2018 Royal Enfield Classic 500 Pegasus จำกัดจำนวน เปิดจองออนไลน์

1.3Kviews

Press Release

● รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Royal Enfield Classic 500 Pegasus แรงบันดาลใจจากตำนานรถมอเตอร์ไซค์รุ่น RE/WD Flying Flea 125 หรือ “Flying Flea” ที่ถูกสร้างขึ้นที่โรงงานในเมืองเวสวู้ด สหราชอาณาจักร ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจะผลิตแบบจำกัดจำนวน 1,000 คันทั่วโลก และเปิดจองในไทยเพียง 90 คันเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถจองออนไลน์ได้ที่ เว็บไซท์ รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2561 ราคาจำหน่าย 199,000 บาท

● รอยัล เอนฟิลด์ เป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านการผลิตรถเพื่อการทหาร ซึ่งตรงกับสโลแกนของแบรนด์ ‘Made Like a Gun Since 1901’ โดยรอยัล เอนฟิลด์ ได้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์สำหรับปืนใหญ่ รวมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระหว่างช่วงสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และปัจจุบันก็ยังคงผลิตมอเตอร์ไซค์ให้กองทัพอินเดียอย่างต่อเนื่อง

● รอยัล เอนฟิลด์ได้รับเลือกให้ทำการผลิตรถมอเตอร์ไซค์แก่กองทัพอังกฤษ และรัฐบาลของจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยทำการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่คลาสสิค เรียบง่าย ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการผลิตที่โด่งดังมากที่สุดในสงครามโลกคือ Flying Flea รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กเครื่อง 2 สูบ 125 ซีซี. และเข้าร่วมกับกองกำลังทางอากาศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง วันดี-เดย์ (D-Day หรือ Normandy landings) และยุทธการที่อาร์เนม (Battle of Arnhem) ด้วย

● นายอรุณ โกปาล หัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “เรื่องราวของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นฟลายอิ้ง ฟลี เป็นที่น่าจดจำและสร้างแรงบันดาลใจ เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์อื่นๆ สำหรับรอยัล เอนฟิลด์ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์มิลิทารี่ถือเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ของแบรนด์ สอดคล้องกับปรัชญาในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ที่คลาสสิก เรียบง่าย และทนทาน รถมอเตอร์ไซค์ของเรามีบทบาทสำคัญในสงครามโลกทั้งสองครั้ง และมีชื่อเสียงด้านความทนทาน แข็งแกร่งในทุกสภาวะ ซึ่ง รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิก 500 เพกาซัส นับเป็นการย้อนกลับสู่ตำนานสงครามและปรัชญาในการสร้าง รถมอเตอร์ไซค์ที่อเนกประสงค์และทนทาน”

● รอยัล เอนฟิลด์ ผลิตมอเตอร์ไซค์ให้กองทัพอังกฤษที่ประจำการในฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และผลิตรถมอเตอร์ไซค์ให้แก่กองทัพของจักรวรรดิรัสเซีย โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ นับหมื่นคันเข้าร่วมสมรภูมิการรบ แต่มีเพียง Flying Flea เท่านั้น ที่มีความเหมาะสมในการขนส่งผ่านร่มชูชีพไปยังหลังแนวข้าศึก

● Flying Flea มียอดสั่งซื้อมากกว่า 4,000 คันระหว่างช่วงสงคราม มันถูกสร้างขึ้นให้มีความเรียบง่าย ทนทาน และคล่องตัว พร้อมใช้เป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับการรบในแนวหน้า มันเป็นเครื่องมือที่ประเมินค่ามิได้สำหรับทหารพลร่มระหว่างการรบ Flying Flea ถูกปล่อยลงพื้นด้วยร่มชูชีพพร้อมกับกรงเหล็กครอบตัวรถเพื่อป้องกันความเสียหาย บางคันก็ถูกขนส่งมากับเครื่องร่อนฮอร์ซ่า (Horsa Assault Glider) เมื่อถูกส่งไปยังภาคพื้นแล้ว มันได้ถูกใช้งานเพื่อการลาดตระเวน ติดต่อสื่อสาร รวมถึงนำพลทหารเข้าสู่สนามรบ

● เดือนกันยายนปี 1944 Flying Flea ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เดน (Operation Market Garden) ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยกองกำลังสัมพันธมิตรพยายามจบสงครามด้วยการเข้าสู่เยอรมันผ่านทางฮอลแลนด์ ซึ่งในการรบที่อาร์เนม กองกำลังสัมพันธมิตรถูกโอบล้อมด้วยกองทัพรถถังเยอรมันถึง 7 วัน และประสบปัญหาวิทยุสื่อสารเสีย ผู้บัญชาการจึงต้องใช้พลทหารขี่ Flying Flea ในการกระจายข้อมูลการสื่อสารไปยังหน่วยต่างๆ

● สำหรับบทบาทสำคัญในวันดี-เดย์ หรือยุทธการยกพลขึ้นบกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น ขณะที่กองกำลังสัมพันธมิตรกำลังต่อสู้ยึดชายหาดในนอร์มังดีซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านการรุกคืบของเยอรมันมายังยุโรปตะวันตก Flying Flea นับ 100 คันได้ถูกปล่อยจากเครื่องบินลงสู่ชายหาดเพื่อสนับสนุนการรบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจในวันดี-เดย์ ได้เอ่ยชื่นชม Flying Flea ว่าเป็น “Beachmaster” จากความสำเร็จในการปล่อยรถมอเตอร์ไซค์ลงสู่ภาคพื้นดิน

● เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองตำนานของ Flying Flea รอยัล เอนฟิลด์ได้ร่วมมือกับกรมพลร่มของสหราชอาณาจักร พัฒนา Royal Enfield Classic 500 Pegasus โดย มาร์ค เวลส์ (Mark Wells) หัวหน้าด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมของรอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร เราติดต่อพลร่มเมื่อประมาณ 18 เดือนที่แล้ว และบอกว่าเราอยากทำงานร่วมกันในโครงการนี้ ซึ่งความร่วมมือเป็นไปด้วยดี รอยัล เอนฟิดล์ คลาสสิก 500 เพกาซัสใหม่ อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และตำนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่รอยัล เอนฟิลด์เท่านั้นสามารถทำได้ มีแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์สไตล์มิลิทารี่มากมาย แต่มีเพียงรอยัล เอนฟิลด์เท่านั้นที่มี ฟลายอิ้ง ฟลี”

● Royal Enfield Classic 500 Pegasus จะมีตราสัญลักษณ์เพกาซัส ซึ่งเป็นตราเครื่องหมายทางการของกรมพลร่มของสหราชอาณาจักร ประดับอยู่ที่ถังน้ำมันด้านข้าง พร้อมระบุหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ทั้ง 1,000 คัน ตัวรถมีลวดลาย ‘Made Like a Gun’ ที่ฝากล่องแบตเตอรี่ ตราเครื่องหมายและข้อความเหล่านี้ เป็นการตกแต่งจริงของ Flying Flea ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวรถมี 2 เฉดสี ซึ่งเป็นสีเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงสงครามโลก ได้แก่ สีน้ำตาล Service Brown และสีเขียว Olive Drab Green

● ทุกคันมาพร้อมกระเป๋าข้างสไตล์มิลิทารี่ ทำจากผ้าแคนวาสและติดโลโก้เพกาซัส ทั้งคันตกแต่งตามสไตล์มิลิทารี่ ประกอบด้วย แฮนเดิลบาร์สีน้ำตาล, สายรัดหนังพร้อมหัวทองเหลืองบนตัวกรองอากาศ, ท่อไอเสีย, ล้อ, คันสตาร์ท, แป้นเหยียบ และครอบไฟหน้า ทั้งหมดใช้สีดำ ภาพลักษณืโดยรวมเป็นแบบย้อนยุคแบบสงครามโลกทุกกระเบียด

● นอกจากนี้ยังมีสินค้าและอุปกรณ์การขับขี่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์ช่วงสงครามโลก แบบพร้อมจำหน่ายที่รอยัล เอนฟิลด์ เอ็กซ์คลูซีฟ สโตร์ ทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด หมวก พินติดเสื้อ กระเป๋า หรือหมวกกันน็อค โดยสินค้าคอลเลคชั่นนี้ผลิตจะแบบจำนวนจำกัดเช่นกัน ทุกชิ้นมาพร้อมตราสัญลักษณ์เพกาซัสทั้งหมด

● นางสาวณฐพร จิรมหาโภคา ผู้จัดการรอยัล เอนฟิลด์ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “สำหรับประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานแห่งประวัติศาสตร์ของแบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ ด้วยความที่คนไทยมีความหลงใหลในแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ และชื่นชอบความคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ เรายินดีที่จะนำ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิก 500 เพกาซัส ทั้ง 2 เฉดสี คือสีน้ำตาลเซอร์วิส บราวน์ (Service Brown) และสีเขียวโอลีฟ แดรบ (Olive Drab Green) มามอบเป็นของขวัญให้แก่คนไทยในจำนวนจำกัดเพียง 90 คัน เพื่อให้ชาวไทยได้ร่วมเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ประวัติศาสตร์ที่มีเพียง 1,000 คันในโลกคันนี้ โดยจะเปิดให้ทุกท่านได้จองรถผ่านเว็บไซต์ รอยัล เอนฟิลด์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมจนถึง 31 กรกฎาคมนี้เท่านั้นค่ะ”

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ royalenfield.com/thai/motorcycles/classic-500-pegasus ●