July 28, 2018
Motortrivia Team (10183 articles)

MINI John Cooper Works Convertible เปิดตัวพร้อมลองขับในสนามช้าง

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : มินิ ประเทศไทย

 

●   มินิ ประเทศไทย เปิดตัวรถรุ่นปรับโฉมไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีไฮไลต์เป็นเวอร์ชั่นแรงจากโรงงาน มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ตัวถังแฮทช์แบ็ค 3 ประตู ราคา 3.418 ล้านบาท รวม MSI Standard ล่าสุดมินิ ประเทศไทย เพิ่มอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรงแบบเปิดหลังคารับลม ด้วยการเปิดตัว มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ราคา 3.468 ล้านบาท รวม MSI Standard พร้อมทดลองขับรถในตระกูล JCW ครบทุกรุ่น ทั้งเปิดประทุน, แฮทช์แบ็ค, คลับแมน และคันทรี่แมน ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

●   ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกัน แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี Twin Power Turbo ตัวถังแฮทช์แบ็คและเปิดประทุนมีกำลังสูงสุด 231 แรงม้า ที่ 5,200-6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 32.6 กก.-ม. ที่ 1,450-4,800 รอบต่อนาที ส่วนรุ่นคลับแมนและคันทรี่แมน มีกำลังสูงสุดเท่ากัน แต่มาที่รอบต่ำกว่าคือ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,450-4,500 รอบต่อนาที ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์ Steptronic Sport พร้อม Paddle Shift 8 จังหวะ รุ่นคลับแมนและคันทรี่แมนขับเคลื่อน 4 ล้อ


●   สมรรถนะไม่ธรรมดา รุ่นคอนเวิร์ตทิเบิล เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.5 วินาที ท๊อปสปีด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังคาผ้าใบไฟฟ้าเปิด-ปิด ในเวลา 18 วินาที ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถแง้มหลังคาส่วนหน้าได้ 40 เซนติเมตร โดยไม่จำกัดความเร็ว เรียกว่าเป็นซันรูฟกลายๆ ได้เลย

●   บรรยากาศเปิดตัวเน้นความเป็นกันเองและมีสไตล์ จัดขึ้นที่พิทของสนามช้าง ได้รับเกียรติจาก คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวเปิดงานและอธิบายเกี่ยวกับตัวรถ ต่อด้วยช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นเร้าใจ กับการทดลองขับรถในตระกูล JCW ครบทุกตัวถัง มีการจัดการที่เป็นระบบ ไม่สับสน ทุกคนได้ขับรถทุกรุ่นอย่างทั่วถึง ภายในเวลาที่กำหนด แบ่งรถเป็น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีรถนำ 1 คัน ตามด้วยรุ่นคอนเวิร์ตทิเบิล คลับแมน แฮทช์แบ็ค และคันทรี่แมน ทุกคันห้ามแซงในทุกกรณี ห้ามทิ้งระยะห่างแล้วเร่งความเร็วไล่ตาม และห้ามปิด DSC ถ้ารถนำเห็นว่าขบวนขับชิดกันดีก็จะเพิ่มความเร็วให้ แต่ถ้ามีคันใดคันหนึ่งทิ้งห่าง ก็จะรอเพื่อไปพร้อมกันทั้งขบวน


(จากซ้าย : คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย)


ทดลองขับ MINI JCW ทุกรุ่นแบบเต็มสนาม

●   สนามช้าง มีความยาว 4,554 เมตร กว้าง 12 เมตร 12 โค้ง แบ่งเป็นซ้าย 5 ขวา 7 โค้ง ไม่มีการวางไพลอนเพื่อลดความเร็ว มีแค่ไพลอนแจ้งจุดเบรก เช่น ไพลอนเดี่ยวให้ผ่อนคันเร่ง ไพลอนคู่ให้เบรกปกติ และไพลอน 3 ตัว ให้เบรกหนัก ส่วนในโค้งจะมีไพลอนวางที่ขอบสนามเป็นจุด Apex เพื่อให้ขับตาม Racing Line ได้อย่างถูกต้อง

●   ประเดิมสนามด้วยรุ่นล่าสุด คอนเวิร์ตทิเบิล ซึ่งเป็นคันที่อยู่ถัดจากรถนำ วอร์มเบาๆ ด้วยการเป็นผู้โดยสาร รอบแรกเป็นการขับดูไลน์สนาม จากนั้นหวดเต็มที่ 2 รอบ แม้จะใช้ความเร็วสูง แต่ก็นั่งได้อย่างสบายใจเพราะผู้ขับเป็นสื่อมวลชนรุ่นพี่ที่ขับรถดี เร็วแต่ราบรื่นไม่เหวี่ยงไม่กระชาก ครบ 2 รอบเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับบ้าง ตอนแรกก็ออกจะเกร็งนิดๆ แต่ก็สบายใจขึ้นเมื่อได้รับคำแนะนำดีๆ สำหรับการขับในสนามแข่ง ปรับเบาะและพวงมาลัยให้อยู่ในท่านั่งที่ถูกต้อง เบาะนั่งกระชับพอดี แต่เวลาหมุนพวงมาลัยข้อศอกจะติดปีกเบาะ จะปรับให้แขนเหยียดอีกนิดก็จะขับไม่ถนัด

●   เสน่ห์ของ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ไม่ได้มีแค่ความเป็นรถเปิดประทุนเท่านั้น เมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ เสียงท่อไอเสียจะกระหึ่มทุ้มต่ำ เสมือนเชิญชวนให้กดคันเร่งลึกๆ ปรับโหมดการขับเป็น Sport เปิดประทุนแล้วปิดกระจกข้างเพื่อลดเสียงลม แล้วออกตัวตามรถนำ ก่อนถึงโค้ง 1 จากจุดสตาร์ต Instructor แจ้งผ่านวิทยุสื่อสารว่าเมื่อพวงมาลัยตรงก็กดคันเร่งสุดได้เลย จากที่คลานๆ ออกจากเส้นสตาร์ต เมื่อกดคันเร่งมิด เกียร์ Steptronic Sport ก็เปลี่ยนจังหวะลงต่ำ กระชากรอบให้กวาดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงท่อไอเสียสนั่นอยู่ด้านหลัง คันเร่งยังคงถูกกดจมพื้น จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงมีกระชากนิดๆ ได้อารมณ์ดิบสะใจ ไม่ได้ลองใช้ Paddle Shift เพราะกลัวสับสน ช่วงกลางทางตรงมีโค้งซ้ายบางๆ ที่ทางสนามนับเป็นโค้งที่ 2 แต่แทบไม่รู้สึกเพราะสามารถขับตรงได้เลย

●   พรวดเดียวก็มาถึงเกือบสุดทางตรง ขับผ่านไพลอนเดี่ยวก็ผ่อนคันเร่ง ตามด้วยไพลอนคู่ เริ่มกดเบรกและเลี้ยงเบรกไว้ ก่อนสุดทางตรงมีไพลอน 3 ตัว คือกดเบรกหนัก เพราะโค้ง 3 เป็นยูเทิร์นขวาความเร็วต่ำ หันขวามองหาไพลอนในโค้งซึ่งเป็นจุด Apex คลายเบรก เติมคันเร่ง หมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยว การใช้ความเร็วที่เหมาะสมและขับตามไลน์ที่ Instructor วางไว้ให้ ทำให้ตัวรถมีความมั่นคง แลขยบขะไปได้เร็วอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเองจะขับได้ ออกจากโค้ง เริ่มคลายพวงมาลัย พร้อมกับเติมคันเร่งลงไปจนสุดเมื่อพวงมาลัยตรง ถ้าขับคล่องๆ แล้วใช้ Paddle Shift ก็น่าจะพุ่งออกจากโค้งได้เร็วกว่านี้

●   ต่อเนื่องด้วยโค้ง 4 เป็นโค้งซ้ายกว้าง แค่แตะเบรกลดความเร็วจาก 160 เหลือ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควบคุมรถเข้าหาไพลอนที่เป็นจุด Apex อีกครั้ง รถวิ่งเกือบเป็นแนวตรง ทำให้ใช้ความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัย จากนั้นต้องเบรกหนักอีกครั้ง เพราะโค้ง 5 และ 6 เป็นโค้งซ้ายแคบต่อเนื่อง 2 โค้ง จุดนี้ถ้าไม่วางไพลอนเป็นไกด์ไว้ให้ก็คงสับสนว่าจะเข้าโค้งยังไงให้ปลอดภัยเมื่อใช้ความเร็วสูง ออกจากโค้ง 6 ยังรักษาความเร็วได้ดีเพราะเข้าโค้งถูกไลน์ และเติมคันเร่งเข้าใส่โค้ง 7 ได้เลย เพราะเป็นโค้งกว้าง

●   จากนั้นลดความเร็วลงนิดเพื่อเข้าโค้ง 8 ซึ่งเป็นโค้งขวา และเบรกหนักอีกครั้งเพื่อเข้าโค้ง 9 ซึ่งเป็นโค้งขวาค่อนข้างแคบ ต่อเนื่องโค้ง 10 และ 11 ที่ค่อนข้างกว้าง กดคันเร่งส่งได้ยาวๆ อีกครั้ง ก่อนจะต้องเบรกหนักอีกครั้งเพื่อเข้าโค้ง 12 เป็นโค้งขวาหักศอก ผ่านหน้าแกรนด์สแตนด์ นับเป็น 1 รอบ

●   รอบ 2 เข้าโค้ง 1 ด้วยความเร็วสูงกว่ารอบแรก ใช้ความกว้างของสนามอย่างเต็มที่ ลองแอบกดคันเร่งก่อนพวงมาลัยตรง รถไม่เสียอาการ แต่ไม่พุ่งอย่างที่คิด คาดว่าระบบ DSC คงทำงาน ทางตรงช่วงแรกยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ขับเปิดแอร์ นั่ง 2 คน ได้ความเร็วก่อนเบรกประมาณ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัยนิ่งมั่นคง ขับได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรตัดหน้า การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงในไลน์ที่ถูกต้อง ทำให้ไม่ต้องออกแรงควบคุมพวงมาลัยมากนัก น้ำหนักของพวงมาลัยหนืดมือพอเหมาะกับการขับสไตล์สปอร์ต ไม่มีอาการ Torque Steer ให้สัมผัส ยางขนาด 205/40/18 ดูจะเล็กไปนิดโดยเฉพาะเวลาเบรกหนักๆ ที่ความเร็วสูง

●   ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบปีกนก ด้านหลังมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งระบบ Adaptive Suspension ลบข้อด้อยเรื่องความแข็งกระด้างของมินิรุ่นเก่า แต่ยังคงความรู้สึกแบบ Go-Kart-Feeling ไว้เช่นเดิม แต่เท่าที่ลองขับรู้สึกจะปรับให้นุ่มลงพอสมควร รองรับกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ระบบกันสะเทือนหนึบแน่นมั่นใจ เกาะจิกโค้งและพุ่งออกได้แบบนิ่งๆ บวกกับตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทำให้ควบคุมแรงม้าที่มีอยู่ได้อย่างสบายมือ

●   รอบต่อไปย้ายไปนั่งในคันทรี่แมน ที่อยู่คันสุดท้ายในกลุ่ม ซึ่งก็เป็นการวางตำแหน่งรถที่ถูกต้องแล้ว เพราะไปได้ช้ากว่าคันอื่นเนื่องจากรถสูงใหญ่ แม้กดคันเร่งออกจากโค้งพร้อมคันอื่น แต่ก็จะถูกทิ้งห่างพอสมควร ไปทันกันอีกทีก่อนเข้าโค้ง ในโค้งก็จะมีอาการโยนตัวเยอะกว่ารุ่นอื่นซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของรถสูง

Mini John Cooper Works Convertible

●   โฉบเฉี่ยวด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่งสหราชอาณาจักร โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง ส่วนไฟหน้ามาพร้อมเทคโนโลยี Adaptive LED ทำงานร่วมกับ Matrix light ใช้กล้องหน้ารถตรวจหารถยนต์คันอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงเปิดสูงใส่ ในขณะที่ยังคงส่องสว่างส่วนอื่นๆ ของถนน เพิ่มความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ขับและเพื่อนร่วมทาง มาพร้อมกล้องมองหลังผ่านจอแสดงผลด้านหน้า

●   ภายในยังคงมอบความรู้สึกสปอร์ตด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหนังแท้ แป้นเบรก คันเร่ง และที่พักเท้าสเตนเลส ที่เปิดประตูและวัสดุหุ้มเกียร์ รวมทั้งเพดานห้องโดยสารสีดำ Anthracite ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขับกล่อมด้วยพลังเสียงจากลำโพง Harman Kardon HiFi 12 ตัว พร้อมจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MINI Connected เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับสมาร์ทโฟน มาพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) ติดตั้งบริเวณที่วางแขนกลางเบาะหน้า สามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย พร้อมพอร์ต USB เพิ่มเติม 2 ช่องที่คอนโซลหน้ารถ

●   อุ่นใจด้วยโปรแกรม MINI Service Inclusive (MSI) ให้เลือกสรรตามความต้องการ ด้วยแพ็คเกจเริ่มต้น MSI Standard ที่ครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง

JCW Family

●   นอกจากรุ่นเปิดประทุน ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว มินิ ก็มีรถแรงในตระกูล JCW อีก 3 รูปแบบให้เลือก เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน ทั้ง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตูสุดคลาสสิก สะดุดตาด้วยชุดแต่งในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขนานแท้ โดดเด่นด้วยเส้นสายสีแดงบนตัวรถ และการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ดีไซน์มาเพื่อมอบความรู้สึกของรถแข่งอย่างแท้จริง โครงสร้างน้ำหนักเบาและชุด Aerodynamics ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ช่วยให้มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน อีกหนึ่งรุ่นที่ให้ความคลาสสิก เป็นสมาชิกในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมโชว์ความปราดเปรียวบนทุกสภาพเส้นทาง และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน ที่ผสานการใช้งานที่อเนกประสงค์กับสมรรถนะแบบสปอร์ต

●   มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน เป็นมินิรุ่นที่มีความจุสัมภาระสูงสุด เทียบเท่ากับมินิ คันทรีแมนรุ่นปกติ โดยมีความจุสูงสุด 1,390 ลิตร พร้อมลุยทุกการผจญภัยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 แม่นยำและตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับและทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการลัดเลาะตามทางคดเคี้ยวท่ามกลางสายฝน หรือการผจญภัยในป่า เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.5 วินาที ส่วน มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน พกพาทั้งความสนุกสนานและความอเนกประสงค์ ที่เก็บสัมภาระขนาด 1,250 ลิตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.3 วินาที ห้องโดยสารปลอดโปร่งด้วยหลังคากระจก Panoram เติมเต็มลุคสปอร์ตสุดขั้วด้วยชุดแต่งภายในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์

●   มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน มาพร้อมล้อแม็ก John Cooper Works Course Spoke 2-tone ขนาด 19 นิ้ว จอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว เทคโนโลยีล้ำสมัยให้ผู้ขับเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดด้วยบริการจาก MINI Connected   ●


2018 MINI John Cooper Works : Test Drive