January 7, 2019
Motortrivia Team (10156 articles)

Nissan จัดแสดงต้นแบบเทคโนโลยีไร้จุดอับสายตา Invisible-to-Visible

Posted by : AREA 54

 

●   นิสสันนำเสนอแนวคิดในการขยายความสามารถของผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Assistant) ไปอีกขั้น โดยจะจัดแสดงเทคโนโลยีต้นแบบใหม่ Invisible-to-Visible หรือ I2V ซึ่งนับเป็นหน่วยย่อยใหม่ในเทคโนโลยีกลุ่ม V2X (Vehicle-to-Everything หรือการเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับฐานข้อมูลอื่นๆ ตามต้องการ) สามารถรายงานสภาวการณ์รอบๆ ตัวรถได้ละเอียดยิ่งขึ้น แม้ว่าผู้ขับจะไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะสายตา (หรือระยะของกล้อง) ก็ตาม

●   โดยพื้นฐาน การทำงานของระบบ I2V ก็คือการเก็บข้อมูลรอบๆ ตัวรถ 360 องศาด้วยเซนเซอร์ กล้อง เรดาห์ หรืออื่นๆ ตามปกติ เพียงแต่นิสสันจะนำข้อมูลเหล่านั้นจากรถคันอื่นๆ ขึ้นไปกองรวมกันทั้งหมดบนคลาวด์ แล้วทำการประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ พื้นที่แบบรีลไทม์ ก่อนจะส่งข้อมูลสภาพแวดล้อมกลับไปยังตัวรถอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ ผู้ขับจะสามารถรับข้อมูลต่างๆ ได้ตามเวลาจริง ทั้งรอบตัวรถ และตามจุดต่างๆ ข้างหน้าที่เป็นจุดอับสายตา เช่น จำนวนรถที่รออยู่ในทางแยกข้างหน้า และถูกอาคารบ้านเรือนบดบังทัศนวิสัย หรือแม้แต่การเฝ้าระวังคนเดินถนนหรือจักรยานที่อาจกำลังพุ่งออกมาจากหลังแนวตึกเพื่อข้ามถนนโดยไม่คาดฝัน

●   ในส่วนของระบบนำทาง I2V จะยกระดับการคำนวณเส้นทางใหม่ เริ่มตั้งแต่ระยะเวลาโดยประมาณจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมาย ให้ข้อมูลความหนาแน่นของการจราจรตามเวลาจริง หรือทำได้แม้กระทั่งคำนวณว่าผู้ขับควรจะวิ่งอยู่ในเลนใด จึงจะสามารถเดินทางได้เร็วที่สุด โดยคำนวณจากปริมาณการเคลื่อนตัวของรถในเลนนั้นๆ หากการจราจรติดขัดอย่างหนัก

●   นอกจากนี้ นิสสันยังโชว์แนวคิดความเป็นไปได้ในการแชร์ข้อมูลระหว่างการเดินทาง เช่น จุดท่องเที่ยวประจำถิ่น ให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัว และสามารถแสดงผลภายในตัวรถด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented reality) โดยจะแสดงภาพอวาตาร์ของปัญญาประดิษบ์ (AI) ในฐานะผู้ช่วยเสมือน ซึ่งจะคอยตรวจสอบข้อมูลมากมายมหาศาลในโลกเสมือน (metaverse หรืออันที่จริงก็คือฐานข้อมูลขนาดยักษ์บนคลาวด์) แล้วนำมารายงานให้ผู้ขับตามเวลาจริง… ในอนาคตสามารถดัดแปลงได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคาแรคเตอร์มาตรฐานจากโรงงาน หรือตัวมาสคอทของบริษัทใดๆ ก็ตามที่ใช้เทคโนโลยีนี้

●   ดังนั้น หากชุดระบบ ProPILOT ของนิสสัน เป็นตัวตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ ตัวรถในระยะสายตา กล้อง และเซ็นเซอร์ Invisible-to-Visible ก็คือตัวขยายขอบเขตของระบบความปลอดภัยในระยะนอกสายตานั่นเอง

●   อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเทคโนโลยีนี้คงจะต้องจำกัดวงเฉพาะรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4/5 เท่านั้น เนื่องจากผู้ขับยังจำเป็นจะต้องสวมแว่น VR เพื่อให้เห็นภาพนั้นๆ เว้นแต่เราจะไปถึงยุคที่ AR สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกสภาพแสงโดยไม่ได้พึ่งพาอุปกรณ์ใดๆ เพื่อการมองเห็น ซึ่งก็คงจะไม่ไกลนัก เช่น ใช้งานร่วมกับโฮโลแกรม เป็นต้น

●   ทว่าเหนือสิ่งใด หากระบบนี้สัมฤทธิ์ผลและใช้งานได้จริง ก็จะเป็นการยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปได้อีกขั้น   ●


หมายเหตุ  :  แนวคิดเรื่องการใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่แนวคิดใหม่เสียทีเดียว ในปีที่แล้ว คอนติเนนทอลก็กำลังพัฒนา ระบบต้นแบบสำหรับตรวจสอบสภาพถนนล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเหินน้ำ (Aquaplaning) เช่นกัน โดยมุ่งไปที่ระบบที่เกี่ยวเนื่องกับตัวรถเป็นหลัก เช่น ยางรถยนต์, เซ็นเซอร์ยาง, กล้อง, หน่วยควบคุมอัลกอริทึม, ชุดวาล์วควบคุมแรงดันเบรค (Brake Actuation) และระบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับกับรถยนต์ (Human-Machine Interface)


2019 CES : Nissan’s Invisible-to-Visible Technology