July 7, 2018
Motortrivia Team (10019 articles)

MICHELIN เปิดตัว Primacy 4 พร้อมลองสมรรถนะ

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : มิชลิน ประเทศไทย

 

●   มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก เปิดตัวยางรุ่นใหม่ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 (MICHELIN Primacy 4) ผลิตภัณฑ์ยางล่าสุดในตระกูลไพรมาซี่ พัฒนาภายใต้แนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (1) หรือ Safe When New, Safe When Worn สื่อถึงคุณสมบัติเด่นของยางรุ่นนี้ ที่คงสมรรถนะและให้ความปลอดภัยตั้งแต่ยางใหม่ จนถึงตอนที่ดอกยางใกล้หมด (2) อีกทั้งยางรุ่นนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของยางนุ่มเงียบ (3) ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายอย่างแท้จริงด้วยการผสมผสาน 2 เทคโนโลยีล่าสุด เอกสิทธิ์เฉพาะมิชลินที่ใช้เวลาพัฒนาถึง 3 ปี

EverGrip™ Technology

●   ประกอบด้วย ร่องรีดน้ำแบบใหม่ ออกแบบให้ร่องดอกยางเป็นทรงเหลี่ยมมากขึ้นและกว้างกว่าเดิม เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนหน้า ทำให้มีพื้นที่ในการรีดน้ำเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ แม้ผ่านการใช้งานไปแล้วจนดอกยางใกล้หมด และแม้ร่องรีดน้ำจะกว้างขึ้น แต่หน้ายางก็มีพื้นที่สัมผัสมากขึ้นด้วย มาพร้อมสูตรผสมเนื้อยางสมรรถนะสูงนวัตกรรมล่าสุด เพิ่ม Active Bonding Element ทำให้โมเลกุลของซิลิก้ากับโพลิเมอร์ยึดเกาะกันได้ดีและสม่ำเสมอกว่าสูตรเนื้อยางทั่วไป ส่งผลให้เนื้อยางมีความยืดหยุ่นกว่า และเกาะบนถนนเปียกได้ดีกว่า



Silent Rib Technology

●   รุ่นที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปภายในห้องโดยสาร ด้วยแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางแบบเต็มหน้ายาง (Inter-Locking Bands) ไม่เพียงช่วยลดเสียงที่เกิดจากการบีบอัดอากาศภายในช่องว่างของบล็อกดอกยาง แต่ยังช่วยให้ดูดซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น



●   เพื่อพิสูจน์ว่า มิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีประสิทธิภาพตรงตามที่ออกแบบไว้ มิชลินจึงมอบหมายให้ บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการทดสอบยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 4 บนถนนเปียก เปรียบเทียบกับยางชั้นนำแบรนด์อื่น ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก (2) ผลลัพธ์ที่ได้น่าประทับใจมาก นั่นคือ:

–   ยางใหม่ด้วยกัน : มิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่น 2.5 เมตร (4) 
–   ยางใกล้หมดดอก : มิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่น 5.1 เมตร (5) 
–   เมื่อเทียบกับยางใหม่ของแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ใกล้หมดดอก มีระยะเบรกสั้นกว่ายางใหม่ของแบรนด์อื่นถึง 1.8 เมตร หรืออาจกล่าวได้ว่า มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ใกล้หมดดอก ให้ความปลอดภัยมากกว่ายางใหม่บางรุ่นของแบรนด์อื่น

หมายเหตุ:
(1) จากผลการทดสอบระยะเบรกซึ่งวิ่งทดสอบในสวนนงนุช จังหวัดชลบุรี บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-32 °C เมื่อเดือนมกราคมและพฤษภาคม 2561 โดยติดตั้งยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 255/50R17 สี่เส้นใหม่บนรถทดสอบยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด ขับด้วยความเร็ว 0-80 กม./ชม. เปรียบเทียบกับยางมิชลินไพรมาซี่ 4 รุ่นเดียวกันที่ใกล้หมดดอก
(2) คำว่า “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึง ยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร
(3) จากผลการทดสอบเสียงภายในห้องโดยสารรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 50-70 กม./ชม. และผลการประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50 กม./ชม. ดำเนินการทดสอบโดย บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำขอของมิชลิน
(4) จากผลการทดสอบระยะเบรกตามเงื่อนไขในข้อ 1) เปรียบเทียบระหว่างยางใหม่ของมิชลิน ไพรมาซี่ 4 และยางใหม่ของคู่แข่งชั้นนำ
(5) จากผลการทดสอบระยะเบรกตามเงื่อนไขในข้อ 1) เปรียบเทียบระหว่างยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ใกล้หมดดอกกับยางของคู่แข่งชั้นนำในสภาพเดียวกัน


คุณเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C


●   คุณเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C เปิดเผยว่า “สมรรถนะของยางรถยนต์ในการเบรกและการเกาะถนน โดยเฉพาะบนถนนเปียก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย ทุกวันนี้ผู้บริโภคชาวไทยเลือกใช้ยางรถยนต์ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของยางใหม่แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่สามารถรู้ถึงสมรรถนะของยางหลังจากใช้งานไปแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่มิชลินก้าวไปอีกขั้นด้วยการมุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่า ยางของเราให้ความปลอดภัยยาวนานแม้จะผ่านการใช้งานจนใกล้หมดดอกก็ตาม”

●   สำหรับงานเปิดตัว มิชลิน ไพรมาซี่ 4 จัดขึ้นที่โรงแรม เรเนอซอง พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Cyrille Roget ตำแหน่ง Michelin Worldwide Director of Scientific & Innovation Communication, Michelin Headquaters, France มาอธิบายประวัติความเป็นมา และเทคโนโลยีต่างๆ ของมิชลิน รวมทั้ง Mr. Louis Giraud ตำแหน่ง Marketing Director Passenger Car East Asia & Oceania และ Mr. Kajornpop Muller ตำแหน่ง Project Manager ที่มาช่วยตอบคำถามสื่อมวลชน

ลองของจริงที่สวนนงนุช

●   หลังจากเปิดตัวแล้ว วันรุ่งขึ้นมิชลินก็จัดให้ได้ลองสมรรถนะยาง ไพรมาซี่ 4 ที่สวนนงนุช ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก แบ่งเป็น 3 สถานี ประกอบด้วยระยะเบรกบนถนนเปียก เปรียบเทียบกับยางอีก 2 ยี่ห้อ การทดสอบเรื่องความสั่นสะเทือน เปรียบเทียบกับยาง 1 ยี่ห้อ และการทดสอบประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนด้วยการขับแบบยิมคาน่า ไม่ได้เปรียบเทียบกับคู่แข่ง

การทดสอบระยะเบรกบนถนนเปียก

●   เริ่มด้วยการทดสอบระยะเบรกบนถนนเปียกจาก 80-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 เปรียบเทียบกับยางอื่นอีก 2 แบรนด์ ใช้ยาง 2 ชุด คือ ยางใหม่ และยางที่ถูกปั่นเอาดอกยางออกหรือ Buffing เสมือนยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจนดอกยางใกล้หมด จากยางใหม่ที่ดอกยางสูงประมาณ 8 มิลลิเมตร ถูกปั่นออกให้ดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร ส่วนสะพานยางที่อยู่ในร่องยาง มีความสูงประมาณ 1.8 มิลลิเมตร เมื่อดอกยางสึกเสมอกับสะพานยางก็ควรเปลี่ยนยางใหม่

●   เพื่อนสื่อมวลชนและตัวผมเองสงสัยเหมือนกันว่า ในการใช้งานจริงกว่าดอกยางจะสึกเหลือ 2 มิลลิเมตร ต้องใช้เวลาหลายปี สภาพเนื้อยางและโครงสร้างต่างๆ ของยางย่อมเสื่อมลงมากกว่าการนำยางใหม่มาปั่นดอกยางออก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของมิชลินก็ให้คำตอบว่า ประสิทธิภาพการรีดน้ำขึ้นอยู่กับลักษณะของดอกยางเป็นหลัก เนื้อยางมีผลไม่มากนัก และในอนาคตจะมีการทดสอบเปรียบเทียบคุณสมบัติของเนื้อยางหลังจากยางผ่านการใช้งานแล้ว โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการทดสอบแบบนี้ใช้อ้างอิงได้ เพราะยางแบรนด์อื่นที่ใช้ในการทดสอบเปรียบเทียบ ก็เป็นการนำยางใหม่มาปั่นดอกยางออกเช่นเดียวกัน

●   แนวคิดของการทดสอบสถานีนี้คือ ลักษณะของร่องยางของ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ออกแบบเผื่อไว้เมื่อดอกยางสึกเกือบถึงสะพานยาง ทำให้ยังคงประสิทธิภาพการรีดน้ำได้ดี แม้ดอกยางใกล้หมดนั่นเอง

●   ยางทุกเส้นถูกติดตั้งในล้อแม็กลายเดียวกันเพื่อตัดตัวแปรเรื่องน้ำหนักของล้อ และใช้รถทดสอบคันเดียวกันเพื่อตัดตัวแปรเรื่องสภาพรถ ล้อและยางทุกชุดที่เตรียมไว้เปลี่ยน ก่อนการทดสอบได้ทำการใส่กับตัวรถเพื่อตั้งศูนย์ถ่วงล้อและมาร์คไว้ เพื่อเวลาสลับยางจะได้ใส่ในตำแหน่งเดิม ตัดตัวแปรเรื่องศูนย์ล้อ และที่สำคัญคือ ผู้ทดสอบ รับหน้าที่โดยนักแข่งรถทั้งทางเรียบและทางฝุ่นอย่าง มานะ พรศิริเชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะเบรกได้แรงสม่ำเสมอกันทุกครั้ง ซึ่งมีผลมากต่อระยะเบรก

●   อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในการทดสอบคือ Performanc Box วัดความเร็วและระยะทางโดยใช้สัญญาณดาวเทียม มีความแม่นยำสูง ตั้งที่เครื่องไว้ว่าให้เริ่มวัดระยะที่ความเร็ว 80-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ความเร็วก่อนเบรกจะเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปนิดหน่อยก็ไม่มีผลอะไร แต่เท่าที่ดูผ่านจอมอนิเตอร์ที่มีการถ่ายทอดภาพหน้าจอ Performance Box จากในรถมาให้ดู ผู้ขับทดสอบก็สามารถรักษาความเร็วก่อนเบรกได้ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแทบทุกครั้ง

●   สถานีทดสอบมีการฉีดน้ำให้พื้นเปียกชุ่มอย่างสม่ำเสมอทุกรอบ เริ่มต้นด้วย มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ยางใหม่ ทดสอบ 3 รอบแล้วเปลี่ยนเป็นยางที่ดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร 3 รอบ เปลี่ยนยางจนครบ 3 ยี่ห้อแล้วสรุปผลการทดสอบ

ทดสอบความสั่นสะเทือน

●   ย้ายสถานที่ทดสอบแต่ยังคงอยู่ภายในสวนนงนุช ซึ่งมีเนื้อที่เฟสแรกกว่า 1,700 ไร่ เป็นลานจอดรถบัสที่มีความลาดเอียงเล็กน้อย ขับรถกันไปเป็นกลุ่มโดยมี Instructor นั่งไปด้วย มีรถฮอนด้า แอคคอร์ด และโตโยต้า คัมรี่ รอบแรกได้ลองรถที่ใส่ยางแบรนด์อื่น ขับไปจอดบนเนินจากนั้นใส่เกียร์ว่างแล้วปล่อยให้รถไหลผ่านเชือกที่วางขวางถนนไว้ ฟังเสียงและความสั่นสะเทือน จากนั้นจึงสลับมาขับรถรุ่นเดียวกันที่ใส่ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 การฟังเสียงและจับความรู้สึกเรื่องความสั่นสะเทือน ทำได้ยาก การทดสอบจึงติดตั้งเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือน เป็นสมาร์ทโฟนที่มีแอพพลิเคชั่น

ทดสอบการยืดเกาะถนน

●   มิชลิน ไพรมาซี่ 4 แม้อยู่ในกลุ่มยางคอมฟอร์ทเน้นความนุ่มเงียบและการรีดน้ำ แต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องประสิทธิภาพการยืดเกาะบนถนนแห้ง ด้วยการออกแบบหน้ายางให้มีพื้นที่หน้าสัมผัสหรือ Contact Patch ที่มากกว่ารุ่นเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับไพรมาซี่ 3 ในสภาพยางใหม่ด้วยกัน ระยะเบรกบนถนนแห้งที่ความเร็ว 80-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไพรมาซี่ 4 จะสั้นกว่า 0.65 เมตร และเมื่อยางสึกหรอไปแล้ว ระยะเบรกของไพรมาซี่ 4 ก็ยังคงสั้นกว่า 0.90 เมตร (ทดสอบโดย TUV Rheinland) อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีการยึดเกาะถนนแห้งที่ดี คือ การออกแบบให้แรงกดที่หน้าสัมผัสยางมีการกระจายตัวอย่างสมดุล ช่วยให้พวงมาลัยตอบสนองได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง

●   พิสูจน์สมรรถนะการยึดเกาะถนนบนทางแห้งด้วยกิจกรรมสนุกๆ ขับแบบยิมคาน่า ด้วยเลย์เอาท์เส้นทางง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ขับมีสมาธิกับการควบคุมรถมากกว่าต้องจดจำเส้นทาง รอบสาธิต มานะ พรศิริเชิด ทำเวลาได้ประมาณ 25 วินาทีนิดๆ ส่วนสื่อมวลชนที่ทำเวลาดีที่สุดได้ประมาณ 26 วินาที การขับยิมคาน่า ไม่ได้เน้นความเร็วแบบสุดๆ แต่ต้องขับด้วยความเร็วที่พอดี ไม่ช้าเกินไปและไม่เร็วเกินไปจนรถเสียการควบคุม

●   ในประเทศไทย ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 วางตลาดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา มีทั้งแต่ขนาด 15-19 นิ้ว รวม 31 ขนาด ครอบคลุมการใช้งานร่วมกับรถยนต์ชั้นนำหลายรุ่น เช่น โตโยต้า แคมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด, บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 5, เมอร์เซเดส อี-คลาส และ ซี-คลาส และรถยนต์รุ่นอื่นๆ

●   สนใจเชิญได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ไทร์พลัส และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th ส่วนราคายางแต่ละรุ่นย่อย สามารถเช็คราคาได้ตามลิ๊งค์นี้ครับ  ●


2018 MICHELIN Primacy 4, Opening