October 16, 2018
Motortrivia Team (10191 articles)

2019 Chevrolet Blazer การคืนชีพของ SUV ยุค 70s ในร่างครอสโอเวอร์

เรื่อง : AREA 54

●   เจนเนอรัล มอเตอร์ส คืนชีพให้ Chevrolet K5 Blazer รถฟูลไซส์ SUV ยุค 70s ด้วยการเผยโฉมรถรุ่นใหม่ All-New Chevrolet Blazer โดยทำการย่อส่วนมาอยู่ในร่างของรถครอสโอเวอร์ตามความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย การเปิดตัวมีขึ้น ณ อีเวนท์เฉพาะกิจในเมืองแอทแลนต้า ทว่าราคาจำหน่ายที่เปิดออกมานั้น ค่อนข้างจะสูงไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันอย่าง Ford Edge หรือ Nissan Murano

●   ชื่อของ Blazer กลับมาอีกครั้งหลังจาก K5 Blazer ยุติการผลิตไปในปี 1991 หรือราว 27 ปีที่แล้ว โดย Chevrolet Blazer ใหม่เป็นรถในกลุ่มครอสโอเวอร์ หรือ SUV ขนาดกลาง เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า มีรุ่น AWD เป็นออปชั่น

●   ตัวรถมากับความยาว 4,917 มม. กว้าง 1,915 มม. สูง 1,745 มม. ตัวถังวางอยู่บนฐานล้อขนาด 2,857 มม. เทียบกับ Ford Edge รุ่นล่าสุด (รุ่นบอดี้ 7 ที่นั่ง) Blazer จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย รวมทั้งมีฐานล้อที่ยาวกว่าด้วย ทว่า Blazer จะเปิดตัวด้วยบอดี้ 5 ที่นั่งที่เน้นความสะดวกสบายในห้องโดยสารเท่านั้น และคงจะไม่มีรุ่น 7 ที่นั่งเพิ่มเติมแบบ Edge ในอนาคต

Chevrolet K5 Blazer ทำตลาดในช่วงปี 1969 – 1991

●   Blazer ถูกวางตัวให้อยู่ในกลุ่มรถ SUV หรู แม้รุ่นกลาง-ท๊อปจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง แต่ก็ยังไม่ถึงกับจะดันให้ขึ้นไปชนกับครอสโอเวอร์หรูของแบรนด์เจ้าตลาดอย่างอินฟินิตี้ อย่างไรก็ตาม Blazer นั้นมีความกว้างขวางมากกว่ารุ่นพี่ในค่ายอย่าง Chevrolet Equinox แต่ก็ยังคงให้ความคล่องตัวจากขนาดตัวที่เล็กกว่ารุ่นใหญ่อย่าง Chevrolet Traverse งานออกแบบเห็นได้ชัดว่าเชฟโรเลตต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยลง ต้องการรถเอนกประสงค์ที่ใช้งานได้ทุกวัน รวมทั้งสามารถใช้ทำกิจกรรมในวันหยุดได้ด้วย

●   ห้องโดยสารให้ภาพลักษณ์ความสปอร์ตอย่างเต็มที่ ด้วยการยกงานออกแบบบางส่วนมาจาก Chevrolet Camaro ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่ที่ใช้ชื่อทางการค้าเรียบๆ ว่า Chevrolet Infotainment 3 System ทำงานผ่านจอลอยตัวขนาด 8 นิ้ว ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ตัวระบบรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี 4G LTE Wi-Fi เชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาทั้งหลายได้พร้อมกัน 7 เครื่อง

●   นอกจากนี้ ห้องบรรทุกสัมภาระของ Blazer จะมากับฟังก์ชั่นใหม่ Cargo Management System ช่วยให้ผู้ขับจัดระเบียบสัมภาระ เพิ่มความยืดหยุ่นในการยึดจับสิ่งของได้สะดวกขึ้น โดย Blazer จะนับเป็นรุ่นแรกในเครือ GM ที่ติดตั้งระบบนี้มาจากโรงงาน

●   ในช่วงเปิดตัว Blazer จะมีทางเลือกเครื่องยนต์ให้ 2 แบบ ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐาน เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 193 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 25.9 กก.-ม. และเบนซิน V6 ความจุ 3.6 ลิตร กำลังสูงสุด 305 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 37.1 กก.-ม. ทั้งคู่มีเทคโนโลยี Start/Stop ดับเครื่องยนต์ขณะหยุดนิ่ง ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ รหัส 9T50 ลูกเดียวกับที่ใช้ใน Chevrolet Cruze, Equinox และ Malibu ในการส่งกำลัง โดยรุ่น V6 AWD จะมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการลากจูงในระดับกว่า 2 ตัน หรือ 2,040 กก.

●   อีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานคือ ระบบ Traction Select ช่วยปรับการตอบสนองของตัวรถขณะขับอัตโนมัติตลอดเวลา รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าประกอบด้วยโหมด Normal, Snow, Sport และ Trailer/Tow ส่วนรุ่น AWD จะประกอบด้วย Normal, AWD (4×4), Sport, Off-Road และ Trailer/Tow โดยระบบ Traction Select ในรุ่น AWD นั้นจะมีการตัดการเชื่อมต่อกับเพลาหลังตามความเหมาะสม หมายถึงในบางจังหวะที่ตัวรถไม่ต้องการการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (เช่น ในเมือง หรือการจราจรติดขัด) ตัวรถก็จะเลือกให้ขับเคลื่อนด้วยการหมุนล้อคู่หน้าเท่านั้นโดยอัตโนมัติ

●   การผลิต Chevrolet Blazer จะมีขึ้นที่โรงงานของ GM ในรามอส อาริซเป้ ประเทศเม็กซิโก ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่ผลิต Chevrolet Equinox และ Chevrolet Cruze Hatchback อยู่ก่อนหน้า รถลอทแรกจะถึงมือลูกค้าในสหรัฐฯ ช่วงต้นปี 2019

●   การจำหน่ายเริ่มที่รุ่นย่อยเกรด L ราคา 29,995 ดอลลาร์ หรือประมาณ 9.9 แสนบาท, รุ่น 1LT ราคา 33,495 ดอลลาร์ หรือราว 1.1 ล้านบาท, รุ่น 2LT ราคา 34,495 ดอลลาร์ หรือราว 1.2 ล้านบาท, รุ่น RS ราคา 41,795 ดอลลาร์ หรือราว 1.4 ล้านบาท ปิดท้ายด้วยรุ่น Premier ราคาโดดขึ้นไปเป็น 48,960 ดอลลาร์ หรือราว 1.6 ล้านบาท… บ้านเราผู้แปลคิดว่าไม่ต้องรอ ไม่น่าจะมีลุ้นครับ   ●

2019 Chevrolet Blazer