July 5, 2017
Motortrivia Team (10069 articles)

Ford ตั้งทีมสุดยอดนักดมกลิ่น เพื่อหากลิ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับรถ


Press Release

 

●   กลิ่นคือสัมผัสที่ทรงพลังและรับรู้ได้รวดเร็วที่สุดในประสาทสัมผัสทั้งห้า และยังเป็นสัมผัสที่เชื่อมโยงกับความทรงจำและความรู้สึกมากที่สุด กลิ่นส่งผลต่อความรู้สึกในแต่ละวันของเราถึง 75% และยังมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความสุข และความพึงพอใจ นอกจากนี้ กลิ่นยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันยืนยาวระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้อีกด้วย

●   วงการน้ำหอมล้วนเติบโตขึ้นด้วยความสัมพันธ์ที่ว่านี้ โดยกลิ่นหอมได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อปลุกเร้าความรู้สึกต่างๆ ตั้งแต่ความปรารถนา ความมีชีวิตชีวา ไปจนถึง ความผ่อนคลาย คล้ายกับเวลาที่เรารู้สึกดึงดูดให้เดินเข้าหาซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านกาแฟด้วยกลิ่นหอมของขนมปังหรือกาแฟคั่วสดใหม่นั่นเอง ปัจจุบัน นักออกแบบรถยนต์เริ่มมีการแข่งขันกันมากขึ้น ในเรื่องการนำเสนอกลิ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดของรถยนต์ให้กับตลาดต่างๆ สำหรับ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กลิ่นคือสิ่งสำคัญในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าของเรา

●   “กลิ่นคืออีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดเมื่อลูกค้าเลือกซื้อรถใหม่”  แอนดี้ แพน (Andy Pan) วิศวกรผู้ดูแลห้องทดสอบกลิ่นของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิค กล่าว “เราทดสอบทุกส่วนประกอบที่อยู่ในรถ เพื่อให้แน่ใจว่าลักษณะ สัมผัส และกลิ่นนั้นเหมาะสม เพราะทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้แก่ทั้งคนขับและผู้โดยสาร”

●   นับตั้งแต่ปี 2551 ฟอร์ดได้ขยายห้องทดสอบกลิ่นประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ที่นานจิง ประเทศจีน อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันฟอร์ดได้จัดตั้งทีม “สุดยอดนักดมกลิ่น” หรือ Super Smellers ถึง 18 คน ที่ร่วมทำการทดสอบกลิ่นกว่า 300 กลิ่นต่อปี จากวัสดุ และส่วนประกอบต่างๆ ภายในรถยนต์ ที่จำหน่ายในเอเชีย แปซิฟิค


ห้ามสูบบุหรี่
●   ทุกๆ ปี ฟอร์ดจะทำการคัดเลือกทีมสุดยอดนักดมกลิ่นในประเทศจีน โดยเปิดรับพนักงานที่สนใจจากทุกฝ่ายในบริษัท เพื่อเข้าทดสอบกลิ่นจากตัวอย่างวัสดุในขวดโหล 16 ขวด ทั้งนี้ สุดยอดนักดมกลิ่นจะได้รับการคัดเลือกจากความสามารถและความคงเส้นคงวาในการดมกลิ่น และยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ครบถ้วนอีกด้วย

●   “คุณต้องไม่สูบบุหรี่ เป็นภูมิแพ้ หรือมีปัญหาด้านโพรงจมูก”  ไมค์ เฟิง (Mike Feng) นักทดสอบกลิ่นที่ทำงานกับฟอร์ดมานาน 4 ปี กล่าว “คุณไม่สามารถใส่น้ำหอม เสื้อหนัง หรือทาเล็บได้ นอกจากนี้ คุณยังไม่ควรใช้ยาสระผมที่มีกลิ่นแรง เพื่อให้แน่ใจว่าประสาทรับกลิ่นของคุณจะคงที่และไม่ถูกบิดเบือน”

●   สุดยอดนักดมกลิ่นของฟอร์ดจะต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติใหม่ทุกปี เพื่อรักษาตำแหน่งไว้และยังต้องเข้าการทดสอบกลิ่นเป็นระยะตลอดทั้งปีอีกด้วย นักทดสอบกลิ่นจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 6 คน เพื่อทำการทดสอบตัวอย่างวัสดุแต่ละชนิด โดยผลการทดสอบจะขึ้นอยู่กับคะแนนเฉลี่ยจากนักทดสอบในกลุ่ม

●   “ผมมักจะได้กลิ่นก่อนคนอื่นเสนอ”  เฟิง กล่าวเพิ่มเติม “เพื่อนร่วมงานบอกว่าผมสามารถได้กลิ่นอาหารกลางวันจากโรงอาหารก่อนคนอื่นๆ เสียอีก”

ตลาดที่แตกต่าง กลิ่นที่แตกต่าง
●   มนุษย์แต่ละคนรับกลิ่นได้ไม่เหมือนกัน และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สิ่งนี้เป็นผลมาจากพันธุกรรม ดังนั้น ฟอร์ดจึงมีห้องทดสอบกลิ่นทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แปซิฟิค เพื่อให้แน่ใจว่ารถฟอร์ดจะตรงใจลูกค้าทั่วโลก ในขณะที่ “กลิ่นรถใหม่” ที่เราคุ้นเคยนั้นเป็นที่นิยมในตลาดหลายแห่ง เช่น ออสเตรเลีย แต่ในประเทศจีน ผู้บริโภคกลับชื่นชอบกลิ่นอโรมาที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น จากผลการศึกษาเรื่องคุณภาพเบื้องต้นในประเทศจีนประจำปี 2559 ของ JD Power (JD Power 2016 China Initial Quality Study) เกี่ยวกับปัญหาที่ได้รับการรายงานบ่อยที่สุดพบว่า คำร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นนั้นติดอันดับแรกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว

●   “หนังเป็นวัสดุที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากลูกค้าในแต่ละตลาดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก”  แพน กล่าว “ลูกค้าชาวจีนอาจจะไม่ชอบกลิ่นหนังใหม่ เราจึงต้องระมัดระวังในการเลือกวัสดุที่จะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าทั่วโลก”

●   วัสดุทุกชนิดที่ใช้ในรถของฟอร์ดจะต้องผ่านการทดสอบเรื่องกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นผ้าบุเบาะที่นั่ง พลาสติก หรือพรม โดยเกณฑ์การทดสอบของฟอร์ดนั้น วัสดุควรมีกลิ่นที่รับรู้ได้ แต่ไม่รบกวนประสาทสัมผัส และหากวัสดุใดมีกลิ่นแรงเกินไป ฟอร์ดจะทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือมองหาวัสดุอื่นๆ มาใช้ทดแทน

จากขวดโหลใส่ถั่ว สู่ที่เก็บกลิ่น
●   ฟอร์ดจะทดสอบตัวอย่างวัสดุโดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ ที่มีอยู่ทั่วๆ ไป ได้แก่ ขวดโหลแก้ว และตู้อบ เพื่อทดสอบว่ารถจะมีกลิ่นเช่นไรเมื่อผลิตเป็นจำนวนมาก โดยนำขวดโหลแก้วเมสันขนาด 3 ลิตร ที่ใช้เก็บพาสต้าหรือถั่ว มาใช้เป็นอุปกรณ์ในการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง

●   ตัวอย่างวัสดุจะถูกย่อจากขนาดจริงที่ใช้ในรถยนต์และนำไปใส่ในขวดโหล ก่อนจะถูกนำไปเข้าตู้อบในอุณหภูมิ 3 ระดับ ได้แก่ 80, 40 และ 23 องศาเซลเซียส และผู้ทดสอบจะใส่น้ำลงไปในขวดโหลที่ใช้ในอุณหภูมิ 40 และ 23 องศา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น

●   “วัสดุที่ใช้ในรถของเราจะต้องมีกลิ่นเหมือนเดิมในทุกสภาวะ แม้ว่าจะเป็นวันที่ร้อนมากก็ตาม”  แพน อธิบาย “การทดสอบในขั้นตอนการพัฒนาจะช่วยให้เรานำสิ่งที่จะสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากตัวรถ เพื่อให้แน่ใจว่ารถที่ออกจากสายการผลิตจะมีกลิ่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าของเรา”   ●