2020 Polestar 1 โฉมแรกของรถคูเป้พลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด สมรรถนะสูงจากแบรนด์ Polestar
เรื่อง : AREA 54
● หลังประกาศแยกส่วนจากวอลโว่ไปเมื่อปลายเดือนกันยายน โพลสตาร์ใช้เวลาไม่ถึงเดือนในการเผยโฉมรถคลาสแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นแรก Polestar 1 พร้อมพ่วงตำแหน่งเป็นรถ Halo (รถที่ใช้เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของแบรนด์) เข้าไปด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งการจัดแสดงเป็นทางการมีขึ้นที่อีเวนท์เฉพาะกิจในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา
● Thomas Ingenlath CEO ของโพลสตาร์กล่าวว่า “Polestar 1 คือรถยนต์รุ่นแรกที่ประทับตราสัญลักษณ์แบรนด์โพลสตาร์เอาไว้บนฝากระโปรง มันเป็นรถ GT สุดสวยที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันน่าทึ่ง นับเป็นจุดเริ่มต้นยอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับเราในฐานะแบรนด์ใหม่อย่างโพลสตาร์ ในอนาคตรถทั้งหมดภายใต้แบรนด์โพลสตาร์จะเป็นรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการแยกตัวออกมาเพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง”
● Polestar 1 ปรากฏโฉมออกมาด้วยภาพลักษณ์ที่สะอาดตาและงดงามอย่างถึงที่สุด ตัวรถอยู่ในกลุ่มสปอร์ตคาร์ (S-segment) ตัวถังแบบคูเป้ 2 ประตูเพียวๆ ไม่มีคำว่า “coupe-like” ที่แถมประตูคู่หลังมาให้เป็นส่วนเกิน ห้องโดยสารเซ็ทอัพแบบ 2 + 2 ที่นั่ง… ทว่าเครดิตของงานออกแบบนี้ เห็นทีจะต้องยกไปให้กับทีมออกแบบของวอลโว่เต็มๆ เพียงสถานเดียว เนื่องจากเราได้เห็นรถคันนี้กันมาแล้วตั้งปี 2013 ในงาน Frankfurt Motor Show ผ่านรถต้นแบบ Volvo Coupe Concept ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ Polestar 1 ราวกับเป็นรถคันเดียวกัน
● แต่จะว่ากันจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร เพราะ Ingenlath เองนั้นก็คืออดีตรองประธานด้านการออกแบบของวอลโว่ และ Volvo Coupe Concept ก็เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบของเขาและทีมออกแบบในปี 2013 ครับ
2013 Volvo Coupe Concept
● การพัฒนามีขึ้นบนแพลทฟอร์มรุ่นล่าสุด SPA : Scalable Product Architecture Platform ของวอลโว่ ซึ่งโดยธรรมชาติ แพลทฟฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งระบบขับเคลื่อนยุคใหม่โดยเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด หรือปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทว่าโพลสตาร์ให้ข้อมูลว่า แพลทฟอร์มของ Polestar 1 นั้นมีการปรับปรุงและออกแบบเพิ่มเติมโดยวิศวกรของโพลสตาร์ประมาณ 50% และมีการปรับปรุงอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า:หลังเป็น 48:52
● การปรับปรุงโครงสร้างนี้รวมถึงการผลิตบอดี้ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ล้วนๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดน้ำหนักไปในตัวแล้ว ยังเพิ่มความทนทานต่อแรงบิดของตัวถังขึ้นอีก 45% เมื่อเทียบกับบอดี้อลูมิเนียม ด้านการปรับปรุงช่วงล่างนั้น โพลสตาร์ได้ติดตั้งชุดระบบช่วงล่าง CESi หรือ Continuously Controlled Electronic Suspension ของแบรนด์ Öhlins ซึ่งเป็นชุดระบบกันสะเทือนแบบแปรผันต่อเนื่องรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมหยุดรถด้วยชุดเบรคของ Akebono ดิสค์เส้นผ่านศูนย์กลาง 400 มม. คาลิเปอร์ 6 ลูกสูบ
● ด้านชุดระบบขับเคลื่อน โพลสตาร์ใช้ชื่อว่า “Electric Performance Hybrid” ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ตระกูล Drive-E ของวอลโว่ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่หมุนล้อคู่หน้า ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยหมุนล้อคู่หลัง พร้อมๆ กับการทำหน้าที่เป็นระบบ torque vectoring เพื่อกระจายแรงบิดให้สมดุลย์ในระหว่างเข้าโค้ง… เฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลังนี้ ผลิตกำลังได้เทียบเท่า 218 แรงม้า (HP) กำลังรวมทั้งระบบ 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุดดุเดือดถึง 101.9 กก.-ม.
● นอกจากนี้ ประโยชน์ของการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับล้อคู่หลังก็คือ มันสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ด้วยนั่นเอง โดย Polestar 1 สามารถวิ่งทำระยะทางได้ถึง 150 กม. (ตามข้อมูลของโพลสตาร์) หากข้อมูลดังกล่าวไม่ผิดไปจากนี้ (เรายังไม่มีข้อมูลความจุของชุดแบตเตอรี่แพค) Polestar 1 จะเป็นรถไฮบริดที่มีระยะทางวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนสูงที่สุดในตลาดรถไฮบริดขณะนี้ครับ
● ด้านการจำหน่าย โพลสตาร์จะทำการจำหน่าย Polestar 1 แบบไม่มีหน้าร้าน ทุกสิ่งทุกอย่างจะกระทำผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบนเดสค์ท๊อปหรือ app บนสมาร์ทโฟน ไล่ไปตั้งแต่การเลือกรถ สั่งติดตั้งแพคเกจตกแต่ง เลือกแพคเกจประกันภัย สั่งซื้อ ไปจนถึงการทำธุรกรรมทั้งมวลกระทั่งจบกระบวนการการส่งมอบรถ รวมทั้งกำหนดการเข้ารับบริการหลังการขายด้วย
● ในตลาดโลก ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจอง Polestar 1 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การผลิตจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2019 ฐานการผลิตอยู่ที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน ซึ่งโพลสตาร์ระบุว่า โรงงานผลิตแห่งนี้จะเป็นโรงงานในระดับ state-of-the-art หรือทันสมัยที่สุดในด้านเทคโนโลยีการผลิต ณ วันปัจจุบัน… อย่างไรก็ตาม โรงงานแห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2018
● สำหรับแผนงานในอนาคต โพลสตาร์ประกาศว่า “Polstar 2” ซึ่งจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่รุ่นแรกของแบรนด์ (และของวอลโว่ กรุ๊ป) จะเริ่มผลิตจริงได้ภายในปี 2019 โดยมันจะทำหน้าที่ลงแข่งขันกับ Tesla Model 3 โดยตรง หลังจากนั้นจะเป็นคิวของ “Polstar 3” ซึ่งเป็นรถ SUV ขนาดกลางพลังงานไฟฟ้า… ผู้แปลต้องบอกว่า ตลาดของรถยนต์กลุ่มนี้จะเป็นตลาดแห่งอนาคตอย่างแท้จริง และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดที่สุดครับ ●