Nissan และการไฟฟ้านครหลวง ลงนามความร่วมมือในติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าในที่พักอาศัย
ภาพ : จันทนา เจริญทวี
● การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงข่าวลงนาม MOU ทำข้อตกลงดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัยเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งนิสสันตั้งเป้าหมายจะเปิดตัว Nissan Leaf รุ่นล่าสุด เจนเนอเรชั่น 2 ในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้
● การลงนามข้อตกลงในวันนี้มีขึ้นที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้านครหลวง เพลินจิต กรุงเทพฯ โดยเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมให้กับอุปกรณ์ชาร์จไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนน สร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางในประเทศไทย โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ จัดทำคู่มือการใช้งาน และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า
จากซ้าย : นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง และ มร. อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย
● นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปี กฟน. ในปีนี้ กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคต เนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัด โดย กฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายราย”
● “การลงนามกับ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดย กฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสัน และเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เช่น ตัวแทนจำหน่าย หรือส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการ เป็นต้น”
● “ความร่วมมือดังกล่าว ยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภท ปลั๊ก-อิน ไฮบริด(Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ”
● นอกจากนี้ กฟน. ยังเตรียมการจัดทำแอพพลิเคชั่น MEA EV Application สำหรับสมาร์ทโฟน โดยเวอร์ชันล่าสุด 2.0 จะรองรับการใช้งานทั้งบน Android และ iOS เพื่อใช้ในการค้นหาสถานีชาร์จ, การจองหัวชาร์จแบบเรียลไทม์, มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จ พร้อมควบคุมการชาร์จผ่านระบบรีโมทด้วยแอพฯ ได้ทันที โดยมีฟังก์ชั่นการแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จ, การคำนวณอัตราการประหยัดพลังงาน รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ ที่จะจัดทำเพิ่มเติมในอนาคตเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับด้วย
● มร. อันตวน บาร์เตส (Antoine Barthes) ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “นิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก โดยได้รับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายมาเป็นระยะเวลานานกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ นอกจากนั้น ลีฟยังเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility: NIM) ซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การขับอย่างชาญฉลาด และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย”
Nissan Intelligent Mobility
● Nissan Intelligent Mobility คือวิสัยทัศน์ที่อยู่เบื้องหลังในการพัฒนารถยนต์นิสสันรุ่นใหม่ทุกรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริด ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนผู้คนทั่วโลกสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น โดยนิสสันได้ทำการลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์
● “บันทึกความเข้าใจนี้เป็นก้าวหนึ่ง ซึ่งนิสสันเป็นผู้นำโลกในการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ประเทศไทย นี่เป็นข้อตกลงที่สำคัญระหว่าง กฟน. และ นิสสัน ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่า เราจะมีสถานีชาร์จประจำบ้านสำหรับลูกค้าลีฟของเรา ก่อนการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้านี้สู่ประเทศไทยในปีงบประมาณนี้” มร. บาร์เตส กล่าวเสริม
● นิสสันยังระบุว่า แนวโน้มความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยยังคง “แข็งแกร่ง” โดยเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา นิสสันได้ใช้บริการ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน เพื่อศึกษาถึงอนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบว่ากลุ่มเป้าหมายมีความสนใจเป็นอย่างมากในตัวผลิตภัณฑ์อย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยให้ข้อมูลว่า พวกเขาจะพิจารณาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นยานพาหนะคันต่อไปของพวกเขาอย่างแน่นอน
● “นิสสันเชื่อว่า รถยนต์เป็นมากกว่ารถยนต์ และเราเป็นบริษัทผู้บุกเบิกโซลูชั่นที่ทันสมัยเพื่อการพัฒนาเมืองในอนาคต บันทึกความเข้าใจนี้จะทำให้เราก้าวสู่เป้าหมายใกล้เข้าไปอีกขั้น เพราะเราเชื่อว่าอนาคตคือไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และการใช้งานระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ” มร. บาร์เตส กล่าวปิดท้าย
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้ที่ www.nissan.co.th ●