กิโลเมตร ขับสบายๆ เพราะการจราจรช่วงเช้าที่ยังโล่ง ระหว่างขับบนทางด่วนเห็นว่าไฟในแบตเตอรี่เต็มจึงลองใช้ E-MODE ไปถึงโรงแรมก็ยังเหลือไฟฟ้าอีกพอสมควร ถ้าเป็นการใช้งานในเมืองระยะทางไม่ไกลมาก ถ้าแบตเตอรี่เต็มก็สามารถขับจากบ้านไปที่ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ได้   ●

ขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง


Mercedes EQ – Electric Intelligence Test Drive