2019 Porsche Cayenne E-Hybrid ทางเลือกใหม่ที่แรงขึ้นแต่ยังคงความกรีน
Posted by : AREA 54
● ปอร์เช่เตรียมเพิ่มทางเลือกให้ SUV หรูขนาดกลาง ด้วยการเติมทางเลือกใหม่ที่ยังคงความกรีนกับระบบขับเคลื่อน plug-in hybrid โดยเปิดตัว Porsche Cayenne E-Hybrid ซึ่งมากับชุดระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ แบตเตอรี่แพคมีความจุมากขึ้น 30% สามารถใช้งานในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางเพิ่มขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังเพิ่มขึ้น 43 แรงม้า เมื่อเทียบกับ Cayenne S E-Hybird รุ่นปัจจุบัน
● งานออกแบบมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยพอให้สัมผัสกันได้ โดยรวมแล้ว Cayenne E-Hybrid มีการอิงภาพลักษณ์มาจาก 911 มากขึ้นเช่นเดียวกับ Cayenne รุ่นปี 2018 แนวหลังคาต่ำลงเล็กน้อย คาลิเปอร์เบรคเด่นด้วยสี Acid Green และเป็นครั้งแรกที่ผู้ขับจะสามารถเลือกออปชั่นเป็นล้อน้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้วได้
● ชุดระบบขับเคลื่อนของ Cayenne E-Hybrid ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 340 แรงม้า (HP – Cayenne S E-Hybird 329 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัทท์ หรือเทียบเท่า 136 แรงม้า (Cayenne S E-Hybird 94 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพค 14.1 กิโลวัทท์-ชม. (Cayenne S E-Hybird 10.8 กิโลวัทท์-ชม.) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic S กำลังรวมทั้งระบบ 462 แรงม้า
● Cayenne E-Hybrid มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 252 กม./ชม. แม้ชุดแบตเตอรี่แพคจะมีขนาด (มิติ) เท่ากับที่ใช้ใน Cayenne S E-Hybird ทว่าความจุที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ Cayenne E-Hybrid วิ่งทำระยะทางในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ถึง 44 กม. และใช้ความเร็วสูงสุดได้ 133 กม./ชม. ส่วนระยะเวลาในการชาร์จ แบ่งเป็น 7.8 ชม. สำหรับออนบอร์ดชาร์จเจอร์ 3.6 กิโลวัทท์ จับคู่ไฟ 230 โวลท์ ที่มีปริมาณกระแสไฟฟ้า 10 แอมป์ และ 2.3 ชม. สำหรับออนบอร์ดชาร์จเจอร์ 7.2 กิโลวัทท์ จับคู่กับไฟ 230 โวลท์ ที่มีปริมาณกระแสไฟฟ้า 32 แอมป์
● ทั้งนี้ หากผู้ขับใช้งานในโหมดไฟฟ้าล้วน (โหมด E-Power) อย่างต่อเนื่องตามการใช้งานจริงซึ่งมีความเร็วไม่คงที่ เมื่อปริมาณกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลดลงจนถึงจุดหนึ่ง ระบบจะตัดกลับเข้าสู่โหมดไฮบริดโดยอัตโนมัติ ทว่าผู้ขับยังสามารถเลือกโหมด E-Charge ให้รักษาสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ และหากต้องการความกระฉับเฉงในการใช้งานแบบสปอร์ต โหมด Sport และ Sport Plus สำหรับเรียกสมรรถนะก็ยังมีให้เลือกใช้เช่นกัน
● อุปกรณ์มาตรฐานมีอาทิ จอ head-up display, ระบบช่วยเหลือผู้ขับอัจฉริยะ Porsche InnoDrive, , ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control, ระบบ Heated Windscreen, ฟังก์ชั่นนวดไฟฟ้า Massage Seats สำหรับเบาะคู่หน้า, ระบบ Porsche Communication Management สั่งงานระบบปรับอากาศ หรือตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถผ่าน Porsche Connect app ได้
● ส่วนการอำนวยความสะดวกในการรีชาร์จแบตเตอรี่ ปอร์เช่มีระบบ Porsche Connect รองรับการค้นหาตำแหน่งสถานีชาร์จ รวมทั้งบันทึกตำแหน่งที่ตั้งของสถานีลงในระบบนำทางผ่านดาวเทียม ซึ่งเครือข่ายการให้บริการ Porsche Charging Service ในต่างประเทศนี้ ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการจะมีการตัดผ่าน Porsche ID account โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใช้งานเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการรายอื่น
● นอกจากนี้ยังมีระบบ Porsche Traction Management สำหรับช่วยกระจายแรงบิด, ระบบ Porsche Active Suspension Management ควบคุมการทำงานของช่วงล่าง และชุดระบบไฟอัจฉริยะ Porsche Dynamic Light System ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนระบบ Porsche Dynamic Chassis Control, ระบบ Roll Stabilisation และชุดต่อพ่วงสำหรับการลากจูงที่รับน้ำหนักได้สูงสุด 3.5 ตัน จะถูกแยกเป็นออปชั่น
● ปอร์เช่เปิดราคาจำหน่าย Cayenne E-Hybrid ในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 79,900 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.6 ล้านบาทครับ บ้านเราปีหน้าน่าจะได้เห็นคันจริงกัน ●