September 20, 2017
Motortrivia Team (10167 articles)

จีนตั้งเป้าห้ามใช้รถยนต์ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน เริ่มตั้งแต่ปี 2025


Posted by : Man from the Past

 

●   หลังก้าวขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแทนสหรัฐอเมริกา จีนยังคงเดินหน้าเอาดีในเรื่อง “ระดับโลก” อีกหลายด้าน ล่าสุดคือการเตรียมเป็นประเทศที่ปลอดมลพิษจากรถยนต์ เพื่อผันตัวเองให้เป็นประเทศมลพิษต่ำ หลังจากประสบปัญหามลพิษสูงสุดนับตั้งแต่เปิดประเทศเกือบ 40 ปี และการเตรียมนั้นก็คือ การศึกษาและพัฒนาแผนงานอย่างเป็นระบบว่าควรจะห้ามใช้รถยนต์เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลได้อย่างไร?

●   การ “ห้าม” เป็นเรื่องที่พูดกันลอยๆ ได้ แต่การวางกรอบเวลาเริ่มต้นเช่น สหราชอาณาจักร หรือ ฝรั่งเศส ที่ได้ริเริ่มทำกันไปแล้ว รวมทั้งเมืองใหญ่อย่าง กรุงแมดริดและกรุงเม็กซิโกซิตี้ เป็นการเตรียมการที่ต้องทำอย่างสุดระมัดระวัง เพราะนอกจากจีนจะเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ยังเป็นประเทศใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากอันดับ 2 เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

●   แต่จากการแสดงความเห็นของนาย Xin Guobin รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีข่าวสารที่งานแสดงรถยนต์ในนครเทียนจินเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจีนกำลังคิดโยงการห้ามใช้ให้เข้ากับการผลิตและการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV : battery electric vehicle) และรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV : plug-in hybrid electric vehicle) เข้าไว้ด้วยกัน โดยจีนตั้งเป้าจะเอาดีทางด้านการผลิตรถไฟฟ้า ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า ทั้งปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้รถทั้ง 2 ประเภทจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน และแพร่หลายจนถึงช่วงปี 2025 ซึ่งน่าจะมีการซื้อขายถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับการซื้อขายรถทั้งหมด

●   เมื่อเป็นเช่นนี้ การห้ามใช้รถเชื้อเพลิงฟอสซิลจึงควรเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ทั้งนี้ในช่วง 8 ปีก่อนจะถึงปีดังกล่าว เขากล่าวว่า วงการอุตสาหกรรมรถยนต์จีนคงต้องเผชิญภาวะแปรปรวนขนาดหนักทีเดียว… ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสนใจ โดยเฉพาะการกระตุ้นให้ผู้ผลิตในปัจจุบันมีการปรับตัวให้ทันความเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันก็สนับสนุนผู้ผลิตหน้าใหม่ที่ล้วนเป็นผู้ผลิตรถพลังงานทางเลือกให้เดินหน้าควบคู่กันไปด้วย

●   ทั้งนี้ รัฐบาลยังควรจัดให้ผู้ผลิตทั้ง 2 กลุ่มพบปะพูดคุยเป็นประจำ เพื่อให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในกรณีนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า จีนจะเลื่อนการกำหนดโควต้าการซื้อขายรถพลังงานทางเลือกทั้ง 2 แบบ โดยจะเลื่อนไปอีก 1 ปี หลังจากที่เดิมกำหนดจะเริ่มขึ้นในปีหน้า (2018) โดยมีการวางโควต้าไว้ที่ร้อยละ 8 ของยอดขายรถทั้งหมด จากนั้นจะขยับขึ้นไปเป็นร้อยละ 10 ในปี 2020 และร้อยละ 12 ในปีถัดไป

●   แต่จะเลื่อนหรือไม่ก็ตาม การหันไปใช้รถ BEV และ PHEV ได้เกิดแล้วในจีน ถ้าดูจำนวนจุดชาร์จไฟที่มีแล้วทั่วประเทศ 167,000 แห่ง โดยทุกแห่งพ่วงเข้ากับเครือข่ายของบรรษัทจ่ายกระแสไฟฟ้าแห่งชาติหรือ State Grid Corporation of China (SGCC) ดังนั้นตอนนี้จีนจึงกำลังเป็นประเทศที่มีจุดชาร์จรถไฟฟ้ามากที่สุดในโลก

●   การจ่ายไฟของบรรษัทดังกล่าว กระทำผ่านผู้ให้บริการชาร์จไฟทั้งหมด 17 ราย โดยทุกวัน SGCC จะจ่ายกระแสไฟให้เจ้าของสถานีชาร์จเหล่านี้กว่า 1 ล้านกิโลวัตต์ ทั้งนี้ SGCC เองตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมาได้เปิดสถานีชาร์จของตัวเองไปแล้วถึง 5,526 แห่ง กับจุดชาร์จอีก 40,000 แห่ง โดยในส่วนของสถานียังมีบริการให้ยืมแบตเตอรี่ เพื่อให้เจ้าของรถที่แบตเตอรี่หมดสามารถเดินทางต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียเวลารีชาร์จ เมื่อเดินทางเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมารับแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟเรียบร้อยคืน

●   มีรายงานว่า ปัจจุบัน SGCC มีเครือข่ายสถานีและจุดให้บริการรถพลังงานทางเลือก 121 เมืองใน 16 มณฑล โดยมีค่าเฉลี่ยของระยะห่างระหว่างสถานีต่อสถานีอยูที่ประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งบรรษัทมีแผนงานระยะยาวคือ เมื่อถึงปี 2020 ในส่วนของสถานีจะมีการเพิ่มให้ครบ 120,000 แห่ง ซึ่งหากสำเร็จตามเป้าหมายก็หมายความว่า ถ้าเป็นพื้นที่นอกเมืองระยะทางระหว่างสถานีแต่ละแห่งเฉลี่ยแล้วจะห่างกันไม่เกิน 5 กิโลเมตร, รอบเมืองส่วนในจะไม่เกิน 3 กิโลเมตร ขณะที่ในเมืองจะไม่เกิน 1 กิโลเมตร

●   นี่เป็นอีกจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวางแผนใช้รถพลังงานทางเลือกในจีน ซึ่งเป็นจุดที่จะเสริมให้จีนเป็นประเทศผู้นำด้านรถยนต์มลพิษต่ำ และขยับขึ้นเป็นประเทศมลพิษต่ำชั้นนำของโลกตามที่ต้องการ   ●


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
–  :  จีนตั้งเป้าลดการใช้รถยนต์ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน เริ่มตั้งแต่ปี 2020.
–  :  อังกฤษตามฝรั่งเศส เตรียมแบนรถดีเซลเบนซินหลังปี 2040.
–  :  ฝรั่งเศสเตรียมแบนการขายรถเบนซิน, ดีเซล ในปี 2040.
–  :  แคนาดาเตรียมพัฒนากลยุทธ์รถไฟฟ้าแห่งชาติในปี 2018.
–  :  ปี 2030 ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่ายานยนต์สันดาปภายใน.
–  :  ปารีส, มาดรีด, เม็กซิโกซิตี้ เตรียมยกเลิกรถดีเซลภายในปี 2025.
–  :  รัฐบาลเยอรมันโหวตยกเลิกเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2030.
–  :  อินเดียตั้งเป้าจำหน่ายแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2030.
–  :  จีนเตรียมออกมาตรการควบคุมบริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า.
–  :  Toyota จับมือ Shell เปิดสถานีเติมไฮโดรเจนในแคลิฟอร์เนีย.
–  :  แบรนด์รถยนต์ร่วมพัฒนาระบบชาร์จแบบ Ultra-Fast ในยุโรป.