January 31, 2018
Motortrivia Team (10191 articles)

Porsche จัดทดลองขับ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo


เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

 

● ปอร์เช่ เพิ่มทางเลือกให้รถในกลุ่มสปอร์ต ซาลูน ตระกูลพานาเมร่า ด้วยรถรุ่นใหม่ พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ ช่วงต้นปีที่แล้ว มาพร้อมกับ 4 ทางเลือก ประกอบด้วย พานาเมร่า 4, พานาเมร่า 4เอส, พานาเมร่า 4เอส ดีเซล, พานาเมร่า เทอร์โบ และ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ซึ่งเป็นรุ่นที่ปอร์เช่ ไทยแลนด์ ได้ชวนสื่อมวลชนไปทดลองขับที่ปทุมธานี สปีดเวย์

● สำหรับรุ่น ทัวริสโม่ จะเพิ่มความเอนกประสงค์ด้วยประตูด้านท้ายบานที่ 5 ซึ่งออกแบบได้กลมกลืน ไม่กระทบกับความสปอร์ตของตัวรถ และคงเอกลักษณ์ความเป็นปอร์เช่ไว้ได้ดี พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 425 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,295 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังที่สามารถแยกพับด้วยระบบไฟฟ้าได้แบบ 40:20:40

● ภายนอกแตกต่างจากรุ่นซาลูนตั้งแต่เสากลางหรือ B-pillars ออกแบบตัวถังด้านท้ายให้ดูกลมกลืนด้วยแนวโป่งซุ้มล้อที่ต่อเนื่อง จรดกับเส้นขอบประตูที่เล่นระดับรับกับแนวหลังคาที่ลาดต่ำสไตล์รถท้ายตัด ทำให้รูปลักษณ์โดยรวมดูโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว มิติตัวรถมีความยาว 5,049 มิลลิเมตร กว้าง 1,973 มิลลิเมตร สูง 1,428 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,671/1,651 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 2,190 กิโลกรัม

● ภายในผสานเอกลักษณ์ของปอร์เช่ เข้ากับความล้ำสมัย มาตรวัดแบบทรงกลม 5 ชุด วางตำแหน่งวัดรอบไว้ตรงกลางและยังคงเป็นแบบเข็มจริง ส่วนมาตรวัดทั้ง 2 ข้างเป็นจอดิจิตอล จึงสามารถแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ ควบคุมด้วยสวิตช์บนพวงมาลัย คอนโซลกลางติดตั้งจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ควบคุมและแสดงการทำงานของตัวรถ ภาพกราฟิค 3 มิติคมชัด คอนโซลเกียร์ที่เคยมีสวิตช์ล้อมรอบก็ถูกแทนที่ด้วยการสั่งงานโดยระบบสัมผัสเช่นเดียวกัน มาพร้อมลูกเล่นมากมาย เช่น การปรับช่องแอร์ที่คอนโซลกลางด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ ระบบปรับอากาศสามารถเลือกได้ว่าให้ช่องแอร์ที่เป่าตัวเป็นลมเย็น แล้วให้แอร์ที่เป่าเท้าเป็นลมร้อนก็ได้

● พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ทวินเทอร์โบ 2,894 ซีซี 330 แรงม้า ที่ 1,750-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 45.85 กก.-ม. ที่ 5,250-6,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์ หรือ 136 แรงม้า แรงบิด 40.76 กก.-ม. ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 462 แรงม้า แรงบิด 71.33 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถังน้ำมันจุ 80 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ็อคไซด์ในไอเสีย 56 กรัมต่อกิโลเมตร ตามสเปคระบุ 0-100 และ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.6 และ 10.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

● ระบบไฮบริดมีทั้งโหมดอัตโนมัติ Hybrid Auto ระบบจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมขณะขับ, E-Hold เก็บกระแสไฟฟ้าไว้ใช้ และ E-Charge สำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ส่วนโหมดการขับประกอบด้วย E-Power, Sport และ Sport Plus ซึ่งจะควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง พวงมาลัย และระบบกันสะเทือนหน้าปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังมัลติลิงก์ ชิ้นส่วนผลิตจากอะลูมิเนียม พร้อมระบบรองรับแบบถุงลมขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิม ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ จานเบรกหน้า 390 มิลลิเมตร คาลิเปอร์อะลูมิเนียม 6 พอต จานเบรกหลัง 365 มิลลิเมตร คาลิเปอร์ 4 พอต

● การทดลองขับแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ อัตราเร่ง, การทรงตัว และระบบเบรก รอบแรกนั่งให้อินสตรักเตอร์ขับพาชมสนาม แค่เริ่มออกตัวก็สนุกแล้ว เพราะทันทีที่กดคันเร่งลงไปสุด ตัวรถกระชากออกไปแบบไม่ฟรีทิ้งด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สร้างแรงดึงจนรู้สึกว่าตัวจมลงไปกับเบาะ ก่อนถึงโค้งขวาแรกมีเหวอนิดๆ เพราะคิดว่าน่าจะเบรกได้แล้ว แต่ผู้ขับก็ยังคงกดคันเร่งต่อเนื่อง เหลือบมองด้วยหางตาเห็นว่าเลยจุดเบรกที่ตั้งไพลอนเป็นสัญลักษณ์ไว้ อีกเสี้ยววินาทีผู้ขับจึงกดเบรกที่สร้างแรงดึงได้อย่างมหาศาล ความเร็วยังคงสูงอยู่ แต่ก็เลี้ยวไปตามจุด Apex ได้อย่างเฉียบคมและนิ่งมั่นคง

● ยังไม่ถึงปลายโค้งดีผู้ขับก็เติมคันเร่ง พุ่งเข้าหาสถานีต่อไปคือ การเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน ตัวรถที่ยาวเกิน 5 เมตร พริ้วผ่านช่องไพลอนที่วางไว้แบบพอดีคันได้โดยไม่สะกิดทั้งที่ขับค่อนข้างเร็ว แอบมองกระจกมองข้างเหมือนกันว่ามีไพลอนกลิ้งไปบ้างหรือไม่ ต่อเนื่องด้วยโค้งขวาอีกครั้ง เข้าตามไลน์ที่วางไว้ได้อย่างนิ่งๆ รู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยง แต่ตัวรถไม่มีอาการโคลง ลองเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ต รู้สึกแตกต่างทันที ช่วงล่างแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงสลาลมไป-กลับ ลองสลับกลับไปเป็นโหมดคอมฟอร์ท รถก็ไม่ได้มีอาการว่าจะเสียการทรงตัว กลับรู้สึกว่าเหมาะกับผิวถนนที่ไม่ค่อยเรียบกว่าโหมดสปอร์ตด้วย

● ปิดท้ายด้วยความหวาดเสียวกับสถานีเบรกและหักหลบฉุกเฉิน ผู้ขับกดคันเร่งเต็มเท้าออกจากทางตรง เมื่อถึงจุดก็กระทืบเบรกแล้วหักหลบไพลอนผ่านช่องแคบๆ ตัวรถเหมือนถูกกดให้แนบกับถนน ดูภายนอกว่าทั้งกว้างและยาว กลับมีความคล่องแคล่วหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้แม้ความเร็วสูง ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งให้ผู้ขับด้วย

● ถึงรอบที่สลับมาเป็นผู้ขับ ไม่ได้ขับดุดันแบบรอบแรก เน้นซึมซับความรู้สึกในการขับมากกว่า ไม่ต้องรีบร้อนขับเพราะช่วงเช้าคิวยังไม่ยาว ลองสลับทั้งโหมดของระบบไฟฟ้าและโหมดขับเคลื่อน พอจะสรุปได้ว่าในโหมดคอมฟอร์ท ถ้าเล่นกันแรงๆ หน่อยก็ยังเอาอยู่ เพราะพื้นฐานรถดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเพิ่มความมั่นใจก็ปรับเป็นโหมดสปอร์ต ซึ่งก็แข็งขึ้นแบบมีความหนึบ ไม่ได้แข็งกระด้าง คนชอบขับรถแนวสปอร์คตคงไม่บ่น สำหรับโหมดไฟฟ้าก็เร่งได้ทันใจตามสไตล์มอเตอร์ที่แรงแบบไม่ต้องมีรอบ แตะเมื่อไรพุ่งทันที นักขับมือทั่วไปอย่างผมยังกล้าเล่นเพราะอยู่ในสนามปิด และตัวรถมีระบบช่วยเหลืออย่าง Porsche Stability Management (PSM) ทำให้การควบคุมแรงม้าแรงบิดทำได้ง่าย ไม่ต้องขับรถเก่งมากก็สนุกกับรถรุ่นนี้ได้อย่างปลอดภัย

ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ รถสปอร์ตพลังไฮบริดที่สามารถใช้เป็นรถครอบครัวได้ ขับสนุก ควบคุมง่าย ประหยัด และมลพิษต่ำ ห้องโดยสารสปอร์ตล้ำสมัย นั่งได้ 4-5 คน (ขึ้นอยู่กับแพกเกจเบาะหลัง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง เปิดราคาน่าสนใจ 9.5 ล้านบาท


2018 Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo