February 3, 2018
Motortrivia Team (10162 articles)

North American International Auto Show 2018 บอกอะไรเราบ้าง : ตอนที่ 1


Posted by : Man from the Past

 

●   มหกรรมงานแสดงรถยนต์ มีการจัดกันในเกือบทุกประเทศ แต่หนึ่งในงานที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ งานแสดงรถยนต์นานาชาติแห่งอเมริกาเหนือ : North American International Auto Show อักษรย่อ NAIAS หรือที่เราคุ้นกันในชื่อเดิม Detroit Auto Show : งานแสดงรถยนต์แห่งนครดีทรอยต์ ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเสียใหม่เพื่อให้รับกับการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐอเมริกา เนื่องจากทุกวันนี้ผู้ประกอบการไม่ได้มีเฉพาะบริษัทอเมริกันเท่านั้น แต่มีแทบจะทุกบริษัทในโลก โดยเฉพาะที่เป็นผู้ผลิตยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ

●   แม้ในปัจจุบันชื่องานจะสะท้อนความเป็นนานาชาติ แต่ก็ยังคงมีการเรียกชื่อเดิมกันบ้างตามความคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น Detroit Auto Show หรือ Detroit Show ตามชื่อนครดีทรอยต์ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงของอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันมาช้านาน

●   ความสำคัญประการแรกของงาน NAIAS คือการเป็นเวทีพบปะสังสรรค์ของบุคคลที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์จากทั่วโลก ไล่ไปตั้งแต่ระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง ช่วงเวลาของการจัดงานคือต้นปี โดยในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 28 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา… เมื่อตัวงานเริ่มต้นในช่วงปีใหม่ ผู้คนส่วนใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมจึงอยากรู้ว่าตลอดปีที่ผ่านมาสมาชิกในวงการอุตสหกรรมเดียวกันกำลังทำอะไร โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นแผนงานรับมือกับอนาคต

●   ในการจำหน่าย ตัวรถจะถูกปรับรุ่นปีไปตามไตรมาส เช่น หากเปิดตัวรถในปี 2018 ตัวรถใหม่ที่มีกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม หรืออีก 10 เดือนข้างหน้า จะถูกนับเป็นรถรุ่นปี 2019 เป็นต้น ซึ่งนอกจากจากจะรับรู้ความเคลื่อนไหวของคู่แข่งแล้ว ยังต้องมีการเตรียมระบายรถที่กำลังจำหน่ายให้เหลือในสต๊อคน้อยที่สุด เช่น รุ่นปรับปรุงเพิ่มออปชั่นต่างๆ นอกจากนี้เหล่ารถ concept หรือรถที่อยู่ในแนวคิดก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะบางคันจะเป็นรถที่เตรียมขึ้นสายการผลิตในปีต่อๆ ไป ความน่าสนใจอยู่ที่งานออกแบบที่แสดงให้เห็นแนวโน้มของรูปแบบรถยนต์ในอนาคต หรือในบางกรณีงานออกแบบรถอาจจะ “ไม่มีความสำคัญเลย” ก็ได้ แต่เป็นการแสดงแนวคิดชุดระบบขับเคลื่อนใหม่ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถต้นแบบ “คลาส” เหล่านั้น

●   ขณะเดียวความสำคัญรองลงมาก็คือ การเปิดให้คนใช้รถและคนที่คิดจะซื้อรถได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยในกลุ่มหลังนั้น ทั้งคนอเมริกันและคนตะวันตกชาติอื่น อุปนิสัยการซื้อรถไม่เหมือนไทยเราที่เวลาซื้อก็จะซื้อทันทีโดยไม่ค่อยมีการเตรียมตัวเท่าไหร่นัก ต่างจากคนอเมริกันและคนตะวันตกด้วยกันที่มักจะมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เนื่องจาก “รถยนต์” นั้นเป็นอะไรที่คุ้นชินมากกว่าคนในบ้านเราจากลักษณะการใช้งานพื้นๆ ตั้งแต่การเป็นพาหนะในโรงรถที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมสรรพกว่า… บางคนเตรียมตัวตั้งแต่เรียนมัธยม หลังจากสัมผัสรถเก่าของครอบครัวใน “การาจ” มาจนคุ้นเคย เมื่อเรียนจบและมีงานทำส่วนใหญ่มักวางแผนว่าจะซื้อรถคันแรกด้วยเงินของตัวเองในช่วงไหน และรถคันนั้นก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นรถใหม่เสมอไป

●   หลายคนอาจจะบอกว่า “ผม (ฉัน) ก็เป็นแบบนั้น” แต่ในบ้านเราจะมีสักกี่คนที่เกิดมาแล้วเห็นคุณพ่อใส่ถุงมือซ่อมแซมรถยนต์ของตัวเองในโรงรถวันหยุดที่มีเครื่องไม้เครื่องมือเบื้องต้นแบบพร้อมสรรพ?

●   ดังนั้นพอถึงงาน NAIAS ประจำปี คนกลุ่มนี้จึงจะจับตาดูรถใหม่ที่เตรียมลงโชว์รูม โดยดูว่าควรหรือไม่ควรซื้อ ถ้าควรก็จะเอาจริงในการเก็บเงิน ถ้าไม่ควรก็รอดูรถรุ่นปีต่อไป หรือไม่ก็ซื้อรถรุ่นปีก่อนๆ ที่เป็นรถใช้แล้ว เพราะในช่วงก่อนออกรถใหม่ ทั้งรถใหม่ที่จะค้างปีกับรถใช้แล้วจะมีการลดราคาและเพิ่มออปชั่น ดังนั้นหากรถที่จะออกใหม่ไม่ถูกใจ พวกเขาจะหันไปเลือกซื้อรถ 2 พวกดังกล่าวแทน (ยกตัวอย่าง แม้ Jeep จะเปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่ แต่ก็ยังมีการผลิตรุ่นก่อนหน้าไปอีกระยะหนึ่งจากความต้องการของตลาด)

●   ผมเขียนถึงวิธีซื้อรถของคนต่างประเทศ ก็เพื่อให้พวกเราคนไทยกันเองลองวิเคราะห์ดู การซื้อรถจะได้มีระบบ และรถที่ซื้อก็จะได้เหมาะสมกับฐานะและการใช้งาน ในช่วงชีวิตผมเองก็เห็นมาเยอะมากกับการซื้อรถเล็กเพื่อวิ่งระยะไกล และในทางตรงข้าม ถ้าจำเป็นจะต้องใช้รถใหญ่ และยังไม่มีเงิน ก็ควรจะเก็บเงินเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องซื้อรถเล็ก

กลเม็ดในการจำหน่าย

●   เกริ่นมาเสียยืดยาว เราลองมาดูรถรุ่นสำคัญๆ และทิศทางในการวางแผนงานการตลาดกันบ้าง เริ่มที่กลเม็ดเก่าๆ ซึ่งยังคงได้ผลดีเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การเปิดตัว “รถรุ่นพิเศษ” ซึ่งอันดับแรกคงหนีไม่พ้น 2019 Ford Mustang Bullitt เพราะแค่ชื่อก็สามารถเรียกแฟนรถให้ไปชมกันมากมาย โดยเฉพาะคนรักรถเข้าเส้นในอดีตที่กลายเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อในปัจจุบัน

●   Bullitt ซึ่งเป็นชื่อภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ในเรื่องนี้ Steve McQueen หนึ่งในนักแสดงภาพยนตร์ระดับตำนานได้ขับรถมัสแตงรุ่นปีดังกล่าวไปตามถนนในนครซานฟรานซิสโก โดยเป็นฉากขับรถไล่ล่าที่ยังคงความอมตะจนทุกวันนี้ นอกเหนือจากการเป็นต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์อีกหลายสิบเรื่องทั่วโลก ฟอร์ดนำคำว่า Bullitt มาใช้เป็นชื่อรถมัสแตงรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นเฉพาะปีนี้ด้วยจำนวนจำกัด

●   Bullitt ไม่ใช่รถเพื่อฉลองวาระ 50 ปีของการปรากฏตัวของรถในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเท่านั้น แต่เพื่อประกาศว่าจะยังคงมีการผลิตรถชั้นดี ราคาแพง และสมรรถนะสูงต่อไปในอนาคต เพราะนับวันรถบ้านธรรมดาราคาประหยัดและสมรรถนะพอใช้ได้ จะหาคนซื้อยากขึ้น เนื่องจากผู้คนจะหันไปใช้รถสาธารณะมากขึ้น ทั้งรถไฟ รถราง รถประจำทาง และรถแท็กซี่แบบอูเบอร์ (ซึ่งดีกว่าบ้านเราทั้งสิ้น) ในขณะที่อูเบอร์แท็กซี่ก็มีการคาดกันว่า ต่อไปน่าจะเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าและขับด้วยตัวเอง… นี่ยังไม่ได้พูดถึงการเดินเท้าและใช้รถจักรยาน รวมทั้งยานพาหนะแบบล้อเลื่อนชนิดต่างๆ ที่ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้เดินทางระยะไม่ไกลนัก ซึ่งเป็นการเดินทางในลักษณะ “เทรนด์การใช้ชีวิต” ที่ส่งผลให้กระแสเหล่านี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีเทคโนโลยีที่ใหม่เสมอ และไม่แผ่วลงง่ายนัก

●   ในการวางแผนรับความเปลี่ยนแปลง ฟอร์ดน่าจะเตรียมการผลิตรถหรูระดับสูงแบบเดียวกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมๆ ไปกับการมุ่งพัฒนารถไฟฟ้าและรถอัตโนมัติ ขณะเดียวกันก็จะนำความรู้ด้านการเพิ่มสมรรถนะไปใช้กับรถทั้ง 2 ประเภทด้วย ที่สุดแล้วฟอร์ด (หรือบริษัทอเมริกันอื่นๆ) ก็จำเป็นจะต้องมีรถไฟฟ้าอัตโนมัติสมรรถนะสูงเพื่อไล่ตามบริษัทสตาร์ทอัพไฟฟ้า 1,000+ แรงม้าที่ชิงออกตัวกันไปแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

●   ทำไมต้องผลิตหรือพัฒนารถไฟฟ้าอัตโนมัติสมรรถนะสูง? เนื่องจากเมื่อถึงจุดหนึ่งในยุคเปลี่ยนผ่าน รถไฟฟ้าจะกลายเป็นรถบ้านรุ่นพื้นฐานที่วิ่งกันเกลื่อนตลาด และมีราคาที่ถูกลงตามกลไกตลาดนั่นเอง

●   สำหรับ Mustang Bullitt เป็นรถที่ในอดีตเรียกกันว่ารถ Pony หรือไม่ก็รถ Muscle คำแรกหมายถึงตัวรถยังไม่ใหญ่และดุเดือดเท่ากับรถในกลุ่มหลัง โดยรถมัสแตงที่ผลิตในปัจจุบันมีทั้งแบบคูเป้ 2 ประตู 2+2 ที่นั่้ง, แฮทฃ์แบ็ค 2 ประตู, ฟาสท์แบ็ค 2 ประตู และเปิดประทุน 2 ประตู ส่วน Mustang Bullitt มีให้เลือกในรุ่นคูเป้ท้ายฟาสท์แบ็ค วิ่งด้วยเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ตัวรถใช้สีเขียว Highland Green ซึ่งเป็นสีเดียวกับรถที่ปรากฏในภาพยนตร์ และมีสี Black Shadow ให้เลือกอีกสี การเปิดตัวมีการนำรถคันดั้งเดิมวิ่งออกมานำ ท่ามกลางเสียงฮือฮาในหมู่คนรักรถตำนาน เนื่องจากตัวรถเองนั้นหายไปนานมาก

●   หลังการเปิดตัวมีการประมูลรถ Bullitt คันแรกที่ได้รับการผลิตเป็นทางการในเทศกาลประมูลรถ Barrett-Jackson หนึ่งในสำนักประมูลรถชื่อดัง โดยการประมูลถูกจัดขึ้น ณ ที่ทำการบริษัทในรัฐแอริโซน่า ผู้ชนะการประมูลต้องใช้เงินถึง 300,000 เหรียญ หรือราว 9.5 ล้านบาทเพื่อครอบครองรถคันนี้ รายได้ถูกนำไปบริจาคให้สถานพินิจ Boys Republic ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งที่นี่ Steve McQueen ถูกแม่นำตัวไปฝากเลี้ยงตอนอายุ 12 ขวบ หลังขู่สังหารพ่อเลี้ยง และอยู่ที่นี่จนถึงอายุ 16 ปี ก่อนจะออกตระเวณหาโอกาสเป็นนักแสดง

การรุกคืบของกลุ่มทุน

●   การเปิดตัวรถต้นแบบ GAC Enverge concept ของ Guangzhou Automobile Group กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์กว่างโจวในมณฑลกวางตุ้ง แสดงให้เห็นแรงกระเพื่อมในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์โลกอย่างชัดเจน เนื่องจาก GAC นี่เป็นอีกหนึ่งบริษัทรถยนต์จีนแถวหน้าที่กำลังมุ่งมั่นจะขยายพื้นที่ในตลาดโลก โดยเฉพาะทวีปอเมริกาเหนือที่เป็นทวีปที่มั่งคั่งที่สุด และมีตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่สุด

●   Enverge แปลว่าอะไร อย่าไปหาในพจนานุกรมเพราะไม่มี ถ้าจะให้เดาคงเป็นคำที่มาจากคำว่า enter กับ emerge รวมกันแล้วก็หมายถึงการอุบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งถ้าใช่ตามนี้คงต้องชมบริษัทรับจ้างตั้งชื่อสินค้าที่บรรดาบริษัทรถต่างใช้บริการ ปัจจุบัน GAC ลงทุนไปเปิดสตูดิโอออกแบบที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อจะได้ใกล้ชิดกระแสต่างๆ ที่รัฐนี้เป็นต้นกำเนิด โดยเฉพาะด้านบันเทิงและแฟชั่น

●   Enverge ผ่านการคิดมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบหรือตำแหน่งทางการตลาด ทิศทางของรถครอสโอเวอร์ยังคงสดใสไปจนถึงปี 2020 ตัวต้นแบบเป็นรถคอมแพคท์ 2 ประตู เหมาะกับการใช้งานแบบเอนกประสงค์ รองรับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ เช่น การมีอุปกรณ์บนแผงหลังคาสำหรับใช้เก็บรถ Segway ใช้เดินทางแบบสบายๆ ในระยะสั้นแทนที่จะต้องเดินหรือเรียกรถแท็กซี่ ชุดระบบขับเคลื่อนสามารถวิ่งไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟแต่ละครั้ง ใช้แบตเตอรี่ขนาด 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการเติมประจุไฟฟ้าสำหรับระยะทาง 400 กิโลเมตร และมีระบบชาร์จแบบไร้สายเพื่อลดความจุกจิก และ GAC คาดว่าจะผลิตมันได้จริงภายใน 2 ปี

●   ล่าสุด GAC ได้ไปเปิดศูนย์พัฒนารถที่ซิลิคอน แวลลีย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเก็บข้อมูลหาแนวทางในการขายรถในสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งยังกำลังเตรียมเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่นครดีทรอยต์เองด้วย พูดได้ว่า GAC กำลังไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ถึงถิ่น โดยที่ผ่านมา GAC ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในจีนเฉลี่ยปีละ 500,000 คัน นอกจากนี้ยังมีการร่ำลือกันทั่วงาน NAIAS ว่า GAC นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มทุน “เงินหนา” และยังสามารถขายรถของตนในจีนได้ในราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงน่าจะเป็นไปได้ที่รถคันนี้เมื่อวางจำหน่ายในสหรัฐฯ จะผลักดันให้เป็นรถที่มีราคาแพงพอสมควร

●   และนี่คืออีกหนึ่งสัญญาณในการรุกคืบอย่างเป็นระบบของกลุ่มทุนจากประเทศจีน ซึ่งมาอย่างเป็นระลอก เป็นระบบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะไปได้สวยเสียด้วย

รถระดับไอคอนยังอยู่ยงคงกระพัน (ในวันนี้)

●   ในงานนี้ Mercedes-Benz G-Class ซึ่งเป็นหนึ่งในรถระดับตำนาน เปิดตัวรุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 2 โดย G-Class เป็นรถ SUV ประเภทออฟ-โรดที่ยืนยงมาเกือบ 39 ปี ตั้งแต่รถยังใช้ชื่อ G-Wagen โดยในอดีตที่ SUV ออฟ-โรดยังไม่เกิด ใครอยากมีรถที่ใช้งานสมบุกสมบันต้องใช้รถแบบจี๊ป หรือแลนด์โรเวอร์ของอังกฤษที่มีรุ่น Defender ต่ออายุให้กับแบรนด์ สมัยหนึ่งมีวิ่งในไทยไม่น้อย

●   การเปิดตัว G-Class ใหม่เป็นการเปิดตัวในระดับ world premier งานออกแบบเป็นไปตามปรัชญา changing everything while changing nothing ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเทคโนโลยีตามยุคสมัย ในขณะที่ยังภาพลักษณ์เดิมเอาไว้เพื่อคงความเป็นไอคอนออฟ-โรดของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์

●   G-Class ใหม่ในเบื้องต้นประกอบด้วยรุ่น G500 เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร 422 แรงม้า จับคู่เกียร์ 9 จังหวะ 9G-TRONIC ในขณะที่ของแรงอย่าง Mercedes-AMG G63 คาดกันว่าจะไปเปิดตัวใน 2018 Geneva Motor Show เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดยเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรบล็อคนี้จะถูกเพิ่มกำลังให้มีตัวเลขมากกว่า 600 แรงม้าขึ้นไป ชุดระบบ infotainment เป็นแบบเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ใน E-Class กับ S-Class รุ่นปัจจุบัน

●   แน่นอนว่า G-Class ไม่ได้ด้อยไปกว่า Bentley Bentayga, BMW X7, Cadillac Escalade, Lamborghini Urus หรือ Rolls-Royce SUV ผิดกันตรงที่ G-Class มีจุดเด่นที่ประวัติความเป็นมาอันยาวนาน

●   สิ่งที่น่าสนใจคือ ในอนาคตอีกสัก 20 ปีข้างหน้า รถที่มีสถานะเป็น “ไอคอนของแบรนด์” จะปรับตัวไปในลักษณะใด? G-Class จะยังคงมีเหลี่ยมสันแบบนี้ไปอีกกี่รุ่น หรือมันจะกลายเป็นเพียงตำนานเล่าขาน ในวันที่การสัญจรของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง?

●   ยังมีมุมของรถชั้นยอดอีก 4 คันที่ต้องเขียนถึง สนใจติดตามอ่านกันได้ในสัปดาห์หน้า   ●