July 17, 2017
Motortrivia Team (11367 articles)

2018 Jaguar E-Pace คอมแพคท์ครอสโอเวอร์เจนเนอเรชั่นใหม่

เรื่อง : AREA 54

●   จากัวร์เปิดตัวรถรุ่นใหม่เอี่ยมเจนเนอเรชั่นแรก Jaguar E-Pace ผลงานของนักออกแบบคู่บุญของจากัวร์ Ian Callum (เช่นเคย) ขนาดตัวเล็กกว่า Jaguar F-Pace ซึ่งเป็นครอสโอเวอร์ไซส์ SUV ขนาดกลาง ตัวรถถูกวางตำแหน่งทางการตลาดเอาไว้ในกลุ่มรถเบบี้ SUV พรีเมี่ยม พร้อมจำหน่ายในสหราชอาณาจักรเดือนมกราคม 2018

●   จากัวร์เปิดตัว E-Pace ด้วยอีเวนท์ที่ต้องบอกว่าบ้าเลือดและไม่ธรรมดา ด้วยการให้นักขับสตันท์ Terry Grant ทำสถิติโลก “Barrel Roll” ควงรถกลางอากาศ 1 รอบเต็มๆ ด้วยการใช้แรมพ์เอียง โดยมี Guiness World Records มาเป็นสักขีพยานและให้การรับรองอย่างเป็นทางการที่ ExCeL London (Exhibition Centre London) ตามข้อมูลของจากัวร์ระบุว่า รถที่ใช้ในการทำสถิตินั้นเป็นรถโปรดัคชั่นรุ่นพื้นฐานจากสายการผลิต ไม่มีการปรับแต่งใดๆ เพิ่มเติม ยกเว้นการเสริมความปลอดภัยในห้องโดยสารเท่านั้น

●   Grant และทีมงานจากัวร์ ใช้เวลาเตรียมโชว์นี้ราว 1 เดือน โดยใช้โมเดลจำลองสถานการณ์จริงในคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลทุกๆ อย่างถูกคำนวณมาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นองศาการเอียงของแรมพ์ทั้งตัวรับ-ส่ง น้ำหนักตัวรถ น้ำหนักตัวผู้ขับ น้ำหนักอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ความเร็วรถที่เหมาะสม… แม้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังต้องอาศัยความสามารถของผู้ขับด้วย จากการคำนวณนั้น ระหว่างที่รถหมุนตัวกลางอากาศ Grant ต้องรับแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ถึง 5.5G กันเลยทีเดียว (แต่ก็ยังแพ้ F1 อยู่ครับ Lewis Hamilton เคยอัดโค้งเร็วในสนาม Albert Park และต่อสู้กับแรง G ขณะที่อยู่ในโค้ง 1 และ 11 มากกว่า 6G มาแล้ว… บันทึกเป็นเกร็ดเฉยๆ นะครับ รูปแบบการขับไม่เหมือนกัน)

●   E-Pace เป็นรถที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม Jaguar Land Rover D8 ปัจจุบันใช้งานอยู่ใน Range Rover Evoque และ Land Rover Discovery Sport ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ AWD ตามสูตร ขนาดตัวมากับความยาวรวม 4,411 มม. กว้าง 1,984 มม. สูง 1,649 มม. ตัวถังวางอยู่บนฐานล้อ 2,681 มม. เทียบกับญาติสนิทอย่าง Range Rover Evoque รุ่นตัวถัง 5 ประตูที่เราคุ้นตากันดี E-Pace จะยาวกว่า 40 มม. กว้างกว่า 84 มม. สูงกว่า 14 มม. ฐานล้อถูกโมดิฟายให้ยาวกว่านิดหน่อย 21 มม.

●   รุ่นเครื่องยนต์มีทางเลือกมากมายทั้งเบนซินและดีเซล โดยฝั่งดีเซลเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบตระกูล Ingenium ความจุ 2.0 ลิตร แบ่งเป็นรุ่น 150 แรงม้า (PS) แรงบิด 38.7 กก.-ม., 180 แรงม้า แรงบิด 43.8 กก.-ม. และ 240 แรงม้า แรงบิด 50.9 กก.-ม. ส่วนฝั่งเบนซิน เทอร์โบชาร์จ มีรุ่น 249 แรงม้า แรงบิด 37.1 กก.-ม. และ 300 แรงม้า แรงบิด 40.7 กก.-ม. ทั้งคู่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบตระกูล Ingenium เช่นกัน ระบบส่งกำลังใช้บริการของ ZF แบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ และมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะในบางรุ่น เกรดรุ่นย่อยโดยรวมมี S, SE และ HSE รองรับน้ำหนักการลากจูงออปชั่นสันทนาการทั้งหลายได้สูงสุด 1.8 ตัน

●   IHS Markit ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลการตลาดในลอนดอนคาดว่า E-Pace น่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ F-Pace ซึ่งปัจจุบันครองตำแหน่ง “รถที่จำหน่ายได้เร็วที่สุดของจากัวร์” ด้วยตัวเลข 8 หมื่นคันนับจากการเปิดตัวในช่วงกลางปี 2016 และ E-Pace ก็น่าจะสร้างปรากฏการณ์ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่ง IHS Markit ให้ข้อมูลว่าจากัวร์น่าจะจำหน่าย E-Pace ได้อย่างน้อยๆ 6.15 หมื่นคันภายในปี 2019

●   จากัวร์จะใช้บริการโรงงาน Magna Steyr ในออสเตรียสำหรับการผลิต E-Pace ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้รับหน้าที่ผลิต Mercedes G-Class และบีเอ็มดับเบิลยูหลายรุ่น รวมถึงสปอร์ตรุ่นใหม่ที่เป็นแฝดแพลทฟอร์มของบีเอ็มดับเบิลยูอย่าง Toyota Supra ด้วย นอกจากนี้โรงงาน Magna Steyr ยังได้รับการวางตัวให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ของจากัวร์ด้วยการเตรียมผลิตรถไฟฟ้ารุ่นแรกของจากัวร์อย่าง Jaguar I-Pace ในอนาคตด้วย

●   ราคาจำหน่าย E-Pace รุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ 28,500 ปอนด์ หรือประมาณ 1.26 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นพิเศษในช่วงเปิดตัว Jaguar E-Pace “First Edition” ตามแบบฉบับของจากัวร์ น่าจะสูงกว่า 40,000 ปอนด์ หรือมากกว่า 1.8 ล้านบาทครับ… ทั้งนี้รุ่นพื้นฐานเมื่อเข้ามาในบ้านเรา ราคาก็น่าจะถูกกว่า Jaguar F-Pace นิดหน่อย (ราคา F-Pace บ้านเราอยู่ในช่วง 4.6 – 5.9 ล้านบาท)   ●

2018 Jaguar E-Pace