October 3, 2018
Motortrivia Team (10156 articles)

Mazda ประกาศยุทธศาสตร์พัฒนาชุดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และการเชื่อมต่อ

Press Release

 

●   มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น แถลงการณ์ประกาศยุทธศาสตร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และการเชื่อมโยงการสื่อสารภายในยานยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเร้าใจในการขับ เน้นอารมณ์และความรู้สึกของผู้ขับและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น มีความเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์

●   ยุทธศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยี Sustainable Zoom-Zoom 2030 หรือ การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ซูม-ซูม 2573 โดยกำหนดเป็นพันธกิจสำคัญของบริษัทฯ เพื่อรักษาความสวยงามของโลกใบนี้ให้คงอยู่ รวมทั้งยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตของปัจเจกบุคคล และแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาในพื้นที่แหล่งที่ผู้คนอาศัยอยู่ในสังคมและโลกของเรา

●   มาสด้าระบุว่า แผนงานของเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเชื่อมโยงด้านยานยนต์นี้ จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติตามธรรมชาติของรถยนต์ให้มากขึ้น

ชุดระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (Electrification)

●   มาสด้าตั้งใจลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความสนุกในการขับ โดยจัดการเรื่องขนาดของรถยนต์ และเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้มีน้ำหนักเบา ขณะเดียวกันก็ได้เร่งพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมใช้งานในรถส่วนใหญ่รุ่นใหม่ๆ ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งมาสด้าจะแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสม มีอัตราการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงจากแหล่งพลังงานที่สะอาด หรือจำกัดประเภทของรถยนต์เพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ

●   มาสด้าตั้งเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ “well-to-wheel” ในระดับค่าเฉลี่ยขององค์กร ให้ได้ถึง 90% ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับปี 2010 มาสด้ากำลังจะนำเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพื่อผลิตรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี 2030

●   ในปี 2030 มาสด้าคาดว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า (ชุดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า หรือ Electrification) ในรูปแบบต่างๆ (เช่น PHEV : plug-in hybrid vehicle หรือ mild hybrid) จะเพิ่มขึ้นเป็น 95% ของรถใหม่ที่ถูกผลิตขึ้น ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่ (BEV : battery electric vehicle) จะมีประมาณ 5%

●   มาสด้าจะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 2 รูปแบบ แบบแรกจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว (BEV) และแบบที่สองจะเป็นแบบระบบขยายระยะทางในการขับ หรือ Range Extender ใช้เครื่องยนต์โรตารี่รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และเงียบเป็นพิเศษ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์เท่านั้น)

●   มาสด้าเผยว่า ชุดระบบ Range Extender จะมีการนำเอาข้อดีของเครื่องยนต์โรตารีที่มีขนาดเล็ก แต่ให้พละกำลังแรง มานำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย และมีความเป็นไปได้สำหรับในการใช้งาน ภายใต้ข้อได้เปรียบในเรื่องการออกแบบและการวางตำแหน่งของเครื่องยนต์

●   นอกจากนี้จะมีการใช้ประโยชน์จากการนำมาใช้ทดแทนกันของเครื่องยนต์โรตารี และเชื้อเพลิงในรูปแบบแก๊ส โดยเครื่องยนต์โรตารีจะถูกออกแบบให้สามารถเผาไหม้ด้วยแก๊สปิโตรเลียมเหลว และสำรองแหล่งพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

หมายเหตุ : มาสด้าเคย ชะลอโครงการนี้ในปี 2016 และ ประกาศการพัฒนาอีกครั้งในปี 2017.

เทคโนโลยีเชื่อมโยงการสื่อสาร (Connectivity)

●   เพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาการพัฒนาอันมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มาสด้ากำลังพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมโยงการสื่อสารที่เสนอการยกระดับทางด้านประสบการณ์ในเรื่องความสนุกสนานในการดำเนินชีวิต การเชื่อมต่อผู้คนโดยการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกผ่านทางรถยนต์ ด้วยการนำเสนอคุณค่าใหม่ควบคู่ไปกับความสนุกสนานในการขับ ซึ่งมาสด้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และยกระดับคุณภาพทางสังคมด้วย

●   มาสด้าตั้งปณิธานเพื่อรับผิดชอบต่อปัญหาของสังคม อาทิ ความอ่อนแอเรื่องการสื่อสารระหว่างบุคคลที่เปลี่ยนไปในสังคมปัจจุบัน โดยการเชื่อมโยงผู้คนและสังคมผ่านทางการเชื่อมโลกของการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีในรถยนต์

●   การเชื่อมโยงด้วยการพัฒนาจากโมเดลพื้นฐาน และสะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต โดยการปรับปรุงคุณภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

●   และมาสด้ายังจะมีการยกระดับความร่วมมือกับ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ในการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีเชื่อมโยงการสื่อสารในรถยนต์ด้วย

●   “มีคนกล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในรอบศตวรรษ แต่สำหรับมาสด้า พวกเรามองเห็นว่าสิ่งนี้กลับเป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมรถยนต์รูปแบบใหม่ขึ้นมา”  มร. อาคิระ มารุโมโต คณะกรรมการ, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว

●   “แนวทางใหม่และเทคโนโลยีใหม่ในการเชื่อมต่อ ความเป็นอิสระ การแบ่งปัน และการนำเสนอทางเลือกใหม่ของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าเพื่อที่จะสร้างสรรค์รถยนต์ให้เกิดความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่บนพื้นฐานของปรัชญาอันเป็นเอกลักษณ์ในการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มาสด้าตั้งมั่นกับจิตวิญญาณของคำว่า ‘ไม่เคยหยุดที่จะท้าทาย’ ต่อเนื่องจากการไล่ล่าความสนุกในทุกการขับ และทำงานเพื่อที่จะสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้า และสามารถแข่งขันได้กับหลากหลายแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้”  มร. มารุโมโต กล่าว

●   สำหรับประเทศไทย ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มาสด้า ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.mazda.co.th   ●

หมายเหตุ : ภาพประกอบ 2017 Mazda Vision Coupe Concept