July 15, 2017
Motortrivia Team (10019 articles)

2018 Hyundai i30 N ฮอทแฮทช์พันธุ์แท้กับความดุในระดับ 275 แรงม้า


Posted by : AREA 54

 

●   เผยโฉมออกมาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับฮอทแฮทช์รุ่นแรกของ ซับ-แบรนด์ N กับ Hyundai i30 N ตัวแทนความหวังในการเปิดตลาดใหม่ของฮุนได มอเตอร์ ภายใต้การนำทีมของ Albert Biermann อดีตหัวหน้าทีมวิศกร BMW M ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนก N ภาพลักษณ์โดยรวมดุดันน่าขับจนถึงกับทำให้ลืม Hyundai Veloster Turbo กันไปเลยทีเดียว

●   ในระหว่างการพัฒนา Biermann ให้ข้อมูลว่า หัวใจหลักคือการพัฒนาและปรับแต่งเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Theta T-GDI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ บล็อคนี้ โดยมีการปรับปรุงชิ้นส่วนใหม่ราว 40% ซึ่งพละกำลังจะอยู่ที่ประมาณ 260 แรงม้า (HP)

●   ทว่าในที่สุดทีมวิศวกรฮุนไดก็สามารถเค้นประสิทธิภาพของมันออกมาได้ถึง 275 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 35.9 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ คันเกียร์สปอร์ตก้านสั้นแบบ Short throw shifter สำหรับส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้า และเสริมความมั่นใจในการยึดเกาะด้วย E-LSD (ดิฟฯ อิเลคทรอนิค) สำหรับจัดสรรแรงบิด และแน่นอนว่าผู้ขับสามารถเลือกปิด ESC ได้หากต้องการอะไรที่มันเร้าใจเพิ่มขึ้น

●   อย่างไรก็ตาม ฮุนไดจะแยกจำหน่าย i30 N เป็นรุ่นพื้นฐานจากโรงงานที่กำลังสูงสุดอั้นเอาไว้ที่ 250 แรงม้า หากต้องการตัวเลขกำลัง 275 แรงม้า ต้องเลือกติดตั้ง “Performance Package” เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ตัวรถมีอัตราเร่ง 0 – 100 ภายใน 6.1 วินาที ลดลง 0.3 วินาทีเมื่อเทียบกับรุ่น 250 แรงม้า ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้เท่ากันที่ 250 กม./ชม. ส่วนการหยุดรถเป็นหน้าที่ของชุดเบรค N ซึ่งในรุ่นพื้นฐานล้อ 18 นิ้วพร้อมยาง MICHELIN จะไม่มีให้ แต่รุ่น 275 แรงม้านั้น ชุดเบรค N จะรวมอยู่ใน Performance Package ใช้ดิสค์เบรคหน้าเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว คาลิเปอร์สีแดงเฉพาะรุ่น พร้อมด้วยล้อ 19 นิ้ว จับคู่ยางประสิทธิภาพสูง Pirelli P-Zero

●   ฮุนไดระบุว่า รถคันนี้เป็นรถสปอร์ตที่ “ขับได้ทุกวัน” ชุดเบาะพิเศษทรงบัคเก็ทในชื่อ N sport seats จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความสะดวกสบายทั้งผู้ขับและผู้โดยสารโดยไม่สูญเสียความกระชับในการรองรับสรีระ โหมดในการขับนั้นมี 5 แบบ ประกอบด้วย Eco, Normal, Sport, N (พร้อมฟังก์ชั่น Launch Control) และ N Custom ที่สามารถเลือกการปรับตั้งค่าได้เองตามใจชอบ

●   ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ในรุ่นพื้นฐานมากับจอทัชสกรีน 5 นิ้ว มีฟังก์ชั่นแสดงผลการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่รุ่นท๊อปมีจอ 8 นิ้วเป็นออปชั่น พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาบนแทร็ค และแสดงผลข้อมูลอัตราเร่ง ฯลฯ

●   ในชั้นต้น การพัฒนาตัวรถมีขึ้นที่ศูนย์ Namyang R&D Center ในฮวาซอง ประเทศเกาหลีใต้ ที่นี่ฮุนไดมีแผนกย่อยสำหรับการพัฒนาตัวรถทั้งหมด ไล่ไปตั้งแต่แชสซีส์, เครื่องยนต์, ชุดระบบส่งกำลัง, การทดสอบแอร์โรไดนามิคในอุโมงค์ลม รวมถึงการทดสอบสมรรถนะในเบื้องต้นบนแทร็คความเร็วสูงความยาว 4.5 กม. และมีการจำลองเส้นทางในสภาพแทร็คปิดอีก 70 กม. ภายในพื้นที่

●   ในขั้นตอนปิดท้าย การพัฒนาแฮนด์ลิ่งของรถมีขึ้นที่ Nurburgring Testing Center ประเทศเยอรมัน ซึ่งฮุนไดเปิดใช้งานมาตั้งแต่ช่วงปี 2013 ภายใต้การควบคุมของ Hyundai Motor Europe Technical Center จุดประสงค์ก็คือการออกแบบช่วงล่างของรถบางรุ่นให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในยุโรป อาทิ Hyundai i30 Wagon หรือ Hyundai i40 ทว่า Hyundai i30 N จะถูกนับเป็นรถรุ่นแรกในกลุ่มรถสมรรถนะสูง (เวอร์ชั่น N) ที่ได้รับการพัฒนาออกมาจากศูนย์แห่งนี้ ปัจจุบัน Nurburgring Testing Center ตั้งอยู่ที่นูร์บูกร์ริงบนเนื้อที่ราว 3,600 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3 โซนหลัก คือ ส่วนออฟฟิซ, เวิร์คชอปสำหรับปรับจูนรถ และโซนพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน

●   ฟังก์ชั่นใหม่คือ ชุดระบบควบคุมพวงมาลัยใหม่ R-MDPS หรือ rack-mounted motor driven power steering system ปรับความละเอียดชุดเฟืองในการควบคุมพวงมาลัยให้เพิ่มความละเอียดมากขึ้น ช่วยผ่อนแรงได้ดียิ่งขึ้นในช่วงความเร็วต่ำ และมีการเพิ่มแรงมาก + เพิ่มความแม่นยำมากขึ้นในขณะใช้ความเร็วสูง ซึ่งฮุนไดให้ข้อมูลว่า i30 N สามารถใช้งานในลักษณะการวิ่ง track day ได้โดยไม่ต้องการการปรับแต่งการตอบสนองของพวงมาลัยเพิ่มเติมเลย ทว่าฮุนไดแนะนำว่าควรจะใช้ร่วมกับยาง Cup (ยางเกรดแข่งขัน) เท่านั้น

●   ชุดระบบช่วยขับ และระบบความปลอดภัยประกอบด้วย ระบบ Autonomous Emergency Brake ช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะฉุกเฉิน, ระบบ Driver Attention Alert เตือนเมื่อตรวจพบอาการเหนื่อยล้าจากลักษณะการขับที่ผิดปกติจากรูปแบบการขับ, ระบบ Lane Keeping Assist System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน เริ่มทำงานที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ขึ้นไป, ระบบ Speed Limit Information Function แสดงผลโซนจำกัดความเร็วโดยอาศัยความสามารถเนวิเกเตอร์ และแสดงผลบนจอ TFT หลังวงพวงมาลัย และระบบ High Beam Assist ช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติ

●   สำหรับการผลิต i30 N รุ่นจำหน่ายจริง ฮุนไดจะทำการผลิตในยุโรปทั้งหมด โดยใช้โรงงาน HMMC หรือ Hyundai Motor Manufacturing Czech ที่สาธาณรัฐเชคเป็นฐานการผลิตหลัก ซึ่งการที่ฮุนไดเลือกให้บริการโรงงานแห่งนี้เนื่องมาจากเดิมทีที่นี่ก็รับหน้าที่ผลิต Hyundai i30 รุ่นพื้นฐาน อยู่แล้วนั่นเอง โดยตัวโรงงานมีกำลังการผลิต (รุ่นพื้นฐาน) สูงสุดที่ 350,000 คันต่อปี

●   Hyundai i30 N มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี สีโปรโมทคือ ฟ้า Performance Blue ซึ่งเป็นสีหลักสำหรับตัวแข่งในรายการ WRC ที่เหลือประกอบด้วย Clean Slate, Polar White, Micron Grey, Phantom Black และ Engine Red ใครอยากให้เสียงของตัวรถกระหึ่มยิ่งขึ้น ฮุนไดมีชุด Performance Package สำหรับชุดระบายไอเสียให้เป็นออปชั่นเสียเงินเพิ่มอีก 1 ชุด โดยชุดระบบประกอบด้วยวาล์วแปรผันสำหรับสร้างระดับเสียงที่แผดออกมาจากท่อไอเสียให้เพิ่มขึ้นกว่ารุ่นพื้นฐาน

●   เบื้องต้นการจำหน่าย i30 N จะจำจัดวงเอาไว้เฉพาะโซนยุโรปเท่านั้น รูปแบบตัวถังมีเพียง 5 ประตูแฮทช์แบคเพียงอย่างเดียว กำหนดการลงโชว์รูมอยู่ภายในปี 2017 นี้ ทว่าราคาจำหน่ายยังไม่เปิดเผยครับ… คิวต่อไปคือน้องเล็ก Hyundai i20 N ซึ่งน่าจะมีการผลิตจริงแน่    ●


2018 Hyundai i30 N