February 22, 2019
Motortrivia Team (10162 articles)

Toyota Camry 2.5 HV Premium แรงแบบสุขุม นุ่มและประหยัด

เรื่อง – ภาพ – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

 

●   ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา โตโยต้า ประเทศไทย เปิดตัว คัมรี่ เจนเนอเรชั่นที่ 8 และเป็นรถรุ่นที่ 2 ในเมืองไทยต่อจาก C-HR ที่ใช้แพลทฟอร์มใหม่ TNGA หรือ Toyota New Global Architecture จากนั้นเว้นช่วงจากการเปิดตัวไม่กี่วัน ก็จัดทดสอบแบบกลุ่มที่สนามช้าง จังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุดทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย นำรถมาทดสอบเดี่ยวอีกครั้ง เป็นรุ่นท๊อปไฮบริด 2.5 HV Premium ราคา 1,799,000 บาท.

รูปลักษณ์สปอร์ตทันสมัย

●   คัมรี่ใหม่ พลิกโฉมการออกแบบสู่ความเป็นสปอร์ตซีดาน ตัวรถดูวัยรุ่นกว่าโฉมที่แล้ว ด้านหน้าสะดุดตาด้วยฝากระโปรงที่เน้นเหลี่ยมสันด้านบน ไฟหน้าและไฟ DRL แบบ LED มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ด้านหน้าดูเผินๆ เหมือนไม่มีกันชน เพราะถูกแทนที่ด้วยครีบขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ ด้านข้างยังคงเล่นกับแนวเส้นที่เฉียบคมพาดผ่านที่เปิดประตู ในรุ่นไฮบริดเน้นความนุ่มนวลด้วยยางขนาด 215/55/17 กับล็อแม็กลายเรียบๆ ดูแล้วเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับซุ้มล้อทั้ง 4 ที่มีขนาดใหญ่

●   ช่วงซุ้มล้อหลังออกแบบให้ยื่นออกมาอีกเล็กน้อย เหมือนรถมีเอว ทำให้ดูหนักแน่น พร้อมเดินเส้นสายจากเสาหลังต่อเนื่องถึงฝากระโปรงท้ายที่ยกขอบคล้ายเป็นสปอยเลอร์ในตัว ชุดไฟท้ายระบบส่องสว่างแบบ LED ทรงรียาว ช่วยเสริมให้ตัวรถดูแบนกว้างมั่นคง

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,885 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,445 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,825 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,590/1,615 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,650 กิโลกรัม (หนักกว่ารุ่นเบนซิน 2.5G 100 กิโลกรัม) โดยรวมเป็นรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และกว้าง แต่ด้วยการออกแบบทำให้ตัวรถดูเพรียว ไม่เทอะทะ

ภายในกว้างขวางหรูหรา

●   ภายในมีทั้งตกแต่งด้วยสีดำและสีเบจ ขึ้นอยู่กับสีภายนอก คันที่ได้รับมาทดสอบตอนแรกคิดว่าสีดำ แต่เมื่อโดนแดดแล้วจะออกม่วงๆ ในโบรชัวร์ระบุว่าเป็นสี Burning Black Crystal ที่มีเฉพาะรุ่นท๊อปไฮบริดเท่านั้น จับคู่กับภายในสีเบจ ดูหรูหราโปร่งตา แต่ก็ต้องได้รับการดูแลที่ดีกว่าเพราะจะเปื้อนง่าย ถ้าอยากได้ภายในสีดำ ต้องเลือกภายนอกสีขาว สีเงิน สีดำ หรือสีแดง

●   ที่น่าสนใจและเป็นไฮไลต์ของรุ่นนี้คือ ที่นั่งด้านหลังมีชุดควบคุมแบบสัมผัสบริเวณที่เท้าแขนตรงกลาง สั่งงานได้หลายอย่าง ทั้งชุดเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ม่านไฟฟ้าด้านหลัง และพนักพิงเบาะหลังทั้ง 2 ฝั่งที่ปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า รองรับการใช้รถแบบมีพลขับได้อย่างเต็มที่ หรือเจ้าของรถจะขับเองก็ดูไม่ขัดตาและไม่ต้องกลัวขาดทุน เพราะในตำแหน่งผู้ขับก็มีความสะดวกสบายแบบครบครัน ทั้งพวงมาลัยปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับมีหน่วยความจำ 2 ตำแหน่งสัมพันธ์กับตำแหน่งพวงมาลัยและกระจกมองข้าง เบาะหนานุ่มนั่งสบาย โอบกระชับกำลังดีไม่อึดอัด เบาะคู่หน้ามีพัดลมระบายอากาศ ถ้าเปิดเบอร์แรงสุดเสียงพัดลมจะค่อนข้างดัง

●   ปรับตำแหน่งท่านั่งให้ถูกต้องและสบายที่สุดแล้วพบว่า ทัศนวิสัยรอบคันอยู่ในเกณฑ์ดี ควบคุมรถคันใหญ่ได้อย่างมั่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ขับ สวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ จัดวางไว้เป็นหมวดหมู่ มองได้ถนัด และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แผงคอนโซลโดยรวมดูเรียบง่าย ไม่แพรวพราว ไปเน้นหนักที่ชุดมาตรวัดพร้อมจอแสดงผลตรงกลาง ใช้ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านสวิตช์บนพวงมาลัย คอนโซลกลางมีจอสัมผัสแสดงข้อมูลการขับได้ และเป็นกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะในตัว ระบบสัมผัสตอบสนองได้รวดเร็วทันใจไม่หน่วง

●   ระบบความปลอดภัยต่างๆ ใช้งานได้จริง ทั้ง LDA หรือ Lane Departure Alert ที่ทำงานได้แม้เส้นถนนจะไม่ชัดเจนนัก เมื่อเบี่ยงรถออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะดึงพวงมาลัยเบาๆ เป็นการเตือน ระบบ Dynamic Radar Cruise Control ปรับความเร็วและระยะห่างตามคันหน้า เมื่อระบบตรวจพบรถคันหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่าในระยะห่างที่ตั้งไว้ รถจะค่อยๆ ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวล ยกเว้นมีรถตัดเข้ามาในเลนด้วยความเร็วที่ต่ำกว่ามากๆ รถก็จะเบรกค่อนข้างหนัก ลองกับจักรยานและมอเตอร์ไซค์แล้ว เรดาร์ก็ตรวจพบได้เช่นกัน

แรงนุ่มๆ ประหยัดเกินตัว

●   เครื่องยนต์ของรุ่นไฮบริด กับรุ่นเบนซิน 2.5 เป็นบล็อกหลักเดียวกัน รหัส A25A เบนซิน 4 สูบ VVT-iE ความจุ 2,487 ซีซี รุ่นไฮบริดปรับอัตราส่วนการอัดเป็น 14.0:1 กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม. ที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 88 กิโลวัตต์ หรือ 120 แรงม้า แรงบิด 20.5 กก.-ม. รวมกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า 211 แรงม้า ไม่ได้แรงแบบหวือหวา แต่มาเรื่อยๆ และต่อเนื่อง ถ้าไม่ใช่คนเท้าหนักจริงๆ คงไม่บ่นว่าอืด การทำงานของระบบไฮบริด รู้สึกได้แผ่วๆ เมื่อเครื่องยนต์เริ่มทำงาน แต่การขับเคลื่อนยังคงราบรื่นไม่สะดุด

●   ลองขับในโหมด EV เครื่องยนต์จะเริ่มทำงานที่ความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าขับในโหมดปกติ ความเร็วนิ่งๆ ทางราบ ความเร็วกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือบดูหน้าจอการทำงานของระบบไฮบริด ก็เห็นว่าภาพกราฟิกแสดงว่าใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ในการขับเคลื่อน ช่วงแรกที่ขับก็จะพยายามให้อยู่ในโหมดไฟฟ้าให้นานที่สุด แต่เมื่อขับไปนานๆ ก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของระบบ ผู้ขับก็แค่ขับไปตามปกติ ระบบก็จะจัดการเองตามความเหมาะสม ขับนุ่มนวลก็จะประหยัดได้ทั้งจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยขับ และเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องทำงานบ่อยๆ เพื่อชาร์จไฟฟ้า

●   ลองขับทางไกล ออกจากบ้านเช้ามืด ขับไปเรื่อยๆ แบบไม่ปั้นตัวเลข ระยะทาง 168.6 กิโลเมตร ใช้เวลาขับ 2.08 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 22.8 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดใช้ได้ ระหว่างทางมีลองใช้ระบบความปลอดภัยต่างๆ รวมทั้งครูสคอนโทรล และลองอัตราเร่งช่วงสั้นๆ ลองอัตราสิ้นเปลืองแบบใช้งานในเมืองอีกครั้งตอนขับรถไปคืน ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลา 42 นาที ความเร็วเฉลี่ย 57 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยยังหรู 22.5 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าส่วนใหญ่ใช้งานในเมืองรถติดสาหัส ไม่ได้ขับทางไกลเลย น่าจะคาดหวังได้แถวๆ 14-17 กิโลเมตรต่อลิตร

●   เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT พร้อมโหมด S-Sport 8 จังหวะ เอาไว้ใช้หน่วงความเร็วเวลาขับลงทางลาดชันต่อเนื่อง ความรวดเร็วของการเปลี่ยนเกียร์ในโหมดนี้ แทบไม่ต่างจากโหมด D แต่จะให้อารมณ์สปอร์ตกว่านิดหน่อย ที่คอนโซลเกียร์มีสวิตช์เลือกโหมดขับเคลื่อนได้ 3 โหมด คือ ECO ที่ใช้เกือบตลอดการทดลองขับ NORMAL การตอบสนองไม่ค่อยแตกต่างจาก ECO มากนัก ส่วน SPORT จะรู้สึกคันเร่งเบากว่า 2 โหมดแรก แตะนิดเดียวรถก็พุ่งทะยาน แต่ก็ไม่ได้กระชากกระชั้นมากนัก แค่รู้สึกว่าตอบสนองรวดเร็วขึ้นบ้าง


ช่วงล่างสปอร์ตตามรูปลักษณ์

●   คัมรี่ใหม่ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังปีกนกคู่ ช่วงล่างชุดนี้สร้างความประหลาดใจเหมือนตอนที่ได้ขับ C-HR ครั้งแรก ช่วงล่างของคัมรี่รุ่นก่อนหน้านี้จะเน้นความนุ่มนวล สำหรับช่วงล่างของคัมรี่ใหม่ เพิ่มเติมความหนักแน่น คงความนุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย เบาแรง และขับสนุกขึ้น เวลาเข้าโค้งรู้สึกว่ารถไปด้วยกันทั้งคัน เลี้ยวได้คมเมื่อเทียบกับขนาดและประเภทของรถ มาพร้อมตัวช่วยอย่าง VSC, TRC และ HAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

●   พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแปรผันการผ่อนแรงได้พอเหมาะ ไม่เบาเกินไปเมื่อใช้ความเร็วสูง ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อม ABS, EBA และ BA รถไฮบริดขับเคลื่อนได้แม้เครื่องยนต์ไม่ทำงาน จึงไม่ได้ใช้หม้อลมเบรก ความรู้สึกในการเบรกจึงแตกต่างจากรถทั่วไปบ้าง ขับช่วงแรกจะมีอาการเบรกหน้าทิ่มอยู่บ้าง เมื่อปรับตัวได้ก็จะเบรกได้อย่างนุ่มนวล ประสิทธิภาพหรือพละกำลังในการเบรกนั้นเหลือเฟือ ไม่มีการเบรกทื่อหรือเบรกไหล

●   โตโยต้า คัมรี่ 2.5 HV Premium เด่นที่รูปลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยว แต่ก็ไม่ถึงกับหวือหวาจนเกินไป น่าจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ภายในกว้างขวางตามสไตล์โตโยต้า ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย สมราคารถ 1.799 ล้านบาท ระบบไฮบริดทำงานได้สอดคล้องกับการใช้งานจริง มั่นใจด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี แยกจากการรับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ในยุคที่สาธารณูปโภคที่จะรองรับรถพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ยังไม่พร้อม รถไฮบริดดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ และสามารถใช้งานได้จริง   ●


Toyota Camry 2.5 HV Premium : Test Drive