Nissan เริ่มแผนงานเก็บข้อมูล Robo-Taxi ด้วย Nissan Leaf
Posted by : AREA 54
● ในยุโรป ยักษ์ใหญ่ในแวดวงซัพพลายเออร์อย่างคอนนิเนนทัล ได้เริ่มแผนงานทดลองวิ่ง Robo-Taxi ไปในช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา โดยเจ้า CUbE ซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะประเภท Robo-Taxi ของคอนติเนนทัลนั้น เป็นรถอัตโนมัติที่รองรับการใช้งานในเมืองทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน/ตีความป้ายสัญญาณจราจร การหยุดตามทางม้าลาย หรือการเลี้ยวโค้งแคบตามลักษณะสภาพถนนในเมืองใหญ่
● ทำไมธุรกิจยุคใหม่อย่าง Car-sharing (หรือ Carpool แบบเพื่อนบ้านนั่งติดรถกันไปในอดีตตั้งแต่ยุค 70s) จึงทวีความสำคัญขึ้นอย่างรวดเร็ว? องค์การสหประชาชาติให้ข้อมูลว่า จํานวนประชากรโลกที่จะย้ายเข้าไปอยู่ตามเมืองใหญ่ทั่วโลกจะทวีขึ้นอย่างมากในปี 2050 โดยคาดการณ์ว่า 2 ใน 3 จะยังคงขับรถยนต์ของตัวเอง หากไม่มีธุรกิจที่ส่งผลให้พฤติกรรมการเดินทางของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป เมื่อถึงจุดวิกฤตินั้นเราอาจจะต้องขับรถกันด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ไม่เกิน 10 กม./ชม. (ปี 2050 ผู้แปลจะมีอายุ 80 พอดี ใครยังมีแรงตามข่าวเรื่องรถถึงตอนนั้นฝากด้วยครับ)
● แม้ว่าบริษัทหัวก้าวหน้าอย่าง Uber และ Lyft จะสร้างเปลี่ยนแปลงได้ในส่วนหนึ่ง แต่ Car-sharing มีความจำเป็นจะต้องปรับตัวให้ผู้ใช้บริการในยุคอนาคต สะดวกสบาย และมีความ “ดึงดูดใจ” ในการใช้งานมากกว่านี้หลายเท่าตัว ซึ่งโปรโมชั่นต่างๆ จะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป แต่เป็นเทคโนโลยีที่ไฮเทคมากกว่านั้น เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในระดับ Level 5 ตามมาตรฐาน SAE และการถือกำเนิดของยุค Robo-Taxi แบบภาพยนตร์ไซ-ไฟ
● ฝั่งผู้ผลิตรถยนต์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ GM มีแผนงานในลักษณะนี้ผ่านการทดลองในยุคเริ่มต้นด้วย Maven Gig ในขณะที่ฟอร์ดมีแผนงานทดสอบระบบร่วมกับ Domino’s Pizza หรือแผนงานที่มีแนวคิดใกล้เคียงกับคอนติเนนทัลอย่าง Volkswagen Sedric ของโฟล์คฯ และ Aurora Innovation, Inc. เป็นต้น
● ล่าสุดเป็นคิวของผู้ผลิตจากญี่ปุ่นอย่างนิสสัน กับแผนงาน Robo-Taxi ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นขายดีอย่าง Nissan Leaf
● แผนงานนี้ใช้ชื่อว่า บริการ “Easy Ride” ผลงานร่วมกันระหว่าง Nissan Motor Co., Ltd. และ DeNA Co., Ltd. ยักษ์ใหญ่ธุรกิจออนไลน์ในกลุ่ม e-commerce ของญี่ปุ่น เบื้องต้นการเปิดทดลองให้บริการเพื่อเก็บข้อมูลจะเริ่มขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2018 ภายในย่านมินาโตะมิราอิ เมืองโยโกฮาม่า เส้นทางวิ่งเฉลี่ย 4.5 กม. จากสำนักงานใหญ่นิสสันไปยังแหล่งช๊อปปิ้งใหญ่อย่างห้างสรรพสินค้า World Porters ผู้สนใจใช้บริการสามารถเรียกใช้บริการผ่าน App บนสมาร์ทโฟนได้เช่นเดียวกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ เพียงแต่ Easy Ride จะไม่มีคนขับ และให้บริการในฐานะรถ Driverless Car เต็มระบบ
● ชุดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติใหม่ประกอบด้วย เลเซอร์ สแกนเนอร์ 6 จุด, เรดาห์ 1 จุด และกล้องรอบคันอีก 14 ตัว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง เพื่อตีความและตอบสนองกับสถานการณ์ต่างๆ รอบคันตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นคนเดินถนน, รถยนต์ด้วยกันเอง หรือลูกค้าที่ใช้บริการ นอกจากนี้ข้อมูลทั้งหมดจะมีการออนไลน์ไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลางตลอดเวลาด้วย
● เส้นทางในช่วงแรกอาจจะยังไม่มากนัก (ย้ำ 4.5 กม. เท่านั้น) เนื่องจาก Nissan/DeNA ยังต้องเก็บข้อมูลในเบื้องต้นเพื่อปรับปรุงความสมบูรณ์ก่อนการเปิดให้บริการจริงแบบเต็มระบบเสียก่อน หลักๆ จะมีการเก็บสถิติความถี่การเรียกใช้บริการ พฤติกรรมของผู้โดยสารขณะใช้บริการ ในขณะที่ DeNA ซึ่งเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ e-commerce จะประสานงานกับกลุ่มการค้าหรือร้านอาหารในการมอบสิทธิพิเศษผ่านแทบเล็ตที่ติดตั้งบนรถ และจะเก็บข้อมูลสถิติในส่วนของการเรียกใช้คูปองในส่วนนี้ต่างหากด้วย
● Easy Ride เป็นเพียงหนึ่งในหน่วยย่อยของแผนงาน Alliance 2022 ที่ Carlos Ghosn ประกาศเอาไว้ในช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมาภายใต้แนวคิด Nissan Intelligent Mobility ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด นิสสันต้องการให้แผนงานนี้สัมฤทธิ์ผลก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคในปี 2020
● ทั้งนี้ Nissan/DeNA คาดว่าจะเริ่มแผนงาน Easy Ride ในเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2020 ครับ… หากทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยดีเหมือนตัวอย่างวีดิโอโปรโมททางด้านล่าง (ในตัวอย่างเป็น Nissan e-NV200) เมืองใหญ่ในอนาคตที่ที่อยู่อาศัยแออัดยิ่งขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์เป็นของตัวเองอีกต่อไป ซึ่งก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ หรือภาพรวมของอนาคตที่ Bob Lutz เคยให้ความเห็นเอาไว้ในบทความเรื่อง Redesigning the Industry ●
Easy Ride by Nissan and DeNA