June 17, 2017
Motortrivia Team (10170 articles)

เช้าไปเย็นกลับ ทดลองขับแบบสบายๆ ไปกับ Honda Jazz ใหม่


เรื่อง : สุพรรณี ยังอยู่  •  ภาพ : ฮอนด้า ประเทศไทย

 

●   ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดตัว แจ๊ซ ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 3 เมื่อประมาณกลางปี 2557 โดยเน้นกลุ่ม GEN ME คนรุ่นใหม่ยุคดิจิตอล ที่มีไลฟ์สไตล์การสื่อสารแบบออนไลน์ เป็นรถแฮทซ์แบ็กในกลุ่ม ซับ-คอมแพกต์ที่มีความโดดเด่นและทันสมัยด้านรูปลักษณ์ ความคล่องตัว และความเอนกประสงค์การใช้งาน

ภายนอกโฉบเฉี่ยว ทันสมัย

●   ออกแบบด้วยแนวคิด Low Wide Gravity สะท้อนให้เห็นรูปลักษณ์ด้านความโฉบเฉี่ยว และดูสปอร์ตขึ้น โดยในรุ่น RS มีเอกลักษณ์การออกแบบด้วยสัญลักษณ์ RS ที่กระจังหน้าและกันชนหลัง ไฟหน้าและไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า

ภายในกว้างขวาง อุปกรณ์ครบ

●   ห้องโดยสารแบบ Futuristic Cockpit เน้นความล้ำสมัยภายใต้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยโดยการเพิ่มความยาวฐานล้อ พร้อมการพับเบาะได้หลายแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ประกอบด้วย

–   Utility Mode พับพนักพิงเบาะหลังทั้ง 2 ฝั่งมาด้านหน้า ได้พื้นที่ราบต่อเนื่องกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายทำให้มีความจุ 906 ลิตร
–   Long Mode พับพนักพิงเบาะหน้าและหลังฝั่งซ้าย ทำให้ได้พื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความยาว 2,480 มิลลิเมตร
–   Tall Mode กระดกเบาะนั่งด้านหลังขึ้นแนบกับพนักพิงเบาะหลัง สามารถเคลื่อนย้ายสัมภาระที่มีความสูง 1,280 มิลลิเมตร
–   Refresh Mode ถอดหมอนรองศีรษะเบาะคู่หน้า แล้วปรับพนักพิงเอนลงต่อกับเบาะด้านหลัง สามารถสร้างพื้นที่เพื่อการพักผ่อน

●   ในรุ่น RS และ RS+ ตกแต่งเบาะนั่งด้วยด้ายสีส้มให้ดูสปอร์ตขึ้น พร้อมช่องเก็บของ กล่องเก็บแท็บเล็ต และที่วางแก้วน้ำ 9 ตำแหน่ง เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง

●   รุ่น V+, RS และ RS+ ติดตั้งจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ HDMI สำหรับระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth, มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับแบบ MID, ปุ่มกดสตาร์ทเครื่องยนต์ มีทุกรุ่นย่อย ส่วนระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 จังหวะ Paddle Shift พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control เฉพาะรุ่น RS และ RS+

เครื่องยนต์ประหยัด รองรับ E85

●   เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 มีความจุ 1,497 ซีซี กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. ที่ 4,700 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทางฮอนด้าระบุว่าพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream ช่วยประหยัดน้ำมัน และทำให้อัตราเร่งดี

●   Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับ เพื่อช่วยให้ผู้ขับได้เห็นถึงความแตกต่างการใช้อัตราเร่งสัมพันธ์กับเชื้อเพลิงจากมาตรวัดที่มีการเปลี่ยนสี เฉพาะในรุ่น V, V+, RS และ RS+ ระบบ Econ Mode ช่วยลดการใช้พลังงาน โดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งการปรับระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม

ระบบความปลอภัยครบ

●   ฮอนด้า แจ๊ซ มั่นใจด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON และระบบ VSA หรือ Vehicle Stability Assist ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง และ HSA หรือ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน โดยระบบจะคุมแรงดันน้ำมันเบรกไว้หลังยกเท้าออกจากแป้นเบรก เพื่อป้องกันรถถอยหลังเมื่อออกตัวบนทางชัน เช่น ลานจอดรถ และระบบ ESS หรือ Emergency Stop Signal สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติที่ไฟท้ายกรณีเหยียบเบรกกะทันหัน

●   ภายในมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS ในทุกรุ่นย่อย เฉพาะรุ่น RS+ เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags เพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้องมองหลังที่สามารถปรับมุมมองได้ 3 ระดับ Multi-angle Rearview Camera ทั้งมุมกว้าง 130 และ 180 องศา รวมทั้งมุมมองจากด้านบนพร้อมเส้นกะระยะ

●   การทดลองขับ ฮอนด้า แจ๊ซ ระยะทางสั้นๆ จากในเมืองวิ่งออกนอกเมืองรวมประมาณ 114 กิโลเมตร บนเส้นทางบางกรวย-ไทรน้อย-คลองสาน-เอกมัย ระหว่างการเดินทางมีกิจกรรมต่างๆ ให้สื่อมวลชนแต่ละกลุ่มได้ทำร่วมกัน เช่น ฟังเพลงที่ทีมงานจัดไว้ให้ 6 เพลง จากนั้นให้ทายชื่อเพลงให้ถูกอย่างน้อย 2 เพลงขึ้นไป เจ้าหน้าที่ประทับตราสัญลักษณ์ JAZZ ในช่องที่จัดไว้ แสดงว่าทำกิจกรรมนี้ผ่านเป็นต้น เป็นการสร้างรูปแบบการเดินทางให้มีความสนุกสนาน สบายๆ สร้างความเป็นกันเอง ไม่เน้นการทดลองขับมากนัก

●   เริ่มต้นที่ร้าน Maggio Coffee ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 101/2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS อุดมสุข สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งร้านกาแฟและร้านเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบตกแต่งสไตล์ลอฟท์ โดยการนำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่างๆ ที่ทางร้านจำหน่ายอยู่แล้วมาจัดแสดง ภายในอาคารแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นเคาน์เตอร์และที่นั่งสำหรับลูกค้านั่งจิบกาแฟในห้องแอร์เย็นๆ ส่วนชั้น 2 เป็นสถานที่จัดโชว์เฟอร์นิเจอร์ที่มีการตกแต่งในรูปแบบต่างๆ และทางฮอนด้าใช้เป็นที่จัดต้อนรับสื่อมวลชนด้วย

●   หลังจากกล่าวต้อนรับและบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์จากผู้บริหารของฮอนด้าฯ จึงแบ่งกลุ่มสื่อมวลชนเพื่อเดินทาง ก่อนหน้านั้นมีเจ้าหน้าที่ได้แนะนำน้องๆ หน้าตาน่ารัก สดใส ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ก่อนแนะนำยังคงสงสัยว่าน้องคือใคร มาทำอะไร แต่พอเจ้าหน้าที่ไขข้อข้องใจว่าน้องคือ เน็ตไอดอล ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นที่รู้จักกันในกระแส Social Media ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบการนำเสนอแตกต่างกันไป เพื่อดึงผู้สนใจติดตามเข้าชมจำนวนหลักแสนหรือหลักล้านกันเลยทีเดียว

●   เริ่มเดินทางรูปแบบคาราวาน แต่ช่วงจุดเริ่มต้นค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ไม่สามารถวิ่งแบบขบวนได้ ทั้งสัญญาณไฟจราจร ปริมาณรถค่อนข้างมาก กว่าจะเข้าขบวนกันเกือบครบก็วิ่งเส้นทางด่วนศรีรัชมุ่งหน้าไปบางใหญ่ Tanwa Design & The Food Project คือจุดหมายที่กำลังเดินทาง ตั้งอยู่บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดดเด่นด้วยรูปแบบอาคารคอนกรีตปูนเปลือย ตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่แทนหน้าต่าง ทำให้ดูโปร่งโล่ง ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้รู้สึก ร่มรื่นในบรรยากาศสบายๆ ภายในอาคารแบ่งเป็น 2 ชั้น แต่มอเตอร์ทริเวียไม่มีโอกาสเดินขึ้นไปชมชั้น 2 เนื่องจากต้องทำกิจกรรม D.I.Y. โดยให้แต่ละคนออกแบบถุงเก็บสัมภาระภายในห้องโดยสาร Car Seat Hanging bag มีอุปกรณ์และตัวอย่างเตรียมพร้อมก่อนลงมือทำ โดยแต่ละคนสามารถออกแบบตามความคิดได้ตามสบาย

●   จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ The Never Ending Summer ตั้งอยู่ในโครงการ The Jam factory เจริญนคร ร้านนี้ดัดแปลงมาจากโกดังโรงงานน้ำแข็งเก่าที่ปิดทำการมาหลายสิบปี ย่านท่าเรือคลองสาน ภายในร้านมีลักษณะเปิดโล่ง เพดานสูง ออกแนวดิบๆ ซะด้วยซ้ำ เข้าไปครั้งแรกไม่คิดว่าการตกแต่งร้านสไตล์นี้จะขายอาหารไทยโบราณ เนื่องจากไม่มีลักษณะบ่งบอกว่าเป็นร้านอาหารไทย สังเกตจากอาหารที่นำมาเสริฟนึกสงสัยมีแต่อาหารไทยๆ อย่างเช่นแกงรัญจวน (ถามน้องที่เสริฟอาหาร) ซึ่งเคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นหน้าตา ถือเป็นแกงที่หายากในปัจจุบัน มีบันทึกไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงเดินไปขอดูเมนูอาหารจึงรู้คำตอบ จุดเด่นของร้านอาหารคือจัดห้องครัวขนาดใหญ่แบบเปิดโล่ง มีกระจกใสกั้นเพื่อแบ่งขอบเขตเท่านั้น ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นพ่อครัวแม่ครัวและเชฟ ทำงานกันเพลินๆ ระหว่างนั่งรออาหาร

●   นั่งพักพอให้ข้าวเรียงเม็ดก็ออกเดินทางต่อเพื่อไม่ให้ถึงจุดหมายเย็นมากนัก ไม่เช่นนั้นจะเจอปัญหาจราจรอย่างแน่นอน ใช้เส้นทางข้ามผ่านสะพานตากสิน เข้าถนนสาทรกลับรถมุ่งขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครสู่ร้าน Nikko Café ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 12 เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ เน้นใช้กระจกตกแต่ง ในแบบสไตล์ญี่ปุ่นเรียบง่าย มาถึงร้านทุกคนยังคงอิ่มจากอาหารกลางวัน แค่นั่งจิบกาแฟ เครื่องดื่มกันสักพักออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางบริษัท ฮอนด้าฯ ซอยสุขุมวิท 66/1

●   มอเตอร์ทริเวีย รับหน้าที่เป็นผู้ขับระยะทางสั้นๆ แต่ปริมาณรถในเมืองค่อนข้างมาก บางจังหวะจำเป็นต้องเร่งแซง ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีความคล่องตัว อัตราเร่งตามกำลังของเครื่องยนต์ ระบบเบรกหน้าดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรกมีตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์ ABS และ EBD การทำงานของเบรกดีกว่ารุ่นเดิมตรงที่แรงเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าทำให้เบรกได้นุ่มนวล

●   ฮอนด้า แจ๊ซ เป็นซับ-คอมแพกต์แฮทช์แบ็ก ที่เน้นความเอนกประสงค์ในการใช้งาน ขับในเมืองมีความคล่องตัวบนตัวถังขนาดกะทัดรัด อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ประหยัดน้ำมัน รองรับ E85 อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ RS+ ราคา 754,000 บาท, RS ราคา 739,000 บาท, V+ ราคา 694,000 บาท, V ราคา 654,000 บาท, S CVT ราคา 594,000 บาท และ S MT ราคา 555,000 บาท และ 6 สี ได้แก่ สีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S, V และV+, สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), สีดำคริสตัล (มุก), สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) และสีใหม่ ส้มฟีนิกซ์ (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ RS+ เพิ่มเงิน 6,000 บาท สำหรับสีส้มฟีนิกส์ (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่มเงิน 10,000 บาท สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก)   ●

ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง


2017 Honda Jazz Press Trip