February 7, 2018
Motortrivia Team (10162 articles)

2019 Ford Ranger Raptor ราชันย์แห่งทางฝุ่น เปิดตัวในประเทศไทย

ภาพ : motortrivia team

 

●   ฟอร์ด มอเตอร์ คอมพานี เปิดตัวรถออฟ-โรดฮาร์ดคอร์ Ford Ranger Raptor แบบเวิลด์พรีเมียร์ ในฐานะรถปิคอัพสมรรถนะสูงที่เหนือชั้นกว่าปิคอัพคลาสเดียวกัน ณ วันปัจจุบัน การผลิตจะมีขึ้นที่โรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) จังหวัดระยอง พร้อมจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

●   มร. จามัล ฮามีดิ (Jamal Hameedi) หัวหน้าทีมวิศวกร Ford Performance กล่าวว่า “เราตื่นเต้นและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เผยโฉมรถรุ่นนี้สู่สาธารณชน เมื่อขับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คุณจะรู้สึกเสมือนเป็นฮีโร่ ทีม ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พัฒนาต่อยอดรถรุ่นแร็พเตอร์จาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ รุ่นต้นแบบ ซึ่งเป็นแก่นสำคัญของรถยนต์ในตำนาน พร้อมผสมผสานดีเอ็นเอตามแบบฉบับของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์”

●   มร. ดาเมียน รอส (Damien Ross) หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และวิศวกรรมยานยนต์พิเศษ ของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวเสริมว่า “ประสบการณ์การขับออฟ-โรดของเรนเจอร์ แร็พเตอร์นั้น โดดเด่นเหนือกว่ารถทั่วไปในท้องตลาด และยังให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเมื่อขับขี่บนทางเรียบ ทุกอย่างของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากฟอร์ด เรนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะอันเหนือชั้นและความรู้สึกที่โดดเด่นเมื่อยามขับขี่ จากจุดเริ่มต้นที่เน้นการขับที่เร้าใจ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จึงเป็นรถที่มีความพิเศษและเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง”


จากซ้าย : นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด เอเซีย แปซิฟิก, มร. ปีเตอร์ ฟลีท (Peter Fleet) ประธาน ฟอร์ด อาเซียน, มร. จามัล ฮามีดิ หัวหน้าทีมวิศวกร Ford Performance และ มร. ดาเมียน รอส หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และวิศวกรรมยานยนต์พิเศษ ของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี


●   Ranger Raptor ออกแบบ ผลิต และทดสอบโดยแผนก Ford Performance ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลการพัฒนารถสมรรถนะสูงในเครือฟอร์ด ตัวรถพัฒนาต่อยอดมาจากออฟ-โรดรุ่นใหญ่ฟูลไซส์อย่าง Ford F-150 Raptor โดยใช้พื้นฐานของปิคอัพรุ่นยอดนิยม Ford Ranger รุ่นปัจจุบัน กระจังหน้าใหม่คลี่คลายรูปแบบมาจาก F-150 Raptor กันชนด้านหน้าทรงแนบเฟรม แผงกันชนติดตั้งไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ แก้มข้างด้านหน้าใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ทนต่อการบุบและรอยขีดข่วน พร้อมขยายขนาดเพื่อรองรับระยะยุบตัวของช๊อคฯ ที่เพิ่มมากขึ้น

●   โดยรวมแล้ว เมื่อเทียบกับ Ford Ranger รุ่นพื้นฐาน ตัวรถจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ความยาวรวม 5,398 มม. กว้าง 2,180 มม. สูง 1,873 มม. ระยะแทร็คหน้า-หลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มม. ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มม. พร้อมใช้งานแบบออฟ-โรดด้วยมุมไต่ 32.5 องศา มุมคร่อม 24 องศา และมุมจาก 24 องศา ดีที่สุดในรถปิคอัพ (จากโรงงาน) คลาสเดียวกันทุกรุ่น ขณะที่ระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเลคทรอนิกส์ (Electronic Steering Program) ถูกเซ็ทอัพมาเฉพาะสำหรับการขับแบบออฟ-โรด

พร้อมลุยแบบออฟ-โรด

●   ในการใช้งานแบบออฟ-โรดนั้น บันไดข้างอลูมิเนียมอัลลอยของ Ranger Raptor ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และยังมีการเจาะรูเพื่อระบายทราย โคลน และหิมะ ผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กก. 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี พร้อมเคลือบ 2 ชั้นด้วยการพ่นสี powder-coated ก่อนพ่น grit-paint ทับ ทนทานต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนที่เกิดจากอากาศและสภาพแวดล้อม กันชนท้ายเพิ่มชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุด รองรับน้ำหนักลากจูง 3.8 ตัน พื้นที่กระบะท้ายขนาด 1,560 x 1,743 มม. รองรับการบรรทุกสัมภาระสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งได้ครบถ้วน แท่นยึดยางอะไหล่เสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาด 17 นิ้ว สะดวกระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย EZ Lift Tailgate ด้วยกลไกผ่อนแรง

●   ด้านล่างมีแผงกันกระแทกที่ช่วยปกป้องห้องเครื่อง ผลิตจากเหล็กกล้า High-strength steel ความหนา 2.3 มม. เสริมด้วยชุดกันกระแทกด้านล่างสำหรับป้องกันเครื่องและระบบส่งกำลัง (transfer case) ทั้ง 3 ส่วนนี้จะช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ รวมทั้งหม้อน้ำ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า, ชุดสายพานหน้าเครื่อง (Front End Accessory Drive – FEAD), คานล่างด้านหน้า (Front cross-member), อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองขับส่วนหน้า

●   ห้องโดยสารปรับปรุงการจัดวางเล็กน้อยให้เหมาะสมกับการขับแบบออฟ-โรด ทว่ายังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี เบาะทรงบัคเก็ทออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานแบบออฟ-โรดที่ใช้ความเร็วสูง วัสดุหุ้มเบาะเป็นแบบหนังกลับ ช่วยให้ร่างกายผู้ขับและผู้โดยสารยึดกับที่นั่งได้ดียิ่งขึ้น พวงมาลัยมีแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย หรือ On-Centre Marker ช่วยให้ผู้ขับทราบตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับด้วยความเร็วสูง ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์อัพเกรดเป็น SYNC 3 ทำงานผ่านจอขนาด 8 นิ้ว พร้อมแสดงภาพกล้องหลังขณะถอย

●   กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับสามารถล็อค ปลดล็อค และสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ และยังสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการกดปุ่ม โดยในกรณีที่แบตเตอรี่อ่อน กุญแจที่เป็นกลไกก็ยังสามารถใช้งานทดแทนได้

เครื่องใหม่พร้อมเกียร์ 10 จังหวะ

●   Ranger Raptor ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคใหม่ EcoBlue แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วย Bi-Turbo ที่ผลิตจากอัลลอย ทนความร้อนจากไอเสียได้ถึง 860 องศาเซลเซียส ท่อร่วมไอดีออกแบบให้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้อนอากาศ ลูกสูบอลูมิเนียมมีการหล่อซ้ำที่ขอบแอ่งหัวลูกสูบ (Bowl Edge Re-Melt) เพิ่มความทนทานในการใช้งานในเครื่องยนต์กำลังสูง ฝาครอบคอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ ฝาครอบเครื่องยนต์ออกแบบเป็นพิเศษ เพิ่มโฟมสำหรับดูดซับเสียง ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH)

●   เทอร์โบชาร์จทั้ง 2 ลูกนี้ ผ่านการทดสอบ Thermo cycle ด้วยการทำให้เทอร์โบทั้ง 2 ลูกร้อนจัดจนกลายเป็นสีแดงนาน 200 ชั่วโมงติดต่อกัน ด้านการทำงานนั้น เทอร์โบแรงดันสูง (HP) จะเชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่มีขนาดใหญ่กว่า และถูกควบคุมด้วยวาล์วบายพาสที่ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้ง 2 ลูก เงื่อนไขในการทำงานขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำ เทอร์โบทั้ง 2 ตัวจะทำงานตามลำดับเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิด เมื่อช่วงรอบเครื่องยนต์สูง อากาศจะไม่ไหลผ่านเทอร์โบแรงดันสูง ทำให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่กว่าช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น

●   ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ 10 จังหวะ อัตราทดชิด พร้อม Paddle Shift คลัทช์แบบ OWC : Roll One-Way Clutch ปั๊มน้ำมันเกียร์เป็นแบบใบพัดแปรผันเยื้องศูนย์ (Off-Axis Variable Displacement Vane) ฟอร์ดระบุว่าเกียร์และคลัทช์ชุดนี้ออกแบบมาให้มีความนุมนวลในการเปลี่ยนเกียร์ และตอบสนองได้อย่างฉับไวในทุกระดับความเร็ว ในขณะที่ปั๊มน้ำมันเกียร์ช่วยลดการสูญเสียแรงบิด ลดค่า NVH รวมทั้งยังมีการลดการใช้เชื้อเพลิงด้วยการปรับการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมในขณะใช้ความเร็วสูง

●   นอกจากนี้ เกียร์อัตโนมัติลูกนี้ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษ ‘Live in Drive’ ผู้ขับสามารถใช้แป้น Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองได้แม้กระทั่งอยู่ในเกียร์ D

●   ด้านพละกำลัง เครื่องยนต์บล็อคนี้มีกำลังสูงสุดให้ใช้งาน 213 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุดที่น่าประทับใจถึง 50.95 กก.-ม. โหมดสำหรับการขับบนทางดำ เลือกได้ระหว่าง Normal หรือ Sport ส่วนโหมดในการขับแบบออฟ-โรด หรือที่ฟอร์ดเรียกว่าระบบ Terrain Management System (TMS) มาครบแบบ Raptor รุ่นใหญ่ Grass/Gravel/Snow หรือ Mud/Sand และ Rock สำหรับปีนไต่ ปิดท้ายด้วยโหมดฮาร์ดคอร์อย่าง Baja ซึ่งในโหมดบาฮานี้ ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับออฟ-โรดด้วยความเร็วสูงในลักษณะแรลลี่ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

แชสซีส์ ช่วงล่าง ใหม่ทั้งหมด

●   แชสซีส์ ชุดระบบกันสะเทือน และระบบเบรค ออกแบบใหม่ทั้งหมด… Ranger Raptor มีแชสซีส์กว้างขึ้น ผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) จุดยึดหูโช้คถูกขยายความสูงขึ้น ช่วงล่างใหญ่ขึ้น ปีกนกผลิตจากอะลูมิเนียม ด้านบนขึ้นรูปแบบฟอร์จ ส่วนปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ ชุดระบบกันสะเทือนหลังใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ที่ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระ และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อคฯ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ได้มั่นคง การทรงตัวและการควบคุมรถดีขึ้น ระยะการให้ตัวของล้อมากขึ้น

●   อีกหนึ่งจุดเด่นคือช๊อคฯ แบบ Position Sensitive Damping (PSD) เพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ และจะลดแรงต้านเมื่อขับบนทางเรียบ ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มม. ทั้งคู่หน้า-หลัง เมื่อรวมกับช่วงล่างที่ออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อเพิ่มขึ้น Ranger Raptor จึงมีการซับแรงกระแทกได้ดีเป็นพิเศษขณะขับแบบออฟ-โรด ในขณะที่ เทคโนโลยี Internal Bypass จะช่วยให้การขับบนทางเรียบมีความราบรื่นเช่นกัน

●   คาลิเปอร์เบรคคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็น 9.5 มม. จานเบรคคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 32 มม. ดิสค์เบรคหลังมาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder และจานเบรคแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มม. ทำงานคู่กับคาลิเปอร์ใหม่ขนาด 54 มม.

●   ยางติดรถไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน Ranger Raptor มากับยาง BFGoodrich ดอก All-terrain ขนาด 285/70 R17 เส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มม. กว้าง 285 มม. แก้มยางมีความแข็งแรงสูง ดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ ฟอร์ดระบุว่ามิชลินออกแบบยางรุ่นนี้เป็นพิเศษสำหรับ Ranger Raptor เฉพาะรุ่น

●   ชุดระบบความปลอดภัยประกอบด้วย ระบบ Electronic Stability Program ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบ Trailer Sway Control ควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง, ระบบ Hill Launch Assist ช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน  และระบบ Load Adaptive Control ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะบรรทุก

●   สีภายนอกประกอบด้วย สีฟ้า Lightning Blue, สีแดง Race Red, สีดำ Shadow Black, สีขาว Frozen White และสีพิเศษเฉพาะตัวสำหรับ Ranger Raptor สีเทา Conquer Grey ตัดด้วยสีเทา Dyno Grey ราคาจำหน่ายยังไม่ระบุครับ   ●


2019 Ford Ranger Raptor : Grand Opening


2019 Ford Ranger Raptor