MICHELIN ซื้อกิจการผู้ผลิตยาง Off-Road แบรนด์ Camso
Press Release
● มิชลิน ผู้ผลิตยางยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส ประกาศซื้อกิจการ แคมโซ่ ผู้ผลิตยางออฟ-โรดซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองมาก๊อก รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงกิจการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัญจรนอกทางหลวง (Off-the-road: OTR) ทั้ง 2 บริษัทจะทำงานร่วมกันโดยแยกเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ และมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่รัฐควิเบก
● ปัจจุบัน แคมโซ่มีมูลค่ายอดจำหน่ายสุทธิอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยแคมโซ่นั้นเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจออกแบบ ผลิต และจำหน่ายโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสัญจรนอกทางหลวงมาตั้งแต่ปี 1982 และเป็นผู้นำของตลาดแทร็ค (หรือ “ตีนตะขาบ”) ที่ผลิตจากยางสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงรถประเภทที่ใช้วิ่งบนหิมะ หรือ Snowmobile ยางตัน และยางผ้าใบสำหรับเครื่องจักรขนย้ายวัสดุ
● นอกจากนี้ แคมโซ่ยังเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่เป็นผู้นำตลาดการก่อสร้าง โซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับแทร็คและยางสำหรับเครื่องจักรกลหนักขนาดเล็ก รวมถึงมีเทคโนโลยีแทร็ค, ระบบที่เกี่ยวข้อง, โรงงานการผลิตที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในศรีลังกา ทั้งนี้ชื่อของแบรนด์ แคมโซ่ (Camoplast) และแบรนด์ โซลิดีล (Solideal) นับเป็นแบรนด์ชื่อดังที่มีลูกค้าจดจำในวงกว้าง ทำให้แคมโซ่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 7% ต่อปีตั้งแต่ปี 2012
● การเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ จะช่วยให้มิชลินก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดยางนอกทางหลวงได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่สำนักงานใหญ่ที่ควิเบก จะช่วยให้ธุรกิจใหม่ได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของฝ่ายบริหารแคมโซ่ และการดำเนินธุรกิจของมิชลินที่มีมาช้านานในแคนาดา ไม่ว่าจะเป็นเมืองลาวาล รัฐควิเบก และรัฐโนวาสโกเชีย กลุ่มธุรกิจใหม่นี้จะมียอดขายมากกว่า 2 เท่าของยอดขายแคมโซ่ในปัจจุบัน และยังนับเป็นข้อได้เปรียบจากการที่แคมโซ่มีโรงงานผลิตกว่า 26 แห่ง และพนักงานกว่า 12,000 คนด้วย
● มิชลินคาดว่า การวางตำแหน่งสินค้าและบริการของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน และการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลดี อาทิ:
ในเชิงการตลาดและการขาย
● กลุ่มตลาดยางเพื่อการเกษตร มิชลิน/แคมโซ่จะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ครอบคลุม ทั้งยางเรเดียลแบบพรีเมี่ยม และแทร็คสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร ต่อด้วย ตลาดการก่อสร้าง แคมโซ่จะช่วยเสริมมิชลินโดยการนำเสนอยางไบแอสและแทร็ค ส่วน ตลาดสำหรับเครื่องจักรขนย้ายวัสดุ มิชลินจะช่วยหนุนให้แคมโซ่และโซลิดีล สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของตลาดยางชนิดไร้อากาศได้
● เครือข่ายการกระจายสินค้าของทั้งมิชลินและแคมโซ่ที่ส่งเสริมกันและกัน จะช่วยเร่งให้กลุ่มธุรกิจใหม่นี้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วด้วย
ในเชิงเทคโนโลยี
● การทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยของแคมโซ่และมิชลิน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถเชิงนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เกี่ยวกับแทร็ค และยางไร้อากาศ การผสานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาจะช่วยเน้นย้ำความเป็นผู้นำของมิชลินในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการสัญจรอย่างยั่งยืน
● ปัจจุบัน การนำเสนอยางที่โดดเด่นเรื่องสมรรถนะและสามารถใช้งานได้ยาวนาน นับเป็นสิ่งที่ทำมิชลินก้าวล้ำคู่แข่ง อีกทั้งยังเป็นตัวแปรสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมิชลิน เช่น การลดการบดอัดดิน และการเพิ่มแรงฉุดลาก จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าที่แคมโซ่พัฒนาขึ้นมามีสมรรถนะที่ดีมากกว่าเดิม
ในเชิงการผลิต
● แคมโซ่มีฐานการผลิตที่เข้มแข็งในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศศรีลังกาและเวียดนาม ฌ็อง-โดมินิก เซนาร์ด (Jean-Dominique Senard) ประธานบริหารกลุ่มมิชลินกล่าวว่า “มิชลินและแคมโซ่มีค่านิยมหลายอย่างคล้ายกัน การควบรวมกิจการครั้งนี้นับเป็นโอกาศที่ดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่าย มิชลินจะได้รับประโยชน์จากทักษะของแคมโซ่ในกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานนอกทางหลวง และแคมโซ่จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของมิชลินในตลาดกลุ่มยางที่มีคุณสมบัติพิเศษ (specialty)”
● “การได้ทำงานร่วมกับทีมงานยางนอกทางหลวงของมิชลิน นับเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับแคมโซ่ เรามีความคล้ายคลึงกันทั้งในด้านวัฒนธรรมองค์กร และศักยภาพในการเติบโต” ปีแยร์ มาร์กูเย (Pierre Marcouiller) ประธานบริหารของแคมโซ่กล่าว
● “แคมโซ่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัท คือการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มตลาดนอกทางหลวง ทีมงานที่เข้มแข็ง ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและการผลิต รวมถึงหลักแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญจะช่วยเติมเต็มศักยภาพของมิชลิน การควบรวมกิจการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของแคมโซ่ทุกคนเป็นอย่างดี”
● จากการศึกษาและพูดคุยร่วมกับแคมโซ่… มิชลินระบุว่ามีการค้นพบช่องทางในการเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายที่ลดลงหลังการควบรวมธุรกิจน่าจะสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2021 โดยหลังจากการอนุมัติ มิชลินจะเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ในราคา 1,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตีเป็นมูลค่าบริษัท 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 8.3 เท่าของ EBITDA* หลังการควบรวมกิจการ การดำเนินธุรกรรมครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการเงินของกลุ่มบริษัทมิชลินแต่อย่างใด
หมายเหตุ : EBITDA* = กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา คำนวณจากวันที่ 1 เมษายน 2018 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2019
● ในการควบรวมกิจการ มิชลินมีพันธสัญญากับแคมโซ่ ซึ่งประกอบด้วย : (1) ศูนย์กลางการตัดสินใจของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์นอกทางหลวง จะตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในมาก๊อก โดยฝ่ายบริหารรวมทั้งผู้บริหารระดับสูงจะปฏิบัติงานประจำอยู่ที่สำนักงานมาก๊อก (2) จำนวนพนักงานที่สำนักงานใหญ่ของแคมโซ่ (พนักงาน 300 คนซึ่ง 100 คน ทำงานในฝ่ายวิจัยและพัฒนา) ยังคงเท่าเดิม งานด้านการวิจัยและพัฒนาและการผลิตในควิเบก ยังคงดำเนินไปตามปกติ และ (3) ความเชี่ยวชาญที่จำเป็นสำหรับการดูแลธุรกิจดังกล่าวที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วโลก ผนวกกับยอดขายสุทธิที่คาดการณ์ไว้ของของธุรกิจใหม่นี้ จะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูงในเมืองมาก๊อก รัฐควิเบกในอีก 2 – 3 ปี ข้างหน้า
● มิชลินยังระบุว่า การเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ เป็นหนึงในการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง และบริการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังขยายการเติบโตไปสู่วัสดุที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการกระจายสินค้า นอกจากนี้ หลังจากการวิเคราะห์ในเชิงลึก มิชลินยังให้ข้อมูลว่า ผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ เฟนเนอร์ (Fenner PLC) จะเพิ่มสูงมากขึ้นถึง 60 ล้านปอนด์ (อังกฤษ) จากที่ประกาศว่าเพิ่มขึ้น 30 ล้านปอนด์ก่อนหน้านี้
เกียวกับแคมโซ่
• ยอดขายสุทธิปี 2018 (2017-04-01 ถึง 2018-03-31) 974 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• พนักงาน 7,700 คน
• โรงงานการผลิต 17 แห่ง
• ศูนย์วิจัยและพัฒนา 3 แห่ง
• ดำเนินกิจการใน 100 ประเทศ
• เว็บไซท์ camso.co/en.
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มิชลิน ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.michelin.co.th ●