Formula One News : อัพเดทความเคลื่อนไหว 10-9-2018
Posted by : FascinatorFJ.
ฟานดัวเนหลุดเก้าอี้นักขับแม็คลาเรน 2019 นอร์ริสเสียบแทน
● แลนโด้ นอร์ริส เด็กปั้นในสังกัดแม็คลาเรน จะขึ้นมาเป็นนักขับตัวจริงในปี 2019 จากการยืนยันของทีมแข่งฐานโวกกิ้ง
● นอร์ริสนั้นเป็นนักแข่งในโปรแกรมเยาวชนของแม็คลาเรนมาตั้งแต่ปี 2017 เขาได้รับการจับตามองอย่างมากมาย โดยเจ้าตัวนั้นพึ่งคว้าแชมป์ ยูโร เอฟทรี มาเมื่อปีที่แล้ว และกำลังขับเคี่ยวกับ จอร์จ รัสเซล เด็กปั้นในสังกัดเมอร์เซเดส กับการแย่งแชมป์โลกเอฟทูอยู่ในขณะนี้
● แลนโด้ นอร์ริส : “การได้รับการประกาศให้เป็นนักขับตัวจริงของแม็คลาเรนในปี 2019 คือฝันที่เป็นจริง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมมาสักระยะหนึ่งแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นอะไรที่พิเศษที่ผมเคยได้แต่หวัง แต่มันกลายเป็นจริงแล้ว ผมต้องขอขอบคุณทีมงานทั้งหมดที่ได้มอบโอกาสอันสุดพิเศษและความเชื่อที่มีต่อตัวผม ผมรู้สึกเป็นปลื้มที่แม็คลาเรนอนุญาตให้ผมได้สร้างเสริมประสบการณ์ในเอฟวัน ทั้งในการทดสอบและการซ้อมวันศุกร์”
● แซ็ค บราวน์ CEO ของแม็คลาเรน : “เราเชื่อมั่นในตัวแลนโด้ว่ามีความสามารถอันน่าตื่นตา มีศักยภาพเต็มเปี่ยม แลนโด้ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะสร้างทีมในอนาคต และเขาได้สร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับทีมเป็นที่เรียบร้อย ทั้งแลนโด้และคาร์ลอส เราได้คู่หูที่ถึงแม้จะยังหนุ่ม แต่มีประสบการณ์อันทรงคุณค่าในเอฟวันและแม็คลาเรน พวกเขาเป็นตัวแทนของนักขับแม็คลาเรนรุ่นต่อไปที่จะนำพาทีมมุ่งไปข้างหน้า” ●
เมอร์เซเดสยื่นสัญญาอีกปีให้กับบ็อตตาส
● เมอร์เซเดสได้ออกมายืนยันเป็นที่เรียบร้อย วาลท์เทรี บ็อตตาส นักขับฟินน์ในสังกัด จะยังคงอยู่กับทีมต่อไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นสุดฤดูกาลหน้า
● โตโต้ โวล์ฟ ทีมบอสเมอร์เซเดส ได้จับตาดูตลาดนักขับเอฟวันอย่างใกล้ชิด ซึ่งดูเหมือนว่าในตอนแรก แดเนียล ริคคิอาร์โด จะมีโอกาสมากทีเดียวที่จะถูกเลือกมาลงเป็นทีมเมท ลูวอิส แฮมิลตัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะยังมีโชคไม่ดีเข้ามาปะปน แต่ด้วยศักยภาพที่บ็อตตาสแสดงออกมานั้น ทางทีมจึงได้ตัดสินใจต่อสัญญากับนักแข่งฟินน์ออกไป พร้อมทั้งมีออพชั่นสัญญาอีก 1 ปี ถึงปี 2020
● วาลท์เทรี บ็อตตาส : “ผมจะยังคงอยู่กับทีมต่อไปในปี 2019 และมีออพชั่นต่อสำหรับปี 2020 ผมพอใจเป็นอย่างยิ่ง ผมรักที่จะทำงานกับทีมนี้ ผมรักสปิริตของทีม บรรยากาศในทีม และทุกคนที่ผลักดันอย่างหนักเพื่อหวังผลที่ดี ผมจะทำสิ่งที่ดีที่สุดต่อไปเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีเหล่านั้น ผมมุ่งมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ เสมอมา”
● โตโต้ โวล์ฟ : “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต่อสัญญากับวาลท์เทรีออกไปอีก 1 ฤดูกาล ศักยภาพของวาลท์เทรีนั้นยอดเยี่ยมสม่ำเสมอตลอดฤดูกาล และถ้าไม่เป็นเพราะความผิดพลาดของเราและความโชคไม่ดีของเขา เขาอาจจะนำคะแนนสะสมอยู่ในขณะนี้”
● “ในตอนที่เราตัดสินใจเลือกวาลท์เทรีสำหรับปี 2019 เราไม่ได้เลือกแต่เพียงแค่ความเร็วหรือการทำงาน แต่รวมลักษณะบุคลิกด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ของเขากับทีมรวมถึงลูวอิสนั้นเปิดกว้างและเชื่อมั่น ไม่มีการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น” ●
แม็กนุสเซนแพ้คดีให้กับเอเยนต์เก่า
● เควิน แม็กนุสเซน นักแข่งสังกัดฮาส ได้แพ้คดีความให้กับเอเยนต์เก่า ผู้ซึ่งเขาจะต้องจ่ายรายได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เขาได้รับจนถึงปี 2021
● ศาลในเดนมาร์กได้ตัดสินให้ ดอร์ท ริส แมดเซน ต้องได้รับรายได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ของนักแข่งแดน ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2015 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2021 หลังจากที่เคสนี้ได้เรื้อรังมาหลายปี
● แม็กนุสเซนและแมดเซนนั้นทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน โดยพวกเขาบรรลุข้อตกลงร่วมกันในปี 2011 ที่จะให้ส่วนแบ่งแมดเซน 20 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ที่แม็กนุสเซนได้ ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2021 แต่ในปี 2010 นักแข่งแดนได้รับการสนับสนุนเพิ่มจากเศรษฐีพันล้านจากประเทศบ้านเกิดของเขา แอนเดอร์ โฮลช์ โพฟล์เซน
● โพฟล์เซนและแม็กนุสเซนได้สร้าง “เรซซิ่งเซลสเกเบท” (Racingselskabet) บริษัทซึ่งโพฟล์เซนถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ และแม็กนุสเซน 49 เปอร์เซ็นต์ โดยแม็กนุสเซนนั้นถูกว่าจ้างในฐานะนักขับ และแมดเซนในฐานะผู้จัดการ
● แม็กนุสเซนกับแมดเซนนั้นแตกหักในปลายปี 2014 อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์แดนิช “เอ็กซ์ตร้า เบลเดท์” แม็กนุสเซนนั้นกล่าวในศาลเมื่อต้นปีนี้ว่า เขาผิดหวังกับการสูญเสียเก้าอี้นักขับแม็คลาเรนและไม่มีทั้งแผน B รองรับ ดังนั้นจึงต้องการจบความร่วมมือลง
● ทางบริษัทนั้นได้จ่ายชดเชยให้กับแมดเซนจนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 แล้วก็หยุดจ่ายไปเสียดื้อๆ ดังนั้นแมดเซนจึงได้ตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อที่จะได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เธอคิดว่าสมควรเป็นของเธอ
● ควบคู่ไปกับคดีของแมดเซน แม็กนุสเซนได้ยื่นฟ้องอดีตทนายของเขา คริสเตียน พาชเบิร์ก โดยกล่าวว่า พาชเบิร์กไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของเขาดีพอในตอนที่เขาและแมดเซนทำสัญญากัน
● ศาลได้ตัดสินให้พาชเบิร์กจำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง แต่สัญญาดั้งเดิมนั้นถูกเจรจากันในปี 2010 ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงในปี 2011 ซึ่งเวลาล่วงเลยมานานเกินกว่าที่จะกระทำการใดๆ นั่นหมายความว่าแม็กนุสเซนก็แพ้คดีนี้เช่นกัน และเขาจะต้องชดเชยค่าใช้จ่ายทางกฎหมายจากทั้ง 2 กรณี ●
ที่มา :
• motorsport.com.