Hyundai H-1 ช่วงล่างหลังแบบใหม่เน้นความนุ่มนวล

10.4Kviews

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

● ฮุนได H-1 รถยนต์เอนกประสงค์สไตล์ MPV ขนาดใหญ่ 11 ที่นั่ง เซตระบบกันสะเทือนมาค่อนข้างแข็งเพราะต้องเผื่อไว้รองรับน้ำหนักเต็มพิกัด แต่ผู้ใช้รถฮุนได H-1 ส่วนหนึ่งนั่งไม่เต็มความจุ 11 ที่นั่ง จึงรู้สึกว่าช่วงล่างกระด้าง โดยเฉพาะด้านหลัง ฮุนไดจึงเพิ่มทางเลือกด้วยชุดช่วงล่างหลังแบบใหม่ พัฒนาร่วมกันระหว่างฮุนไดและ Profender ผู้ผลิตช๊อคฯ สัญชาติไทยมาตรฐานยุโรป ประกอบด้วยช๊อคแอ็บซอร์เบอร์และสปริง ที่เน้นความนุ่มนวลมากขึ้น ราคาทั้งชุด 24,880 บาท รวมค่าติดตั้ง

● ช๊อคฯ ใหม่เป็นแบบ Monotube ที่ผ่านการทดสอบและรับประกันคุณภาพจาก บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด แรงดันภายใน 80-350 PSI (ช๊อคฯ มาตรฐานแรงดันไม่เกิน 80 PSI) แยกห้องระหว่างแก๊สไนโตรเจนและน้ำมัน ใช้ลูกสูบแบบ High Flow ขนาด 46 มิลลิเมตร ใหญ่กว่ารุ่นมาตรฐาน พร้อมระบบซีล 2 ชั้น ป้องกันน้ำมันรั่วไหล มาพร้อมสปริงหลังที่มีค่าความแข็ง 340 ปอนด์ต่อนิ้ว น้อยกว่าสปริงรุ่นมาตรฐานที่มีค่าความแข็ง 415 ปอนด์ต่อนิ้ว ออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กับช๊อคฯ ใหม่ ดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ให้ความนุ่มนวลกว่าเดิม เหมาะสำหรับการโดยสารไม่เกิน 7 ที่นั่ง ถ้าโดยสารเต็มความจุ 11 ที่นั่ง ทางฮุนไดแนะนำให้ใช้ช่วงล่างหลังชุดมาตรฐานของเดิม

● สำหรับการทดลองใช้งานชุดช่วงล่างหลังแบบนุ่ม ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ได้เตรียมรถ H-1 ที่เปลี่ยนช่วงล่างหลังไว้ 2 คัน เป็นรุ่น Elite และ Deluxe นั่งคันละ 6 คนสบายๆ ใช้เบาะนั่งแค่ 3 แถว ทุกที่นั่งสามารถเหยียดขาได้สบาย เย็นฉ่ำด้วยแอร์บนเพดานพร้อมสวิตช์ปรับความเย็นและความแรงลมแยกเฉพาะด้านหลัง ทดลองนั่งบนเบาะแถว 3 (เบาะแถว 4 พับเก็บไว้) เมื่อรถเริ่มใช้ความเร็วได้ก็รู้สึกได้ว่าช่วงล่างหลังนุ่มนวลขึ้น นั่งสบายไม่กระแทก ถูกใจสายคอมฟอร์ทที่เน้นความนุ่มนวลอย่างผม แต่เพื่อนสื่อมวลชนสายสปอร์ตบางคนบอกว่าชอบแบบเดิมมากกว่า

● ออกเดินทางจาก ฮุนได วิภาวดี มุ่งหน้า วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามพระราชวังบางปะอิน ต้องนั่งกระเช้าข้ามน้ำไป วัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯแปรพระราชฐานมาประทับที่ราชวังบางปะอิน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง เป็นศิลปะแบบโกธิค สิ่งก่อสร้างภายในวัดทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบยุโรป ชมวัดพร้อมถวายสังฆทานเสร็จแล้วจึงเดินทางต่อ

● จุดหมายต่อไปอยู่ที่ร้านอาหารกลางวัน เรือนจรุง อยุธยา โฮมสเตย์ แนวคิดสโลว์ไลฟ์ ชิมอาหารไทยฝีมือชาวบ้าน ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยทุ่งนาเขียวขจี และบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง บริเวณโดยรอบปลูกผักสวนครัวซึ่งถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารด้วย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ผ่อนคลาย ก่อนไปกินอาหารหรือไปนอนพักผ่อน ควรติดต่อจองคิวกับเจ้าของก่อน เพราะแว่วมาว่าโฮมสเตย์ ถูกจองคิวยาวไปถึงเดือนพฤษภาคมแล้ว รวมทั้งร้านอาหารก็รองรับลูกค้าได้ในจำนวนไม่มากนัก เพราะเน้นคุณภาพเป็นหลัก

● อิ่มแล้วทัวร์ทำบุญถวายสังฆทานกันต่อกับวัดที่ 2 ของทริปนี้ คือ วัดหน้าพระเมรุ ชมความงดงามพร้อมเรียนรู้ประวัติศาตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งที่นี่เป็นเพียงวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่รอดจากการถูกเผาทำลายจากพม่า และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงทำให้วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดที่ยังคงสืบทอดสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ตกทอดมาให้คนรุ่นหลังจนถึงทุกวันนี้

● ปิดท้ายด้วย วัดใหญ่ชัยมงคล วัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุด และนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดวัดหนึ่งในอยุธยา มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงาม คือ เจดีย์ชัยมงคล เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาและเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ, วิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระอุโบสถที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานรวมทั้งประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่วัดนี้มีการทำบุญเพื่อถวายผ้าห่มพระพุทธรูปกันด้วย

● ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ แวะพักกันที่ The Summer House ร้านกาแฟบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางด้วยความราบรื่นตลอดระยะทาง 140 กิโลเมตร ด้วยฮุนได H-1 ที่ติดตั้งช่วงล่างหลังใหม่ ขับเคลื่อนความนุ่มสบายด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,497 ซีซี ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. ที่ 2,000-2,250 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อม Sequential Shift

● ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ ฮุนได ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.hyundai.co.th ●