March 2, 2019
Motortrivia Team (10156 articles)

A.P. Honda ยกระดับโครงการ Race to the Dream ชวนคนไทยเชียร์นักแข่ง Moto2

Press Release

 

●   เอ.พี.ฮอนด้า ประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ตปี 2019 ยกระดับโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” สู่มาตรฐานระดับโลก HRC เพิ่มความเข้มข้นในการพัฒนานักบิดทุกระดับ เดินหน้าเต็มสูบตามโร้ดแม็ปผลักดันนักบิดสายเลือดไทยไปสู่สังเวียนระดับโลก ส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งไทยวัย 20 ปี ขยับเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาลกับสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” พร้อมชวนคนไทย เชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยในการแข่งขันระดับโลก โมโตทู

●   เมื่อวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด แถลงข่าวนโยบายด้านมอเตอร์สปอร์ตประจำฤดูกาล โดยนับเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อก้าวตามโร้ดแม็ปสร้างนักบิดสายเลือดไทย เข้าสู่การแข่งขัน “โมโตจีพี” ให้ได้ภายในปี 2025 ในโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” พร้อมเพิ่มระดับความเข้มขันเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกอย่าง HRC หรือ Honda Racing Corporations

●   สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวถึง แนวทางด้านมอเตอร์สปอร์ตของฮอนด้า ในปี 2019 ว่า “เอ.พี. ฮอนด้า บุกเบิกส่งนักแข่งสัญชาติไทยไปลุยสังเวียนระดับเอเชียและระดับโลกมาอย่างยาวนาน เราทุ่มเทผลักดันสร้าง นักแข่งไทยที่มีศักยภาพระดับโลก ไปเป็นตัวแทนในรายการระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์มาโดยตลอด ล่าสุดโครงการสร้างนักแข่งไทยสู่สนามระดับโลก ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นขั้นตอนตามเส้นทาง Race To The Dream ตั้งแต่ปี 2017

●   เริ่มตั้งแต่การค้นหาเด็กที่มีพรสวรรค์มาฝึกฝนทักษะการขับขี่อย่างถูกวิธี และฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นสู่สนามระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่งในนามประเทศไทย ซึ่งในปีที่ 3 ของแผน Race to The Dream นี้ เราได้ยกระดับการพัฒนาในแต่ละขั้นสู่มาตรฐานทีมแข่งระดับโลก HRC (Honda Racing Corporation) องค์กรพัฒนานักแข่งและรถแข่งระดับโลกของฮอนด้าที่มีผลงานในการสร้างแชมป์ให้ฮอนด้าสูงสุดระดับโลก

●   แผนพัฒนาสู่มาตรฐานระดับโลก มี 5 เรื่องหลัก คือ:

●   1. เริ่มที่ Racing Machine เอ.พี. ฮอนด้า มีการนำเข้าพร้อมกำหนดให้โครงการขั้นต้นของโรดแม็ป ใช้รถแข่งระดับโลกที่ใช้ในการฝึกซ้อมอย่าง ฮอนด้า NSF100 สำหรับโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี เช่นเดียวกับโรงเรียนเรซซิ่งระดับชั้นนำอื่น ๆ ของโลก รวมถึงรถแข่งฮอนด้า NSF250 มาตรฐานเดียวกับ โมโตทรี มาใช้แข่งขันในรายการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนขยับขึ้นสู่การแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ และ โมโตทรี ต่อไป

●   2. พัฒนาทักษะการขับขี่ให้แก่นักแข่งแบบก้าวกระโดด ด้วยโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่ง Rider Exchange Project ที่ดำเนินการร่วมกับ Mobility Land ผู้บริหารสนาม Suzuka แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้โอกาสนักแข่งในรายการ Thailand Talent Cup และรายการ ซูซูก้าซันเดย์โรดเรซ ได้มีประสบการณ์การแข่งขันที่สนามใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนั้น ยังเพิ่มโอกาสในการฝึกฝนทักษะการขับขี่ขั้นสูงด้วยการท้าทายให้นักแข่งได้ลงแข่งสะสมประสบการณ์ในรายการแข่งที่สูงกว่ารายการหลักของตน อาทิ ก๊อง ธัชกร และ ฟิล์ม ปิยวัฒน์ นักแข่งในรายการ ATC 2019 ควบการแข่งในรุ่น AP250 ซีซี รายการ ARRC

●   3.พัฒนาศักยภาพความฟิตพร้อมทางร่างกายของนักแข่ง ด้วยการออกแบบโปรแกรมฝึกอบรมใหม่ มาตรฐานระดับทีมแข่ง HRC โดยกำหนดให้มีการฝึกสอน และ ฝึกปฎิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทดสอบสมรรถร่างกาย พร้อมการให้คำแนะนำแบบตัวต่อตัว จาก HRC Support Trainer ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพร่างกายจาก HRC

●   4. พัฒนาทักษะช่างทีมแข่งตามมาตรฐาน HRC โดยการสนับสนุนจาก HRC Technical Master

●   5. เน้นสร้างประชากรนักแข่งหน้าใหม่ เพื่อค้นหาดาวรุ่งช้างเผือกเข้าสู่วงการ ตั้งแต่การ Pre – Audition โดยมอบหมายให้ ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดโมโตทูคนแรกของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์ทั้งในการเรียนรู้ฝึกฝน การแข่งขันพัฒนาทักษะ และการเป็นไรเดอร์โค้ช มาเป็น Race Ambassador ในโครงการ Race To The Dream เพื่อสื่อสารกับสาธารณชน และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยยุคใหม่ ชื่นชอบและสนใจเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ เพื่อเข้าร่วมในการพัฒนาฝึกซ้อมให้เป็นนักแข่งที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต

●   “ความมุ่งหวังหลักของ เอ.พี. ฮอนด้าในการผลักดันนักแข่งไทยสู่สนามระดับโลกตามโครงการ Race to The Dream คือ เพื่อสร้างให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตกลายเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทยทุกเพศทุกวัย เพื่อให้คนไทยได้เชียร์นักแข่งไทยในสนามระดับโลก” สุชาติ อรุณแสงโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม

●   ปีนี้ เอ.พี. ฮอนด้า ได้ขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายการพานักบิดไทยเข้าสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ด้วยการส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งอายุน้อยสุดของไทยในเวทีระดับโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี ลงแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น “โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” แบบเต็มฤดูกาล ร่วมกับสังกัด “อิเดมิซึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” หลังฉายแววคว้าแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในปี 2016 ก่อนจะขยับขึ้นไปโลดแล่นในจูเนียร์ทีมของฮอนด้า ในรายการ “เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมป์เปี้ยนชิพ” ในปี 2017-2018 ด้วยผลงานโดดเด่นมีลุ้นแชมป์และโพเดียมหลายสนาม พร้อมกับคว้าอันดับ 9 จากการแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 15 ในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์”

●   สุชาติ อรุณแสงโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย เชิญชวนคนไทย ร่วมเชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35” ในการแข่งขันระดับโลก รุ่นโมโตทูเต็มฤดูกาล ย้ำความมั่นใจเชื่อมั่นในฝีมือนักแข่งไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ได้ประทับใจกับการคว้าแต้มสุดล้ำค่าในโฮมเรซบ้านเกิดได้อีกครั้งแน่นอน

●   สมเกียรติ ได้รับฉายาว่า “คิงคองก้อง” ซึ่งมีที่มาจากการที่ทีมงานชาวต่างชาติ เรียกชื่อเล่น “ก้อง” แต่ออกเสียงเป็น “คอง” ประกอบกับรูปร่างสูงใหญ่ของนักบิดไทยที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่มีความคล่องแคล่วว่องไว ส่งผลให้กลายมาเป็นฉายาใหม่สำหรับการลุยศึก โมโตทู ในฤดูกาล 2019 ภายใต้รถแข่งหมายเลข 35

●   ในส่วนของการเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ที่มีพรสวรรค์ในการขับขี่ให้เป็นไปตามโรดแม๊ปที่วางไว้ ในปี 2019 เริ่มที่โครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ เอ.พี. ฮอนด้า ยังคงดำเนินการคัดเลือกเยาวชน อายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 15 คน เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนานักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยปีนี้เราได้เด็กใหม่ที่ผ่านการออดิชั่นเข้ามาเป็นนักแข่งรุ่นที่ 2 ของโครงการจำนวน 9 คน รวมกับเด็กเก่ารุ่นแรกอีกจำนวน 6 คน ลงทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนกันทั้งสิ้น 10 สนาม

●   ขยับขึ้นไปอีกโครงการ คือ ฮอนด้า ไทยแลนท์ ทาเลนต์ คัพ ปีนี้ถือเป็นปีที่ 4 และเรามีเด็กจากโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ขยับขึ้นมาเข้าร่วมโครงการได้มากถึง 5 คน ซึ่งเป็นการเข้ามาตามสิทธิ์ของแชมป์และรองแชมป์การแข่งขันจำนวน 3 คน เป็นเด็ก เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ที่สมัครเข้าร่วมการคัดเลือกหรือออดิชั่นตามกฎเกณฑ์ที่บริษัท ฯ กำหนดไว้ได้เพิ่มอีก 2 คน ที่เหลือจะเป็นเด็กเก่าจากโครงการ ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ ในปีก่อนหน้าอีก 5 คน และอีก 2 คน เป็นเด็กจากทีมแข่งอิสระที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ที่เหลือจะเป็นนักแข่งนานาชาติที่ขอเข้าร่วมการแข่งขันอีก 7 คน รวมทั้งสิ้นในปีนี้ จะมีนักแข่งในโครงการจำนวน 19 คน และจะตัดสินแชมป์ประจำปีจากการแข่งขันแบบเก็บคะแนนทั้งสิ้น 7 สนาม

●   ส่วนในระดับภูมิภาคเอเชีย เอ.พี. ฮอนด้า ส่งนักแข่งดาวรุ่งอย่าง “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี, “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ และ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ 3 ดาวรุ่งที่ขยับขึ้นมาจากรายการ “ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” ลงดวลความเร็วในโปรแกรมเฟ้นหาดาวรุ่งจากทวีปเอเชีย เข้าร่วมการแข่งขันรายการ “อิเดมิตสึ ฮอนด้า เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2019” ในขณะที่ทั้ง “ก๊อง”-ธัชกร และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ยังได้รับโอกาสให้ฝึกฝนฝีมือเพิ่มเติม ในการเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019 ภายใต้สังกัดทีมแข่ง “เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เป็นคู่หูคู่ใหม่ที่จะร่วมผลึกกำลังกับยอดนักบิดสาวแกร่งขวัญใจคนไทย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ลงล่าความสำเร็จในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. รวมถึงขยับ “นิว” กฤชพร แก้วสนธิ ขึ้นมาแข่งในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. คู่กับนักแข่งฝีมือดีอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์

●   นอกจากนี้ เอ.พี. ฮอนด้า ยังส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT Thailand Supercross 2019 ในรุ่น MX2-A นำทีมโดย รองแชมป์อันดับ 2 “แซ้ง” กฤษฎา จำรูญจารีต ร่วมด้วย “กั๊ก” ปิยะนัฐ เกิดศิริ และนักแข่งหน้าใหม่เจ้าของตำแหน่งแชมป์รุ่น MX2-B ที่เพิ่งขยับขึ้นมาขี่ในคลาสนี้เป็นครั้งแรกอย่าง “โอชิ” พัสกร ปริยวงศธร เพื่อสานต่อความสำเร็จในการแข่งขันประเภททางฝุ่นและสร้างนักบิดรุ่นใหม่เข้าสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง

●   ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวด้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Honda Motorcycle Thailand facebook.com/hondamotorcyclethailand พร้อมรับชมการแข่งขันได้ผ่านทางช่อง Fox Sports ในทุกสนามการแข่งขัน   ●