AAS เปิด Body & Paint Centre of Excellence พร้อมแนะนำทีมแข่ง AAS Motorsport

423views

ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่

● บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายปอร์เช่, เบนท์ลี่ย์ และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์พรีเมี่ยมออโต้กริม อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังโฉมใหม่ AAS Body & Paint Centre of Excellence พร้อมแนะนำทีมแข่ง AAS Motorsport อย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2561 ณ ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง วิภาวดีรังสิต – ดอนเมือง

● AAS Body & Paint Centre of Excellence นับเป็นศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ครบวงจรที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค ผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิตรถหรู อาทิ ปอร์เช่, เบนท์ลี่ย์, จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ และมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมแซมวัสดุประเภทอลูมิเนียม, คาร์บอนไฟเบอร์ และเหล็กกล้า ซึ่งมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณกว่า 120 ล้านบาท ภายใต้ขนาดพื้นที่กว่า 2,500 ตร.ม.

จุดปฏิบัติงานหลักประกอบด้วย

● (1) ส่วนวิเคราะห์ทางเทคนิค จุดเด่นคือเครื่องมือตรวจวิเคราะห์สภาพรถแบบอิเลคทรอนิกส์ หรือ Touch ที่สามารถตรวจเช็คและวิเคราะห์อาการของรถยนต์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถเช็คสภาพรถที่ชำรุดเสียหายก่อนการซ่อม รวมไปถึงการวัดชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถทั้งหมด ช่วยในการตรวจสอบค่าต่างๆ ได้อย่างแม่นยำในขณะปฏิบัติงาน และใช้สำหรับรับรองวิธีการแก้ไขปรับปรุงที่ถูกต้องหลังการซ่อมแซมแล้วอีกด้วย

● (2) พื้นที่เตรียมชิ้นงาน เป็นพื้นที่สำหรับการจัดเตรียมรถหรือชิ้นงานก่อนการพ่นสี ซึ่งจะต้องเตรียมการอยู่ในส่วนที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะซึ่งเรียกว่า “พื้นที่เตรียมชิ้นงานก่อนพ่นสี” พื้นที่ดังกล่าวถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม ไร้เสียงรบกวน อากาศในบริเวณพื้นที่ต้องสะอาด ปราศจากฝุ่นละอองสิ่งสกปรก และสารทำละลายที่มีผลกระทบกับสีของชิ้นงาน

● ทั้งนี้ AAS Body & Paint Centre of Excellence ได้เลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ Spanesi ซึ่งติดตั้งระบบกรองอากาศแบบพิเศษ ช่วยลดทั้งมลพิษทางเสียงและมลภาวะต่างๆ ที่เกิดจากการใช้สีรองพื้นและการขัดผิวหน้าชิ้นงาน

คุณวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด

● (3) ห้องซ่อมชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พื้นที่ห้องซ่อมชิ้นส่วนอะลูมิเนียมถูกออกแบบให้อยู่ในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญของศูนย์ฯ แห่งนี้ งานซ่อมชิ้นส่วนอะลูมิเนียมที่มีความหลากหลายจะได้รับการดูแลและซ่อมแซมอยู่ในส่วนนี้ทั้งหมด ภายในพื้นที่ส่วนแรกจะมีลิฟต์ยกรถที่ถูกติดตั้งให้อยู่ในระดับเดียวกับพื้นของศูนย์ซ่อมเพื่อความสะดวกในการทำงาน ออกแบบไว้เพื่อรองรับกับงานที่มีความเสียหายเล็กน้อย (งานซ่อมเบา) พื้นที่ส่วนที่สองจะมีแท่นดึงตัวถัง หรือ Universal Jig ที่ถูกออกแบบและติดตั้งตามหลักวิศวกรรมแบบสรีรศาสตร์ โดยเป็นรุ่นเดียวในโลกที่ออกแบบให้แขนรับน้ำหนัก ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน สามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองได้อย่างอิสระด้วยระบบ rack and pinion ซึ่งจะช่วยให้การวางตำแหน่งจุดยึดของตัวถังได้ง่าย มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว สามารถซ่อมแซมรถได้ทุกยี่ห้อและทุกรุ่น จากความเสียหายเล็กน้อยไปจนถึงรถที่มีความเสียหายมาก

● พื้นที่ทั้งหมดของห้องซ่อมชิ้นงานอะลูมิเนียม มีการติดตั้งระบบดูดระบายอากาศ พร้อมทั้งติดตั้งระบบไฟให้แสงสว่างครอบคลุมทั้งพื้นที่ เพื่อความสะดวกและมีประสิทธิภาพในการทำงาน รวมทั้งมีการระบายควันที่เกิดจากการเชื่อมชิ้นงานออกจากพื้นที่ทั้งหมด

● (4) ห้องพ่นสีและห้องอบสี ห้องพ่นสีและห้องอบสีที่รวมฟังก์ชันการทำงานอยู่ในชุดเดียวกัน ถูกออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการพ่นสีของพื้นผิวรถ หรือชิ้นงานที่เป็นโลหะ และที่ไม่ใช่โลหะ พร้อมฟังก์ชันการอบแห้งสีตามโปรแกรมความเหมาะสมในแต่ละชนิดของชิ้นงาน ขั้นตอนการพ่นและอบสีของรถ หรือชิ้นงานต่างๆ จะดำเนินการภายในห้องนี้โดยช่างที่มีประสบการณ์และได้รับการอบรมมาโดยเฉพาะ และควบคุมการทำงานของห้องด้วยวิศวกรที่มีทักษะและประสบการณ์สูง

● ระหว่างการดำเนินงาน ระบบจะทำการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องให้อยู่ระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียสในขั้นตอนของการพ่นสี และสร้างอุณหภูมิภายในห้องอบให้สูงขึ้นถึง 92 องศาเซลเซียสในขั้นตอนของการอบสี โดยใช้อุปกรณ์ Heat Generator รุ่นพิเศษของ Spanesi สามารถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงหรือต่อกับอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนจาก Boiler โครงสร้างหลัก ผนัง ท่อเป่าลม และท่อระบายอากาศของห้องพ่นและอบสีนี้ ถูกออกแบบด้วยวัสดุกันไฟ มาตรฐานระดับ Class 0 (zero) รวมไปถึงอุปกรณ์ภายใน เช่น ชุดกรองอากาศ ฉนวนกันความร้อน และอุปกรณ์อื่นๆ ก็ทำจากวัสดุป้องกันการติดไฟทั้งหมดเช่นกัน

● และ AAS Body & Paint Centre of Excellence ยังมีทีมวิศวกรและช่างฝีมือที่ผ่านการฝึกอบรมจากโรงงานผู้ผลิตย์รถยนต์ และมีประสบการณ์ดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์หรูกว่า 50 คน ซึ่งพร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสแล้ววันนี้

AAS Motorsport

● สำหรับทีมแข่งรถยนต์ในนาม AAS Motorsport จะมีการผสานเทคโนโลยีของปอร์เช่ และเบนท์ลี่ย์ ซึ่งมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตโลก พร้อมด้วยนักแข่งและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์เข้าด้วยกัน

● ทีม AAS Motorsport ก่อตั้งและบริหาร วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ประธานบริหาร บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด นักแข่งรถยนต์ทางเรียบแถวหน้าของเมืองไทยที่กวาดถ้วยรางวัลทั้งจากในประเทศและต่างประเทศมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรายการ Super GT, China GT, Porsche Carrera Cup, Blancpain Asia, Thailand Super Series และรายการอื่นๆ

● ในฤดูกาล 2018 นี้ ทีม AAS Motorsport จะมี วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ร่วมด้วยนักแข่งระดับแชมป์รายการ Thailand Super Series 2017 และครองโพเดี้ยมในรายการแข่งขันหลายรายการ ได้แก่ กันตธีร์ กุศิริ, พสุ ลิปตพัลลภ, คมิก กรรณสูต และมีนักขับฝรั่งเศส Maxime Jousse วัย 27 ปี ผู้มีประสบการณ์ในแวดวงกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติมากว่า 16 ปี เข้ามาร่วมทีมในฐานะนักแข่ง ควบตำแหน่งผู้ฝึกสอน ปิดท้ายด้วย ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ ซึ่งจะเข้าร่วมทีมในการแข่งขัน Go-Kart อีกด้วย

● AAS Motorsport จะมีรถแข่งประจำทีม 3 คัน ประกอบด้วย Bentley Continental GT3 รุ่นปี 2015 เครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบชาร์จ ได้รับการปรับแต่งการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ให้อยู่บริเวณด้านหลังของห้องเครื่องมากขึ้น เพื่อการกระจายน้ำหนัก ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยเกียร์ Sequential 6 speed เพลาคาร์บอนไฟเบอร์ ช่วงล่าง Double wishbone หน้า-หลัง ระบบเบรค Brembo แบบหน้า 6 pot หลัง 4 pot พร้อมจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน

● อีก 2 คันที่เหลือคือ Porsche Cayman GT4 Club Sport MR รุ่นปี 2016 เครื่องยนต์ 6 สูบ ความจุ 3.8 ลิตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังด้วยเกียร์ PDK 6 speed พร้อม paddle shift ลดน้ำหนักเบาด้วยโครงสร้างอลูมิเนียม และมีโรลบาร์ตามมาตรฐาน FIA ทุกคันจะเริ่มลงแข่งขันในรายการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

● สำหรับข้อมูลอื่นๆ สามารถสอบถามได้ที่ AAS Body & Paint Centre of Excellence โทร. 02-522-6655 ต่อ 501 – 507 หรือ e-mail: body&[email protected] ●