October 2, 2018
Motortrivia Team (10069 articles)

ก่อนถึงบุรีรัมย์ : อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 ครั้งแรกในประเทศไทย (ตอน 6)

Posted by : Man from the Past

 

●   มาถึงเรื่องราวของดูคาติ สุดยอดจักรยานยนต์จาก Bologna นครสำคัญทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี ที่นี่ดูคาติถือกำเนิดขึ้นในปี 1926 หรือ 92 ปีก่อน ผู้ก่อตั้งได้แก่ Antonio Cavalieri Ducati ร่วมกับบุตร 3 คน Adriano, Marcello และ Bruno ทุกคนมีชื่อกลาง Cavalieri และมีนามสกุลเดียวกับผู้เป็นบิดา

●   เดิมดูคาติไม่ได้ผลิตมอเตอร์ไซค์ แต่ผลิตอุปกรณ์วิทยุอย่างหลอดสุญญากาศและตัว condenser ระยะนั้นวิทยุกำลังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสุดๆ กิจการ Societe Scientifica Radio Brevetti Ducati รุ่งเรืองถึงขนาดสามารถก่อตั้งโรงงานอีกแห่งได้ในนครเดียวกันในปี 1935 แต่โชคไม่ดี… อีก 4 ปีต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และโรงงานอุปกรณ์วิทยุของดูคาติได้ตกเป็นเป้าทิ้งระเบิดซ้ำซ้อนของเครื่องบินจากกองทัพพันธมิตร

●   ขณะเดียวกันนั้นเอง Societa Italiana per Applicazioni Tecniche Auto-Aviatorie หรือ SIATA บริษัทเล็กๆ ในนครทูรินก็ได้พัฒนา small pushrod engine เครื่องยนต์ที่มีก้านสูบขนาดเล็กสำหรับติดตั้งจักรยาน ครั้นสงครามสงบในช่วงปี 1945 เพียงเดือนเดียวหลังอิตาลีได้รับการปลดแอก SIATA ก็ประกาศนำออกจำหน่าย โดยใช้ชื่อเครื่องยนต์ว่า Cucciolo แปลว่า เจ้าหมาน้อย

●   ระยะแรก เครื่องยนต์เจ้าหมาน้อยมีผู้ซื้อเป็นบุคคลทั่วไปเพื่อนำไปติดตั้งจักรยานของตัวเอง แต่ต่อมาเริ่มมีนักธุรกิจเข้ามาซื้อแบบเหมาเพื่อนำไปติดตั้งจักรยานที่ตัวเองเตรียมไว้สำหรับขาย เป็นอย่างนี้อยู่ราว 5 ปี ในปี 1950 ยอดขายของเจ้าหมาน้อยก็ทะลุหลัก 200,000 เครื่อง นั่นทำให้ SIATA ได้เข้าไปจับมือดูคาติเพื่อร่วมกันผลิตจักรยานติดเครื่องยนต์แบบที่เรียกกันว่า motorcycle หรือจักรยานยนต์ขึ้นมา

●   มอเตอร์ไซค์คันแรกของดูคาติมีขนาดเล็กมาก หนักแค่ 44 กิโลกรัม ใช้เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 48 ซีซี. วิ่งได้ความเร็วสูงสุด 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่การมีขนาดตัวที่เล็กและวิ่งเร็วไม่มากก็ดีไปอย่าง เพราะมันใช้เชื้อเพลิงแค่ 1.2 ลิตรก็สามารถวิ่งได้ไกลถึงราวๆ 100 กิโลเมตร ซึ่งเข้ากันดีกับภาวะราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงทั่วยุโรป

●   จักรยานยนต์ที่มักถูกมองว่าธรรมดา กำลังกลายเป็นสินค้าไม่ธรรมดา เมื่อยอดขายพุ่งทะยาน ดูคาติจึงเปลี่ยนชื่อรุ่นมอเตอร์ไซค์ที่จำหน่ายจาก Cucciolo เป็น 55M และ 65TL เพื่อเลียนแบบชื่อรถยนต์ที่หลังชื่อแบรนด์ต้องมีรหัสชื่อรุ่นตาม และในช่วงเวลานั้นเอง ตลาดกำลังต้องการมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ขึ้น อันเป็นผลพวงจากความเจริญทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดทั่วยุโรป ดูคาติไจึงด้พัฒนาจักรยานยนต์ใหม่ 2 รุ่น 65TS กับ Cruiser โดยรุ่นแรกเป็นจักรยานยนต์ขนานแท้ ส่วนรุ่นหลังเป็น motor scooter หรือรถสกู๊ตเตอร์มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อน

●   มันไม่ใช่เครื่องยนต์ธรรมดา เพราะจุดระเบิดแบบ 4 จังหวะแบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ จุดนี้ถือเป็นจุดที่ผลักดันให้แบรนด์จักรยานยนต์ดูคาติมีชื่อเสียงในระดับเดียวกับแบรนด์เยอรมันและอังกฤษ ครั้นพอต้นปี 1952 ดูคาติก็ได้นำจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันไปแสดงที่งานรถยนต์นครมิลาน และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

●   อย่างไรก็ดี ในส่วนของ Cruiser จักรยานยนต์รุ่นนี้ถึงแม้จะได้รับการยกย่องให้เป็นยานยนต์น่าสนใจที่สุดที่งาน แต่เมื่อนำออกจำหน่ายกลับไม่ประสบความสำเร็จนัก มันมียอดเพียงไม่กี่พันคันในช่วงการผลิต 2 ปี… เมื่อเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ในปี 1953 จึงมีการแยกกิจการออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Ducati Meccanica SpA ที่จะผลิตจักรยานยนต์ และ Ducati Elettronica ผลิตเครื่องอิเล็คทรอนิคส์ ผู้ที่จะเข้ามาบริหารกิจการในส่วนจักรยานยนต์คือ Dr. Giuseppe Montano ซึ่งเข้ามาพร้อมๆ กับที่บริษัทได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามนโยบายที่รัฐบาลประชาธิปไตยวางไว้ตามแนวทางอิตาลียุคใหม่

●   เพียงปีเดียวหลังการแยกกิจการ ฝั่งดูคาติที่ผลิตจักรยานยนต์สามารถผลิตได้ถึงวันละ 120 คัน… และจากยุค ’50s ดูคาติก้าวเข้าสู่ยุค ’60s ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์จักรยานยนต์ในฐานะผู้ผลิตจักรยานยนต์ขนาด 250 ซีซี. ที่วิ่งเร็วที่สุด ในรุ่น Mach 1 ซึ่งเป็นการเล่นคำประมาณเท่าความเร็วเสียง ครั้นพอถึงยุค ’70 ดูคาติได้เริ่มผลิตมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V Twin หรือเครื่องยนต์กระบอกสูบแฝดรูปตัว V ที่เอื้อต่อการใช้กับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่

●   ในปี 1973 เครื่องยนต์ V-twin ของดูคาติได้ใช้วาล์วแบบ desmodromic valve หรือวาล์วที่เปิด/ปิดด้วยตัวเอง ไม่ใช้ลวดสปริงเปิด/ปิด และนั่นเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการพัฒนาของบริษัทในฐานะผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูง

●   ปี 1985 บริษัทมอเตอร์ไซค์ Cagiva เข้าไปซื้อกิจการมอเตอร์ไซค์ดูคาติ ซึ่งเดิมทีมีแผนจะเปลี่ยนชื่อมอเตอร์ไซค์จากดูคาติเป็นชื่อเจ้าของใหม่ แต่พอตกลงซื้อขาย ปรากฏว่าเจ้าของใหม่ยังคงให้มอเตอร์ไซค์ใช้ชื่อเดิม อีก 11 ปีต่อมาหรือปี 1996 คาจิว่าตกลงรับข้อเสนอจากกลุ่ม Texas Pacific Group หรือ TPG ซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ซื้อขายหุุ้นเพื่อหาประโยชน์ด้านต่างๆ ข้อเสนอคือ ขอซื้อหุ้นกิจการดูคาติร้อยละ 51 ในวงเงิน 325 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1.7 พันล้านบาท ตามด้วยการขอซื้อหุ้นที่เหลือในอีก 2 ปี เพื่อเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว

●   อย่างไรก็ดี หลังได้เป็นเจ้าของเพียงรายเดียว กลุ่ม TPG ได้นำกิจการไปจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับนำหุ้นร้อยละ 65 ออกจำหน่าย ชื่อที่ใช้จดทะเบียนคือ Ducati Motor Holding SpA หรือบรรษัทถือครองกิจการยานยนต์ดูคาติ ก่อนที่ปี 2005 ดูคาติจะกลับไปมีเจ้าของกิจการเป็นคนประเทศตัวเอง หลังกลุ่ม TPG ได้ขายหุ้นทั้งหมดยกเว้นหุ้นเดียวในกิจการ… นั่นคือ Investindustrial Holdings ซึ่งเป็นกองทุนถือครองหุ้นอุตสาหกรรมของ Carlo และ Andrea Bonomi สองพี่น้องผู้มั่งคั่งชาวอิตาลี

●   อิตาลีนั้น นอกจากจะมีฝีมือการผลิตยวดยานขนาดเล็ก ฝีมือการออกแบบยังสุดยอดด้วย ประเด็นการออกแบบที่นักออกแบบและวิศวกรดูคาติยึดเป็นหลักก็คึอ การทำให้จักรยานยนต์สมรรถนะสูงมีคุณค่าในตัวด้วย ไม่ใช่ประเภทแรงแต่ดูไม่สะดุดตา ดูคาติจึงไม่ได้เน้นแบบโครงสร้าง แต่เน้นไปที่การวางเครื่องยนต์ด้วยเครื่อง four-stroke 90-degree V-twin หรือเครื่องยนต์กระบอกสูบแฝดวางแนวตั้ง จุดระเบิด 4 จังหวะ พร้อมวาวล์ที่ออกแบบเชิง desmodromic แต่ดูคาติไม่เรียกเครื่องยนต์นี้ว่า V-twin ตามลักษณะตัวอักษร V แต่เรียก L-twin ตามตัวอักษร L

●   นั่นเพราะตัวเครื่องยนต์มีกระบอกสูบตัวหนึ่งวางในแนวตั้ง ส่วนอีกตัวในแนวราบ ทำให้มีลักษณะเหมือนตัวอักษรดังกล่าว ส่วนวาวล์ desmodromic valve มีความเด่นตรงแต่ละตัวมีฝาปิดและก้านยกเฉพาะ ไม่ใช้ลวดสปริงยกอย่างเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้กันทั่วไป ทำให้การเปิด/ปิดวาลว์ทำได้รวดเร็วขึ้น และไม่มีการสูญเสียกำลังเครื่องยนต์

●   นอกจากนั้น มอเตอร์ไซค์ของดูคาติยังใช้โครงลำตัวที่เรียกว่า trellis frame ทำด้วยเส้นใยคาร์บอน เพื่อลดน้ำหนักและประหยัดเชื้อเพลิง

●   สำหรับ MotoGP นั้น ดูคาติส่งจักรยานยนต์ลงแข่งรายการนี้ในปี 2003 หลังว่างเว้นมานานถึง 30 ปี และในวันที่ 23 กันยายน 2007 Casey Stoner นักบิดเลื่องชื่อชาวออสเตรเลียก็คว้าตำแหน่งแชมเปี้ยนประจำปีครั้งแรกให้กับตัวเองและดูคาติ

●   การกลับมาของดูคาติเกิดพร้อมกับการเปลี่ยนกฏให้รถเครื่องยนต์ 4 สูบ 900 ซีซี. สามารถลงแข่งได้ ผลคือมอเตอร์ไซค์แข่งแบรนด์นี้ได้เป็นมอเตอร์ไซค์วิ่งเร็วที่สุด กระทั่งปี 2007 มีการเปลี่ยนกฏให้ขนาดเครื่องยนต์ลดเหลือ 800 ซีซี. แต่จักรยานยนต์ดูคาติก็ยังเป็นจ้าวแห่งความเร็ว จากนั้นในปี 2009 ดูคาติก็จับมือกับบริษัทบุหรี่มาร์ลโบโร่เพื่อสร้างทีมแข่ง Ducati Marlboro อันสุดเกรียงไกร ทีมงานใช้มอเตอร์ไซค์ดูคาติรุ่น Desmosedici GP9 และใช้สองนักบิดที่เคยเป็นแชมเปี้ยนรายการนี้ ได้แก Casey Stoner กับ Nicky Hayden ส่วน Valentino Rossi สุดยอดนักบิดที่เคยเป็นแชมป์โลก 9 ครั้ง เข้าสังกัดทีม Ducati Corse ปี 2011 และ 2012

●   หลังปีนั้น Rossi หันหลังให้ดูคาติ และกลับเข้าร่ามทีมยามาฮ่าเพื่อลงแข่งในปี 2013 ปีเดียวกันกับทีม Ducati Marlboro ที่จับคู่นักแข่ง Hayden กับ Andrea Dovizioso นักบิดชาวอิตาลี

●   ปี 2014 Dovizioso ได้คู่หูใหม่เป็น Cal Crutchlow นักบิดชาวอังกฤษ แต่เพียงปีเดียวเขาก็อำลาทีมออกไป นั่นทำให้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2015 เมื่อ GiGi Dall’Igna ยอดวิศวกรมอเตอร์ไซค์ชาวอิตาลี่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการ โดยในปีนี้ Dovizioso ลงแข่งคู่กับ Andrea Iannone ซึ่งเป็นนักบิดชาวอิตาลี่เช่นกัน ทั้งสองกลับมาอีกครั้งในปี 2016 โดยในปีนี้ทีมได้ Michele Pirro นักบิดชาวอิตาลี เข้ามาเป็น official tester หรือนักขี่ทดสอบจักรยานยนต์แข่งโดยมี Stoner เป็นผู้คู่หู

●   ปี 2017 Dovizioso ลงแข่งคู่กับ Jorge Lorenzo นักบิดชื่อดังชาวสเปนซึ่งย้ายมาจากทีม Yamaha Factory Racing พร้อมกับสัญญา 2 ปี โดยสรุป นับตั้งแต่ลงแข่งรายการนี้ ดูคาติคว้าชัยชนะสูงสุดได้เพียงครั้งเดียวในปี 2007 จากผลงานของ Stoner ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ก็คือ Ducati Desmosedici GP7 ตามมาด้วยรายการ Superbike World Championship (SBK) ซึ่งดูคาติคว้าตำแหน่งแชมเปี้ยนประจำปีรายการนี้ได้ถึง 31 ครั้งนับตั้งแต่ลงแข่งปี 1988 โดยในจำนวนดังกล่าว 14 ครั้งเป็นแชมป์ประเภทนักบิด และ 17 ครั้งแชมป์ประเภทผู้ผลิต

●   รวมแล้วเมื่อถึงสิ้นปี 2015 ทีมดูคาติมีชัยในการแข่งรายการนี้ 318 นัด   ●


อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 บุรีรัมย์

•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 01.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 02.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 03.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 04.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 05.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 06.
•   อุ่นเครื่อง MotoGP 2018 : ตอนที่ 07.