November 20, 2017
Motortrivia Team (10191 articles)

Mercedes-AMG เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ GT R และ GT C ในประเทศไทย


ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่

 

●   แบรนด์สปอร์ตพันธุ๋ดุที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตมาสู่ท้องถนน Mercedes-AMG ในนาม บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถสปอร์ตสมรรถนะสูง 2 รุ่นใหม่ส่งท้ายปี 2560 ประกอบด้วย Mercedes-AMG GT R ที่มาพร้อมกับรุ่นตัวถังโรดสเตอร์ Mercedes-AMG GT C ยังผลให้ในปัจจุบัน บ้านเรามีตัวเลือกของรถสปอร์ตภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ถึง 12 รุ่น

●   มร. ไมเคิล เกรเว่ (Michael Grewe) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2560 นี้ เป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG ซึ่งถือเป็นแบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ที่ยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ผ่านการส่งมอบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความเร้าอารมณ์ให้กับทุกการขับ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอเอ็มจีได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการที่แบรนด์ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รถยนต์สปอร์ตตระกูล AMT GT ยังช่วยให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าในการพัฒนารถยนต์ของแบรนด์ พร้อมทั้งช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอีกด้วย”


มร. ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด


●   “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจากทิศทางการดำเนินงานของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่ยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักอย่างแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว เรายังมุ่งเน้นมาที่แบรนด์รถยนต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น Niche Market มากขึ้น โดยเปิดตัว Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C เพื่อเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการไปอีกขั้นของรถยนต์ในตระกูลนี้ที่มีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน”

●   “ปัจจุบัน เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคในไทย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งรุ่นประกอบในประเทศ (Local Production) และรุ่นนำเข้า (CBU) แบรนด์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี Mercedes-Maybach และแบรนด์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม Mercedes-AMG รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยีอย่าง EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการมอบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้า ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า”


จากซ้าย มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาดฯ และนายอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด


●   มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ (Frank Steinacher) รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “วันนี้ถือเป็นการเปิดตัวแบรนด์ Mercedes-AMG ผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตที่เร็วที่สุดของโลกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยเราได้ถือโอกาสนี้แนะนำสมาชิกใหม่ 2 รุ่น”

●   “แบรนด์เอเอ็มจีมีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนา และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Mercedes-AMG มีรุ่นรถให้เลือกสรรมากมาย ครอบคลุมรถยนต์ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รถคอมแพคท์ รถสปอร์ต รถซาลูน รถเอสเตท รถ SUV รถคูเป้ รถคาบริโอเลต์ และรถโรดสเตอร์ สำหรับในประเทศไทย เราได้นำเสนอรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ทั้งหมด 12 รุ่น ได้แก่:

–   Mercedes-AMG A 45 4MATIC
–   Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC
–   Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC
–   Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé
–   Mercedes-AMG C 63 S Coupé
–   Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC
–   Mercedes-AMG SLC 43
–   Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé
–   Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé
–   Mercedes-AMG GT S

รวมถึง 2 รุ่นล่าสุด Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C ที่มาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ในกลุ่มสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยให้ครบครันมากยิ่งขึ้น”

●   “สำหรับงานเปิดตัวในครั้งนี้ เราเลือกจัดงานที่เดอะลิงค์ อโศก-มักกะสัน ซึ่งถือเป็นสถานที่แห่งใหม่ที่แตกต่างจากที่เคย เพื่อมอบประสบการณ์ความแปลกใหม่ และเพิ่มโอกาสให้ทั้งแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และลูกค้าคนสำคัญ สามารถเข้ามาสัมผัสกับรถรุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากสุดยอดนักแข่งรถสปอร์ตระดับโลกจากประเทศออสเตรเลียอย่าง มร. ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท (Peter Hackett) และ มร. ดอมินิค สตอรีย์ (Dominic Storey) ผู้ชนะการแข่งขัน Australian GT Hampton Downs 500 ในปีนี้ ที่มาเผยประสบการณ์และความประทับใจเกี่ยวกับรถยนต์ตระกูล Mercedes-AMG GT อีกด้วย”


ที่ 2 จากซ้าย มร. ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท และ มร. ดอมินิค สตอรีย์ นักแข่งรถจากประเทศออสเตรเลีย


Mercedes-AMG GT R

●   Mercedes-AMG GT R นับเป็นรุ่นย่อยใหม่ในตระกูล AMG GT และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่นำเทคโนโลยีของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตกลุ่ม GT 3 เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถในกลุ่ม AMG GT ตัวรถออกแบบภายใต้แนวคิด Sensual Purity ส่วนหน้าลาดต่ำ กระจังหน้าแบบ AMG Panamericana ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลาม วัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่ง Mercedes-AMG GT 3 ล้ออัลลอย AMG Performance หลังคาคาร์บอน ระบบเบรค AMG high-performance composite brake สีเหลืองพิเศษเฉพาะรุ่น

●   ห้องโดยสารปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้ต่ำลงสไตล์รถแข่ง ตัวเบาะเป็นแบบ AMG Sports Bucket หุ้มหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre และยังสามารถเลือกติดตั้งเบาะ AMG Performance หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง ชุดแผงมาตรวัดสีเหลือง หรือชุดแต่งห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer เพิ่มเติมได้

●   ทั้งนี้ชุดแต่ง AMG Interior Night จะถูกติดตั้งมาเป็นชุดแต่งมาตรฐาน โดยพวงมาลัยและเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด ซึ่งแผงหน้าปัดที่กว้างนี้สื่อถึงเอกลักษณ์ของงานออกแบบในลักษณะอากาศยาน แผงควบคุมตรงกลางมีลักษณะคล้ายกับท่อรับอากาศแบบนาคา (NACA air intake) ที่นิยมใช้กับเครื่องบิน และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลท์

●   GT R มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น ทำงานร่วมกับระบบ AMG Ride Control ใช้โครงสร้างปีกนก 2 ชั้นรักษาสมดุลของล้อ ติดตั้งสปริงเอาไว้ด้านบน โครงสร้าง AMG Lightweight Performance ใช้วัสดุน้ำหนักเบาพิเศษในการผลิต ทว่าแข็งแกร่งและสามารถกระจายแรงได้ดี ชุดระบบควบคุมการยึดเกาะ AMG แบบ 9 ระดับ หรือ AMG Traction Control สามารถจำลองค่าแรงเสียดทานภายในเสี้ยววินาที เพื่อเตรียมชุดระบบต่างๆ ของรถให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนน โดยมี LSD แบบกลไกเป็นตัวช่วย

●   นอกจากนี้ยังมีเสาค้ำยึดล้อคู่หน้าสำหรับลดแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุ ยางรองแท่นเครื่องและยางรองแท่นเกียร์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความสบายและคล่องตัวขณะขับ สามารถปรับแต่งความยืดหยุ่นได้อย่างเป็นอิสระจากกัน ช่วยกระจายแรงกระทำด้านข้างได้ดี ปิดท้ายด้วยชุดท่อไอเสีย AMG Performance ทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ใช้ท่อเก็บเสียงที่ผลิตจากไทเทเนี่ยมและเหล็กกล้าไร้สนิม ให้เสียงคล้ายกับเสียงรถแข่ง

Mercedes-AMG GT C

●   GT C นับเป็นรถโรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในสายการผลิตของ Mercedes-AMG จุดเด่นคือการผสานนวัตกรรมของรุ่น GT R เข้ากับช่วงล่าง AMG Ride Control Sports Suspension ตัวรถเพิ่มสปอยเลอร์หลังให้ใหญ่ขึ้น ล้อหลังใหญ่ขึ้น ด้านหน้ามีช่องรับอากาศกว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่เทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น โดยช่องรับอากาศนี้สามารถเปิด-ปิดโดยอัตโนมัติตามความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับสามารถกำหนดเองได้ หลังคาผ้าใบ 3 ชั้นบนโครงสร้างน้ำหนักเบา ผลิตจากโลหะผสมแมกนีเซียม/อลูมิเนียม เปิด-ปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที ในขณะที่ใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.

●   ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC หรือ Sheet Moulding Compound พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงาน Mercedes-Benz TEC และผู้เชี่ยวชาญของเอเอ็มจี  เบา แต่ทนทานและแข็งแรง ช่วงล่างของล้อทั้ง 4 มีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และโครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

●   ห้องโดยสารมากับเบาะหนัง Nappa พวงมาลัย AMG Performance หุ้มหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre และยังสามารถเพิ่มออปชั่นติดตั้งชุดเบาะ AMG Performance ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับและผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้น พนักพิงหลังโค้ง เสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะมาตรฐาน มีระบบให้ความอบอุ่นบริเวณช่วงคอ (AIRSCARF) และระบบทำความเย็นให้กับเบาะสำหรับการขับเปิดประทุนทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว ผู้โดยสารสามารถปรับเลือกอุณหภูมิของระบบทำความร้อนและความเย็นได้ 3 ระดับ

●   ทั้ง GT R และ GT C มากับระบบ AMG Dynamic Select เลือกโหมดหลักได้ 3 แบบ คือ C (Comfort), S (Sport), S+ (Sport Plus) และ I (Individual) ช่วยจดจำรูปแบบการขับ เสริมด้วยโหมด RACE เพิ่มความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์แบบรถแข่ง พร้อมด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันขึ้น ซึ่งผู้ขับยังสามารถกำหนดค่าทั้งหมดในแต่ละโหมดได้ผ่านปุ่ม M (Manual) ตรงกลางแผงควบคุม

●   เพลาหลังแบบแอคทีฟ (active rear axle steering) ช่วยหมุนเพลาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเพลาล้อคู่หน้าเมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ช่วยให้เข้าโค้งได้คล่องตัว ประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย แต่หากความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ล้อคู่หน้า-หลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ช่วยให้ท้ายไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว

●   ทั้ง 2 รุ่นใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ จ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรค อินเจคชั่น ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด โดยรุ่น GT R กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. เริ่มที่ช่วง 1,900 ถึง 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที ท๊อปสปีด 318 กม./ชม. ส่วนรุ่น GT C กำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 69.2 กก.-ม. ที่รอบเครื่องยนต์เท่ากัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที ท๊อปสปีด 316 กม./ชม.

–   Mercedes-AMG GT R ราคาเริ่มต้น 17,400,000 ล้านบาท
–   Mercedes-AMG GT C ราคาเริ่มต้น 16,800,000 ล้านบาท

●  สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือแฟนเพจ facebook.com/MercedesBenzThailand   ●


2017 Mercedes-AMG GT R and GT C