Honda ประเทศไทย พาชม 45th Tokyo Motor Show 2017 : Part 1
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ
ตอนที่ 1 : ทดลองขับ Honda หลากรุ่นที่ Twin Ring Motegi
● บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนร่วมงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ซึ่งจัดขึ้นที่โตเกียวบิ๊กไซท์ (Tokyo Big Sight) รอบสื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2560 และรอบประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2560 ในปีนี้บูธของฮอนด้าทั้งหมดนำเสนอภายใต้แนวคิด “เพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตของผู้คน” ผ่านผลิตภัณฑ์แห่งการเคลื่อนที่ แบ่งเป็นโซนย่อยสำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ต้นแบบรุ่นใหม่ที่มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่งานนี้, รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในสายการผลิต และขาดไม่ได้สำหรับโซนมอเตอร์สปอร์ตที่ฮอนด้ามีส่วนร่วมมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้บริเวณกลางบูธ ยังเปิดให้เป็นพื้นที่ว่างสำหรับให้ผู้เข้าชมงานได้พักผ่อนหรือใช้เป็นจุดนัดพบ
● ในปีนี้ฮอนด้าจัดแสดงยนตรกรรมที่น่าสนใจหลายรุ่น เช่น ฮอนด้า สปอร์ต อีวี คอนเซ็ปต์ (Honda Sports EV Concept) เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในงานนี้ และรถยนต์ในสายการผลิตอย่าง ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น เอาใจแฟนๆ 2 ล้อ ด้วยการฉลองยอดการผลิตสะสมรวมของมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ (Super Cub) สูงถึง 100 ล้านคัน ในเดือนตุลาคมของปีนี้ รวมทั้งมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 60 ปีของซูเปอร์ คับ ที่เป็นรุ่นปัจจุบัน และรุ่นในอนาคตอีกด้วย
● ทั้งนี้ มร. ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวถึงจุดยืนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งการสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ตต่อไปในอนาคตภายในงานนี้ด้วย
● นอกจากบูธฮอนด้าในโตเกียว มอเตอร์โชว์ ซึ่งมีรถที่น่าสนใจหลายรุ่นแล้ว ยังมีโอกาสเดินทางไปที่สนาม ทวิน ริง โมเตกิ เพื่อทดลองขับรถฮอนด้าหลายรุ่น ทั้ง ฮอนด้า คลาริตี้ และรถไฮบริดรุ่นที่ทำตลาดในญี่ปุ่น รวมทั้งทดลองใช้งาน Uni-cup และเครื่องช่วยเดิน และเยี่ยมชม ฮอนด้า คอลเลคชั่น ฮอลล์ อีกด้วย
อุ่นเครื่องที่ Twin Ring Motegi
● สื่อมวลชนจากเมืองไทย เดินทางถึงญี่ปุ่นช่วงเย็นวันที่ 22 ตุลาคม พักเติมพลังมื้อเย็นกันที่โรงแรมในบริเวณสนามบิน จากนั้นเดินทางขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 130 กิโลเมตร เข้าพักที่โรงแรมทวิน ริง โมเตกิ วันรุ่งขึ้น 23 ตุลาคม ช่วงเช้าได้ทดลองขับ ฮอนด้า คลาริตี้ ทั้งแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด และฟิวเซลส์ รวมทั้งได้นั่งในรถรุ่นฟิวเซลส์ที่ทำเป็นรถแข่งด้วย ก่อนเริ่มกิจกรรมได้รับเกียรติจาก มร. ฮิเดโอะ โคมูระ ประธานบริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน
● ฮอนด้า คลาริตี้ เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่นำเสนอระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในหลายรูปแบบ ทั้งพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (battery electric) และพลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrid) โดยได้รับการติดตั้งในรถซีดาน 5 ที่นั่ง ระดับพรีเมียมที่หรูหราและกว้างขวางสะดวกสบาย มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ คลาริตี้ ฟิวเซลล์ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง เปิดตัวธันวาคม 2559 และอีก 2 รุ่น เปิดตัวเมษายน ปี 2560 ได้แก่ คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และ คลาริตี้ อิเล็คทริก
● ฮอนด้า คลาริตี้ ในแต่ละรุ่น ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงดีเอ็นเอ “fun-to-drive” แรงบิดและอัตราเร่งของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ต่อเนื่อง เงียบ และราบเรียบ พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING
● ฮอนด้า คลาริตี้ ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยตัวถังที่กว้างและลดความสูงลง ดีไซน์โดดเด่นและสีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ กระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย และล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับ 5 ที่นั่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม โดยพัฒนาภายใต้แนวคิด ทรี อิน วัน แพลตฟอร์ม ทำให้สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาของตลาด เป็นการนำเสนอรถยนต์ที่มีคาร์บอนต่ำ ตรงตามความต้องการและไลฟสไตล์ของลูกค้า
ฮอนด้า คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
● ฮอนด้า คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นปี 2018 มีแผนการเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีนี้ สามารถขับโดยใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้ระยะทางถึง 47 ไมล์ หรือประมาณ 75.64 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดเมื่อเทียบกับรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ขนาดกลางรุ่นอื่น และสามารถขับได้ระยะทางถึง 340 ไมล์ หรือประมาณ 547 กิโลเมตร ในโหมดการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle 4 สูบ 16 วาล์ว ที่เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อนโดยตรง
● เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ จะให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 314.55 นิวตัน-เมตร หรือ 32 กก.-ม. และแบตเตอรี่ 17 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่สามารถชาร์จไฟได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง มีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) สูงถึงประมาณ 46.76 กิโลเมตรต่อลิตร ดีที่สุดในรถยนต์ประเภทเดียวกัน ปรับเปลี่ยนโหมดการขับได้ 3 โหมด เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพการขับและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal Mode) โหมดประหยัด (Econ Mode) และโหมดสปอร์ต (Sport Mode) และนอกจากนี้ยังมีโหมดที่ 4 HV Mode เพื่อรักษาสภาพการชาร์จแบตเตอรี่ โดยสามารถเลือกโหมดนี้ควบคู่ไปกับ โหมดปกติ (Normal Mode) โหมดประหยัด (Econ Mode) และโหมดสปอร์ต (Sport Mode) ได้อีกด้วย
ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง
● ฮอนด้าเริ่มส่งมอบ คลาริตี้ ฟิวเซลล์ รุ่นปี 2017 ไปแล้วกว่า 100 คัน เมื่อเดือนธันวาคม 2559 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เครือข่ายสถานีเติมก๊าซไฮโดรเจนมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการติดตั้งใน คลาริตี้ ฟิวเซลล์ มีขนาดเล็กลงร้อยละ 33 และสามารถเพิ่มพลังงานได้ถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับ เอฟซีเอ็กซ์ คลาริตี้ ที่เป็นรุ่นก่อนหน้านี้ โดยแผงเซลล์เชื้อเพลิงที่ผสานระบบส่งกำลัง มีขนาดเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V-6 และได้รับการติดตั้งในห้องเครื่อง ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายสำหรับ 5 ที่นั่ง
● คลาริตี้ ฟิวเซลล์ สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 589 กิโลเมตร นับเป็นรถยนต์ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุด เมื่อเทียบกับรถฟิวเซลล์ และรถพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รุ่นอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกาและมีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) ประมาณ 28.3 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการขับแบบผสม
ฮอนด้า คลาริตี้ อิเล็คทริค
● ฮอนด้า คลาริตี้ อิเล็คทริค รุ่นปี 2017 เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการรถซีดานที่มีภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ และตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ฮอนด้า คลาริตี้ อิเล็คทริค มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 299.64 นิวตัน-เมตร หรือ 30.5 กก.-ม. และแบตเตอรี่ 25.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่สามารถชาร์จไฟได้ภายใน 3 ชั่วโมง และเมื่อใช้การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้าแบบกระแสตรง พร้อมระบบหัวชาร์จมาตรฐาน SAE (SAE Combined Charging System) จะสามารถชาร์จได้ถึงร้อยละ 80 ภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
● ฮอนด้า คลาริตี้ อิเล็คทริค มีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) สูงถึง 120/102/111 ไมล์ต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน (MPGe) (การขับในเมือง/ทางหลวง/แบบผสม) หรือประมาณ 50/42.5/46.25 กิโลเมตรต่อลิตร ตามลำดับ) สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับได้ 3 โหมด เช่นเดียวกับ คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
● ในระหว่างรอคิวขับคลาริตี้ ฮอนด้าได้เตรียมรถยนต์ไฮบริดรุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่น ให้ทดลองขับอีก 3 รุ่นประกอบด้วย ฟิต (แจ๊ซ), เกรซ (ซิตี้) และ โอดิสซีย์ ขับในบริเวณสนามทวิน ริง โมเตกิ อากาศเย็นขับสบาย เปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่เคยขับแต่ในสนามทดสอบ
ฮอนด้า ฟิต ไฮบริด และโอดิสซีย์ ไฮบริด
● เจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น กันยายน 2556 มาพร้อมระบบเครื่องยนต์ไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Dual Clutch Drive (i-DCD) ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว เริ่มต้นการทำงานด้วย EV Mode โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว และจะเปลี่ยนโหมดการขับโดยอัตโนมัติ ระหว่างการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) การขับด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และการขับด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) เพื่อตอบสนองทุกสภาพการขับ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 36.4 กิโลเมตรต่อลิตร
● ฮอนด้า ฟิต ไฮบริด ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ Atkinson cycle DOHC i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร กับระบบเกียร์ 7 สปีดแบบ DCT (7-speed DCT Dual Clutch Transmission) พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูง ชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit: IPU) พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ติดตั้งระบบเบรกไฟฟ้า (Electric servo braking system) ระบบการชาร์จกระแสไฟฟ้าโดยอาศัยพลังงานที่เกิดจากการเบรก ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบไฮบริด Integrated Motor Assist (IMA) ของฮอนด้าก่อนหน้านี้
● ระบบไฮบริดแบบอัจฉริยะนี้ จะช่วยในการปรับเปลี่ยนโหมดการขับให้เหมาะสม ทั้งการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive) อย่างเดียว การขับด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive) ที่ใช้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ และการขับด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive) เพียงอย่างเดียว ระบบเบรกไฟฟ้า Electric Servo Braking System ยังช่วยเปลี่ยนพลังงานจลน์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าในขณะที่รถเบรก ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น โดยระบบนี้ เป็นระบบที่ทำการควบคุมอัตราเซอร์โวที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นระบบแรกของโลก ช่วยให้การเบรกเป็นไปอย่างมั่นคงและเป็นเส้นตรงมากที่สุด
● ภายนอกของ ฮอนด้า ฟิต ไฮบริด ออกแบบภายใต้แนวคิด “Crossfade Monoform” ที่สะท้อนถึงความปราดเปรียว ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย และล้ำสมัยด้วยระบบควบคุมต่างๆ ที่คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก เช่น ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ที่สามารถปรับหมุนได้ เพื่อช่วยให้การเข้าออกรถเป็นไปอย่างง่ายดาย พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัยอย่างครบครัน เช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย (G-CON) ระบบควมคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) เป็นต้น
● อีกรุ่นที่ได้ทดลองขับ คือ ฮอนด้า โอดิสซีย์ ไฮบริด เริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เป็นมินิแวนระดับพรีเมียมรุ่นแรกของฮอนด้า ที่มาพร้อมพัฒนาการอันล้ำหน้าด้วยระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) และให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันสูงถึง 26.0 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน JC08 Mode ของญี่ปุ่น โดยฮอนด้าได้พัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าให้มีขนาดเล็กลง 23 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักเบากว่ามอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นเดิม ทั้งยังให้แรงบิดและมีกำลังสูง นอกจากนี้การติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน (lithium-ion battery) ไว้ใต้พื้นที่นั่งแถวแรก จึงให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมการขับที่ทรงพลัง ในขณะที่ยังคงคุณสมบัติอันโดดเด่นของรถยนต์รุ่นโอดิสซีย์ไว้อย่างครบถ้วน เช่น ห้องผู้โดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย ●
R E L A T E D L I N K S :
• ตอนที่ 1 : ทดลองขับรถฮอนด้าหลากรุ่นที่สนาม Twin Ring Motegi.
• ตอนที่ 2 : กลับไปเยือน Honda Collection Hall กันอีกครั้ง.
• ตอนที่ 3 : เข้าชมงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ บูธฮอนด้า.
• ตอนที่ 4 : ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารฮอนด้าถึงแนวทางในอนาคต ณ สำนักงานใหญ่ ตึกอาโอยามะ.
Honda@2017 Tokyo Motor Show : Part 1