March 20, 2018
Motortrivia Team (10019 articles)

Toyota C-HR HV Hi ลำปาง แพร่ น่าน 18.8 กม./ลิตร

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

 

โตโยต้า C-HR คอมแพคเอสยูวี เปิดตัวต้นแบบในปารีส มอเตอร์โชว์ ปี 2014 และเริ่มผลิตจริงในอีก 2 ปีถัดมา ทำตลาดใน 51 ประเทศทั่วโลก มียอดจำหน่ายกว่า 283,000 คัน ชื่อรุ่นที่ย่อมาจาก Coupe High Rider บ่งบอกแนวคิดในการออกแบบรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายในจากการใช้เพชรเป็นแนวคิดในการออกแบบ มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ TNGA หรือ Toyota New Global Architecture ใช้ระบบไฮบริดรุ่นล่าสุดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่ใช้ใน พริอุสโฉมล่าสุด และติดตั้งระบบความปลอดภัย Safety Sense แบบเดียวกับคัมรี่ เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 11 ระยะ หรือเท่ากับส่วนลดประมาณ 30,000 บาท

● C-HR ทำตลาดในเมืองไทยด้วย 4 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเบนซินและไฮบริดอย่างละ 2 รุ่น ราคารุ่นเริ่มต้น 1.8 Entry 979,000 บาท และรุ่นสูงสุด HV Hi 1,159,000 บาท ต่างกันเพียง 180,000 บาท จึงไม่แปลกใจที่ผู้ซื้อ C-HR ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ จะซื้อรุ่นไฮบริด เพราะเพิ่มเงินไม่มากนัก แต่ได้อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นหลายรายการ

● C-HR รุ่นไฮบริด ใช้ระบบไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 4 มอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งอยู่ในชุดเกียร์ ตัวมอเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นแต่กินไฟน้อยลง ทำงานได้ที่ความเร็วสูงขึ้นจาก 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 เป็น 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่และโหลด) ใช้ขดลวดแบบเหลี่ยมช่วยระบายความร้อน และสร้างกระแสไฟฟ้าได้ดีขึ้น แบตเตอรี่ติดตั้งใต้เบาะหลัง กระจายน้ำหนักดีขึ้น ระบายความร้อนด้วยพัดลมดูดอากาศเย็นจากห้องโดยสาร มาพร้อม Air Filter ที่สามารถถอดล้างเองได้ ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีการพัฒนาให้มีการระบายความร้อนที่ดีขึ้นเช่นกัน และปรับปรุงชุดเกียร์ E-CVT ให้มีขนาดเล็กลง

● ขณะออกตัวจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จากนั้นเมื่อใช้ความเร็วคงที่ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานตามความเหมาะสม เมื่อเร่งความเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะช่วยกันขับเคลื่อนรถ และแบตเตอรี่จะจ่ายไฟฟ้าเต็มกำลัง เมื่อลดความเร็วหรือเบรกระบบจะชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ และเมื่อรถจอดสนิท เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ส่วนระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศยังคงทำงานตามปกติ โดยใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไฮบริด และเมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไฮบริดต่ำลง เครื่องยนต์ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ โตโยต้าระบุประหยัดน้ำมันสูงสุด 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร (ข้อมูลจาก Eco Sticker) เติมน้ำมันเต็มถังขนาดความจุ 43 ลิตร ใช้งานได้ 1,049 กิโลเมตร


ลองระบบความปลอดภัย

● สำหรับการทดสอบแบบกลุ่ม โตโยต้าจัดรถให้เป็นรุ่นสูงสุด HV Hi มีอุปกรณ์เพิ่มเติมจากรุ่น HV Mid หลายรายการ เช่น Welcome Lamp LED ที่กระจกมองข้าง, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบกรองอากาศในห้องโดยสาร nanoe, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM หรือ Blind Spot Monitor, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA หรือ Rear Cross Traffic Alert, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS หรือ Pre-Collision System ถ้าระบบตรวจพบว่ามีความเสี่ยงต่อการชน สัญญาณจะเตือนก่อน ถ้าผู้ขับยังไม่ตอบสนองด้วยการเหยียบเบรก หรือมีความเสี่ยงต่อการชนสูง ระบบ BA หรือ Brake Assist จะทำงานโดยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกรอไว้ เมื่อผู้ขับเหยียบเบรก จะได้สร้างแรงเบรกได้ทันที และถ้าหลีกเลี่ยงการชนไม่ได้ ระบบเบรกจะทำงานอัตโนมัติ โดยจะเบรกลดความเร็วลงเหลือประมาณ 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เบรกจนรถหยุดนิ่ง เพื่อให้ผู้ขับตัดสินใจว่าจะเบรกต่อหรือจะหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

● ครูสคอนโทรลของรุ่น HV Hi มาพร้อม Dynamic Radar Cruise Control ตรวจจับรถคันหน้าด้วยเรดาร์ เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ตั้งได้ 3 ระดับ โดยจะลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และเมื่อไม่มีรถด้านหน้าก็จะเร่งกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ ลองใช้งานแล้วระบบทำงานได้สอดคล้องกับการใช้งานจริง ตั้งความเร็วไว้ เมื่อมีรถด้านหน้าช้ากว่าก็จะลดความเร็วลงให้เท่าๆ คันหน้า และรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ เมื่อรถด้านหน้าเริ่มลดความเร็วลง ก็จะลดความเร็วลงด้วยเช่นกัน และเมื่อความเร็วลดลงถึงประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะตัดการทำงานพร้อมเสียงเตือน ผู้ขับต้องเบรกเอง, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB หรือ Automatic High Beam ปรับลดไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ LDA with Steering Assist หรือ Lane Departure Alert เมื่อออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะคิดว่าไม่ตั้งใจเปลี่ยนเลน ระบบจะเตือนที่หน้าจอ MID ด้วยสัญญาณไฟกะพริบและเสียงเตือน และพวงมาลัยจะหน่วงกลับให้เล็กน้อย เท่าที่ทดลองใช้พบว่าระบบจะตอบสนองได้ดีกับเส้นทึบมากกว่าเส้นประ

เด่นที่ความประหยัด

● C-HR ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1,800 ซีซี บล็อกหลักพื้นฐานเดียวกัน โดยรุ่นไฮบริดเป็นแบบ Atkinson Cycle กำลังอัด 13.0:1 เฉพาะเครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ แรงบิด 16.6 กก.-ม. กำลังขับรวมมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

● ที่ความเร็วต่ำถึงปานกลางรวมถึงการเพิ่มความเร็วแบบต่อเนื่อง ถือว่าทำได้ดีพอสมควร ส่วนการเร่งแซงที่ความเร็วปานกลางขึ้นไปต้องกดคันเร่งลึกหน่อย เริ่มขับจากลำปาง แวะมื้อกลางวันที่แพร่ แล้วขับต่อมาพักที่น่าน ระยะทาง 220 กว่ากิโลเมตร ช่วงแรกเป็นถนน 4 เลน ทำความเร็วได้ต่อเนื่อง จากนั้นเป็นถนน 2 เลนสวน ขึ้นเขาคดเคี้ยว มีการเร่งแซงบ่อยครั้ง ลองใช้ทั้ง 3 โหมดการขับ คือ Sport, Normal และ Eco แตกต่างในเรื่องการตอบสนองของคันเร่ง Sport แตะคันเร่งเบาๆ เข็มมาตรวัดระบบไฮบริดก็จะกวาดไปที่ Power ส่วนโหมด Eco คันเร่งจะตอบสนองแบบนุ่มนวล


● บางช่วงขับความเร็วนิ่งๆ ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภาพกราฟิกแสดงการทำงานของระบบไฮบริดว่า ขณะนั้นใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อนรถ ส่วนโหมด EV ซึ่งมีสวิตช์เปิดการทำงานที่คอนโซลเกียร์ จะทำงานถึงความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปิดทริปได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18.8 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดเกินคาด เพราะขับกันแบบเต็มเหนี่ยว และมีเพื่อนสื่อมวลชนบางคนทำได้ถึง 25 กิโลเมตรต่อลิตร

● สมรรถนะของเครื่องยนต์และระบบไฮบริด โดยรวมถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ไม่หวือหวาเแต่ก็ไม่อืด และได้เรื่องความประหยัดเป็นสิ่งทดแทน

ช่วงล่างหนึบพอตัว

● ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังปีกนก 2 ชั้น พร้อมตัวช่วยอย่าง VSC และ TRC ปรับเซตความหนึบมาในแนวนุ่มหนึบ ไม่แข็งกระด้าง เข้าโค้งแคบๆ ได้อย่างมั่นใจ ตัวรถไม่โคลงมาก ทางตรงใช้ความเร็วสูงไม่ย้วยหรือวูบวาบ และยังมีการดูดซับแรงกระแทกได้ดี พวงมาลัยหนืดมือพอเหมาะ ไม่หวิวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ยาง 215/60/17 มองจากด้านหลังดูผอมไปนิด แต่ผลงานใช้ได้ เบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ต้องปรับตัวเยอะหน่อยจึงจะเบรกได้อย่างใจและนุ่มนวล แตะเบรกช่วงแรกความเร็วยังไม่ลดลงอย่างที่คิด เมื่อเพิ่มน้ำหนักลงไปอีกก็เหมือนจะเบรกแรงไปหน่อย

ห้องโดยสารสไตล์คูเป้

● C-HR เน้นความโฉบเฉี่ยวสไตล์รถคูเป้ยกสูง จึงไม่เน้นการใช้งานเบาะหลังมากนัก แต่เท่าที่ลองใช้ก็ไม่ได้แคบแบบรถคูเป้แท้ๆ ปีนจากเบาะหน้าไปด้านหลังเพื่อถ่ายวีดิโอ ยังทำได้ไม่ทุลักทุเลนัก ลองนั่งเบาะหลังในระยะทางไกลพอสมควร ก็ไม่รู้สึกว่าจะเมารถ มุมมองอาจไม่โปร่งโล่ง เพราะแนวเส้นขอบกระจกที่ยกสูง และขอบประตูที่ค่อนข้างหนา ทำให้บดบังทัศนวิสัยไปพอสมควร และไม่มีที่เท้าแขนตรงกลาง ส่วนมุมมองด้านหลังเมื่อมองจากตำแหน่งผู้ขับก็ไม่ถือว่าแย่ คุณภาพวัสดุที่ใช้สมราคา คอนโซลให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม สวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ให้ความรู้สึกที่แน่นหนา

● ตลอดทางจะได้ยินเสียงพัดลมดูดอากาศเพื่อระบายความร้อนของแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นระยะ ไม่ถึงกับรำคาญ แต่ก็ได้ยิน กับเสียงลมปะทะแผ่วๆ ที่ความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เบาะผู้ขับนั่งสบายไม่ปวดหลัง ฝั่งผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ และมีที่ดันหลังไฟฟ้า พวงมาลัยปรับได้ที่ 4 ทิศทาง ที่เก็บของด้านหลังกว้างขวางเพราะไม่ต้องแบ่งพื้นที่ให้แบตเตอรี่ และไม่มียางอะไหล่ แต่ให้ชุดปะพร้อมปั๊มลมมาแทน พนักพิงเบาะหลังแยกพับได้ 60:40 แต่พับแล้วไม่ราบเป็นระดับเดียวกับพื้นห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง

● โตโยต้า C-HR HV Hi รุ่นสูงสุด ให้อุปกรณ์มาตรฐานที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับส่วนต่างของราคา รูปลักษณ์หวือหวาสะดุดตา ภายในลงตัวทั้งดีไซน์และคุณภาพวัสดุ เบาะหลังใช้งานได้จริง สมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ความคล่องตัว แต่ไม่หวือหวา เน้นประหยัดเป็นหลัก ช่วงล่างนุ่มหนึบพอตัวถ้าไม่เล่นแรงเกินไป ●

Specification: Toyota C-HR HV Hi

– แบบตัวถัง แฮทช์แบ็ก 5 ประตู
– ยาว x กว้าง x สูง 4,360 x 1,795 x 1,565 มิลลิเมตร
– ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,550/1,570 มิลลิเมตร
– ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
– ระยะต่ำสุด 154 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 1,455 กิโลกรัม
– แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i
– ความจุ 1,798 ซีซี
– กระบอกสูบ x ช่วงชัก 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร
– อัตราส่วนการอัด 13.0:1
– กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที
– แรงบิดสูงสุด 14.46 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบต่อนาที
– มอเตอร์ไฟฟ้า 600 โวลต์
– กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ หรือ 72 แรงม้า
– แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม.
– กำลังสูงสุดรวม 122 แรงม้า
– ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ E-CVT
– ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
– ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS
– ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง พร้อม VSC และ TRC
– ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์ พร้อม ABS, EBD และ BA
– ผู้จำหน่าย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
– โทรศัพท์ 02-386-2000 หรือ 1800-238-444
– เวบไซต์ www.toyota.co.th.


Test Drive : 2018 Toyota C-HR HV Hi