August 18, 2018
Motortrivia Team (10170 articles)

BMW Fleet Review ลองรถแรงแบบรวมมิตร เรียนรู้ BMW ConnectedDrive

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย

 

●   บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จัดกิจกรรม BMW Fleet Review นำรถ 10 รุ่นมาให้ทดลองขับ ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่รถแรงรหัส M2 Coupe และ M4 Coupe ขับในรูปแบบเซอร์กิตและจิมคาน่าสลาลอม ในส่วนของการขับเซอร์กิต มีช่วงทางตรงให้ลองอัตราเร่ง มีโค้งแคบที่ต้องเบรกหนัก และโค้งกว้างที่ใช้ความเร็วสูงได้ วางไพลอนเพื่อเป็นจุดสังเกต ไพลอน 2 ตัวเริ่มเบรก ไพลอน 3 ตัวเบรกหนัก และไพลอนเดี่ยวในโค้งเป็นจุด APEX ปิดท้ายด้วยการจำลองเหตุการณ์หักหลบกะทันหัน ส่วนการขับแบบจิมคาน่า เน้นเส้นทางง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ขับแบบสลาลอมออกจากจุดสตาร์ต วนกลับรถแล้วเข้าสลาลอมอีกครั้ง จากนั้นเบรกให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ถ้าขับโดนไพลอน หลงทาง หรือเบรกไม่อยู่ในกรอบที่กำหนด จะไม่นับเวลา เล่นกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องบวกเวลาเพิ่ม

●   อุ่นเครื่องด้วยการขับแบบเซอร์กิต มีรถทั้งหมด 8 รุ่น ประกอบด้วย 320d M Sport, 330e M Sport, 520d Sport, บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport, 630d GT M Sport, 430i Convertible M Sport, X2 sDrive20i M Sport X และ X3 xDrive20d M Sport แต่ละคนจะได้ขับคนละ 2 รอบ ได้ขับ 5 รุ่นเพราะเวลาจำกัด ส่วนการสลับรถให้ทำได้ตามอัธยาศัย มีรถ Instructor ขับนำและปิดท้าย พร้อมให้คำแนะนำผ่านวิทยุสื่อสารตลอดการขับ ความเร็วที่ใช้ไม่ได้เร็วแบบสุดๆ เพราะเป็นสนามเฉพาะกิจ ไม่มี Run-off Area แบบสนามแข่งมาตรฐาน แต่ก็เร็วพอให้ได้สัมผัสบุคลิกของรถแต่ละรุ่นที่แตกต่างกัน


คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย


●   รถเบอร์ 1 เป็นรุ่น 320d M Sport รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน เครื่องยนต์ดีเซล 190 แรงม้า ลากรอบได้ลื่นไหล แรงบิด 40.76 กก.-ม. เหลือๆ สำหรับตัวรถขนาดพอเหมาะ แฮนด์ลิ่งกระชับคล่องแคล่วควบคุมง่าย ช่วงล่างหนึบเบรกหนักแน่นมั่นใจ ราคา 2.459 ล้านบาท

●   ขับครบ 2 รอบสลับรถแบบง่ายๆ ด้วยการย้ายไปขับเบอร์ 2 เป็นรุ่น 330e M Sport ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 184 แรงม้า แรงบิด 29.55 กก.-ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 65 กิโลวัตต์ หรือ 89 แรงม้า แรงบิด 25.47 กก.-ม. กำลังขับรวม 252 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดสุด 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซค์เพียง 42 กรัมต่อกิโลเมตร ราคา 2.759 ล้านบาท

●   อัตราเร่งจี๊ดจ๊าดตั้งแต่รอบต่ำเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วย ลื่นไหลจรดรอบสูงจากพลังของเครื่องยนต์เบนซินที่ทำงานผสานกัน ใช้โหมดสปอร์ต รถพร้อมกระโจนทุกครั้งที่กดคันเร่ง ขับสนุกสะใจ แต่ต้องออกแรงควบคุมกันพอเหงื่อซึม เพราะรถคันเล็ก มีอาการดีดดิ้นพอสนุก อุ่นใจด้วยระบบช่วยเหลือที่ครบครัน ไม่ต้องขับเก่งมากก็สนุกกับความแรงได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งช่วงล่างและเบรกที่ดี เมื่อชินกับรถและเส้นทางแล้วก็ขับได้อย่างเพลิดเพลิน

●   คันที่ 3 เป็น 520d Sport เครื่องยนต์เดียวกับ 320d M Sport แต่ด้วยตัวรถที่ใหญ่กว่า ฐานล้อยาวกว่า ทำให้ความคล่องแคล่วลดลงไปบ้าง แต่ก็ได้ความมั่นคงควบคุมง่ายมาแทน โดยรวมเครื่องยนต์ยังรองรับขนาดของตัวรถได้สบาย เร่งได้ทันใจเหมือนเดิม ใช้งานบนถนนได้อย่างเหลือๆ แน่นอน ราคา 3.439 ล้านบาท

●   จากนั้นสลับรถคันที่ 4 เป็นรุ่น 530e M Sport ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกับ 330e M Sport ส่วนมอเตอร์ไฟ้าแรงกว่าเล็กน้อยจาก 65 เป็น 83 กิโลวัตต์ หรือ 113 แรงม้า แรงบิด 25.47 กก.-ม. ประหยัดสุด 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในไอเสีย 41 กรัมต่อกิโลเมตร สมรรถนะโดยรวมยังจี๊ดจ๊าดแทบไม่ต่างจาก 330e แต่นิ่งกว่าแบบสัมผัสได้ ราคา 3.939 ล้านบาท

●   คันต่อมาเป็นพี่ใหญ่ 630d GT M Sport เน้นแรงบิดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3,000 ซีซี 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 63.17 กก.-ม. ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที ท๊อปสปีด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กินน้ำมันเฉลี่ย 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร ตัวรถสูงใหญ่กว่าเก๋ง การโคลงตัวจึงมากกว่าเป็นธรรมดา จริงๆ แล้วในโค้งตัวรถยังไปได้อีกเยอะ แต่ไม่มั่นใจฝีมือตัวเองเลยย่องๆ เอาหน่อย ถ้ากดคันเร่งถูกจังหวะ จะเจอกับแรงบิดระดับ 63.17 กก.-ม. ที่ดึงหนักต่อเนื่อง อัตราเร่งเหลือเฟือสุดๆ

●   อีกคันที่อยากลองแต่หมดโควต้าซะก่อน คือ 430i Convertible M Sport เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1,998 ซีซี 252 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 35.66 กก.-ม. ที่ 1,450-4,800 รอบต่อนาที เหมือนรวมเอาข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินเข้าไว้ด้วยกัน คือ มีแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำแบบดีเซล แต่ลากรอบได้ยาวต่อเนื่องตามสไตล์เบนซิน ราคาดุตามสมรรถนะและรูปลักษณ์แบบเปิดประทุน 4.259 ล้านบาท

●   ปิดท้ายกิจกรรมเซอร์กิต ด้วยการขับรถรหัสแรง M2 และ M4 ให้เลือกขับกันตามสะดวก ก็เลยกระโดดขึ้น M4 Coupe ที่ว่างอยู่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ทวินเทอร์โบ 2,979 ซีซี 431 แรงม้า ที่ 5,500-7,300 รอบต่อนาที แรงบิด 56.0 กก.-ม. ที่ 1,850-5,500 รอบต่อนาที เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.1 วินาที กินน้ำมันเฉลี่ย 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร เกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ เลือกได้ว่าจะขับแบบอัตโนมัติ หรือผู้ขับเปลี่ยนเกียร์เองด้วยการโยกคันเกียร์เข้าหาตัว เวลาจอดผลักออกจากตัวเพื่อเข้าเกียร์ N และดึงเบรกมือ เพราะรถไม่มีเกียร์ P แบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

●   เร่งออกตัวจากจุดสตาร์ต ทิ้งช่วงจาก M2 Coupe ที่อยู่ด้านหน้า กดคันเร่งสุดพรวดเดียวได้ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนแตะเบรก ช่วงล่างหนึบมากค่อนไปทางแข็ง เจอพื้นสนามไม่เรียบจะเก็บอาการมาหมด แต่ในโค้งก็คมและนิ่งมั่นคง พวงมาลัยหนักแต่ตอบสนองไว ถ้านั่งขับด้วยท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง คงจะหมุนพวงมาลัยลำบาก เบรกได้เฉียบขาดสมกับแรงม้า ถ้ากดเบรกหนักๆ จะกระชากความเร็วได้แบบหัวทิ่ม ต้องจ่ายเงิน 8.909 ล้านบาท เพื่อแลกกับฟิลลิ่งการขับดิบดุดัน ขับสนุก แต่ก็ต้องใช้พลังในการบังคับพอสมควร

●   จากนั้นย้ายไปลองขับ M2 Coupe ในแบบจิมคาน่าสลาลอม มีการจับเวลาเพื่อแจกรางวัลพอให้มีลุ้นกัน สามารถเลือกโหมดการขับได้ทั้งสปอร์ต และสปอร์ต+ ที่จะยอมให้รถออกอาการมากขึ้นหน่อย ถ้าผู้ขับฝีมือดี แก้อาการได้ทันก็จะทำเวลาได้ดี ส่วนผมเลือกแค่โหมดสปอร์ตก็พอ ได้ขับคนละ 2 รอบ รอบแรกดูทาง รอบสองจับเวลา เท่าที่ยืนดูไม่มีใครสะกิดไพลอนหรือหลงทาง แต่มักจะมาตกม้าตายตอนจบ เพราะเร่งความเร็วมากไปเพื่อทำเวลา และเบรกช้าไปจนทะลุกรอบที่วางไว้ ทำให้แพ้ฟาล์ว เรียกเสียงเฮจากบรรดากองแช่งได้เป็นระยะ เวลาเฉลี่ยประมาณ 19-22 วินาที

●   กดคันเร่งออกจากจุดสตาร์ต รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ต้องมองไกลเพราะรถเคลื่อนที่เร็วมาก เลี้ยวอ้อมไพลอนซ้าย-ขวาได้อย่างคมกริบคล่องแคล่ว ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งเมื่อถึงไพลอนตัวสุดท้าย และแตะเบรกเพื่อตีวงกลับรถ ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่ขับก่อนว่าช่วงกลับรถอย่ากดคันเร่งหนัก หรือเข้าไปเร็วเกินไป เพราะถ้าระบบตรวจพบว่ารถเริ่มท้ายปัดหรือล้อหมุนฟรี จะตัดกำลังจากเครื่องยนต์ ทำให้เกิดอาการวอดหรือเหี่ยว เร่งออกจากยูเทิร์นได้ช้า ช่วงยูเทิร์นก็เลยเบรกก่อน หมุนพวงมาลัยพร้อมเลี้ยงคันเร่งเบาๆ พอพวงมาลัยตรงค่อยกดคันเร่งส่ง ขากลับขับสลาลอมอีกครั้ง เมื่อใกล้ออกจากไพลอนตัวสุดท้ายมีจังหวะให้เร่งได้ช่วงสั้นๆ ถ้าหวังจะทำเวลาดีๆ ด้วยการกดคันเร่งยาวๆ มักจะเบรกเลยระยะที่กำหนดทำให้แพ้ฟาล์ว

BMW ConnectedDrive ระบบที่รองรับการใช้ชีวิตในอนาคต

●   นอกจากจะได้ลองขับรถยนต์หลายหลายรุ่นแล้ว ในงานนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มาบรรยายเกี่ยวกับ BMW ConnectedDrive ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัว BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริการ BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance จะเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone

●   ฟีเจอร์พิเศษสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด ได้แก่

●   การแสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ ทุกเวลา

●   การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล ผู้ใช้งานสามารถเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้า ให้ตรงกับเวลาที่ต้องการออกเดินทาง และหากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

●   ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย

●   การประมวลและแสดงผลข้อมูลการ ขับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับ และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน

●   นอกจากฟีเจอร์สำหรับการใช้งานกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance แล้ว BMW ConnectedDrive ยังมาพร้อมฟีเจอร์อีกมากมาย เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดแบบครบวงจร ระหว่างผู้ขับ ยานยนต์ และโลกภายนอก โดยมีบริการพื้นฐานได้แก่ BMW Teleservices บริการที่ช่วยจัดการนัดหมายอัตโนมัติ โดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจะสามารถรับรู้กำหนดของการบริการตามสภาพ (CBS) และทำการแชร์ข้อมูลของรถยนต์กับศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูที่คุณต้องการโดยอัตโนมัติ หรือผู้ขับสามารถทำการติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยตนเองผ่าน BMW Teleservice Call ในเมนู iDrive เพื่อนัดหมายการรับบริการล่วงหน้า พร้อมด้วย BMW Teleservice Battery Guard บริการที่คอยตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ และแจ้งเตือนผู้ขับด้วยการส่งข้อความ SMS หรืออีเมล หากระดับพลังงานในแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่าระดับมาตรฐาน และหากระดับพลังงานในแบตเตอรี่ต่ำกว่าจุดที่วิกฤต ศูนย์บริการจะได้รับการแจ้งให้ทราบโดยอัตโนมัติ เพื่อดำเนินการนัดหมายกับลูกค้าเพื่อเข้ารับบริการได้

●   อีกหนึ่งบริการพื้นฐานของ BMW ConnectedDrive คือ Intelligent Emergency Call ซึ่งช่วยให้ผู้ขับติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินของบีเอ็มดับเบิลยูทางโทรศัพท์เพียงแค่กดปุ่ม SOS ซึ่งสามารถรองรับการบริการได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบเซ็นเซอร์การชนจะส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งพิกัดรถ หมายเลขตัวถัง ชนิดของการชน สถานะของถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัย ไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติเพื่อการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ผู้ใช้งาน BMW ConnectedDrive สามารถเลือกเพิ่มบริการและแอพพลิเคชั่นตามความต้องการผ่าน BMW ConnectedDrive Store โดยมีบริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น

●   Concierge Services: ที่สุดของการบริการกับผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นไดเรกทอรีเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ที่น่าสนใจ เวลาเปิดทำการของสถาบันทางวัฒนธรรม ข้อมูลเที่ยวบิน การแนะนำร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายยา สนามกอล์ฟ หรือธนาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยผู้ใช้งานสามารถโอนย้ายที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ไปยังระบบนำทางของรถได้โดยตรงพร้อมแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการผ่านระบบนำทางภายในรถในทันที ผ่านซิมการ์ดที่ถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์

●   Apple CarPlay Support: เข้าถึงฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นโปรดใน iPhone จากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth ไม่ว่าจะฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือการใช้งานแผนที่ Apple Map, iMessage และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จาก iPhone ผ่านการสัมผัสหน้าจอ Control Display ระบบควบคุม iDrive หรือระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

●   Real-Time Traffic Information (RTTI): ระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจรที่สามารถแสดงข้อมูลสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที เพื่อแนะนำเส้นทางไปยังจุดหมายที่รวดเร็วที่สุด พร้อมแสดงสภาพอากาศบนแต่ละเส้นทาง ผ่านทั้งระบบนำทางภายในรถและแอพพลิเคชั่น BMW Connected

●   Web Radio: ฟังเพลงโปรดผ่านวิทยุออนไลน์กว่าหมื่นสถานีจากทั่วโลก หรือเลือกฟังเพลงจากสถานีวิทยุส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ตอย่าง Spotify ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

●   BMW Online: ติดตามข้อมูลข่าวสารและสภาพอากาศล่าสุดจาก RSS feed และข้อมูลสภาพอากาศประจำวันโดยละเอียด รวมถึงพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 4 วัน และยังมีบริการ Online Search ที่สามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่าง ๆ และส่งข้อมูลไปยังระบบนำทางในรถโดยอัตโนมัติ

●   Remote Services: เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของรถยนต์ เช่น ระยะทางหรือสถานะของหน้าต่างและประตูจากแอพพลิเคชั่น BMW Connected บนโทรศัพท์ หรือเว็บไซต์ BMW ConnectedDrive ซึ่งบริการนี้ยังสามารถควบคุมระบบปรับอากาศและระบบไฟจากระยะไกลได้

●   เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นในทุกที่และทุกเวลา ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อบริการ BMW ConnectedDrive เข้ากับแอพพลิเคชั่น BMW Connected เพื่อใช้งานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ บีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทาง iPhone หรือ Apple Watch ซึ่ง BMW Connected มาพร้อมบริการที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน ได้แก่

●   BMW Connected Send To Car: ส่งข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ทางอินเตอร์เน็ตหรือสมาร์ทโฟน หรือข้อมูลนัดหมายการประชุมจากปฏิทิน ไปยังระบบนำทางในรถยนต์ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย

●   Time-To-Leave Notification: แอพพลิเคชั่น BMW Connected จะแจ้งเตือนเวลาที่ควรออกเดินทางผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะเดินทางถึงที่หมายได้ทันเวลา โดยระบบจะคำนวณเวลาในการเดินทางจากตำแหน่งของรถและสภาพการจราจรในช่วงเวลานั้น

●   BMW Connected Remote 3D View : แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถที่จอดอยู่ด้วยภาพสามมิติ โดยสามารถเลือกมุมมองต่าง ๆ ได้ผ่านทาง iPhone

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.bmw.co.th   ●


2018 BMW (Thailand) Fleet Review