March 16, 2019
Motortrivia Team (10075 articles)

Formula One News : อัพเดทความเคลื่อนไหว 16-03-2019

Posted by : FascinatorFJ.

 

ไวติ้ง ผู้อำนวยการ F1 ถึงแก่กรรมในวัย 66 ปี

●   ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วจากแถลงการณ์ของ FIA เอง โดย ชาร์ลี ไวติ้ง (Charlie Whiting) ผู้อำนวยการฝ่ายการแข่งขันของ F1 ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยอาการลิ่มเลือดในปอด ก่อนหน้าที่การแข่งขันออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ สนามแรกของฤดูกาล 2019 จะเริ่มขึ้น

●   ฌอง ท็อดต์ ประธาน FIA  :  “มันน่าเศร้ามากที่ได้รับรู้ถึงการจากไปของชาร์ลี เขาเป็นผู้อำนวยการที่ยอดเยี่ยม เป็นบุคคลสำคัญที่ไม่อาจลอกเลียนแบบได้ในฟอร์มูล่าวัน วงการได้สูญเสียเพื่อนและผู้ที่เป็นไอคอนของวงการ ความรำลึกถึงของผม ทีมงาน FIA และสังคมมอเตอร์สปอร์ตทั้งหมด จะอยู่กับครอบครัวและเพื่อนของเขา”

●   ไวติ้งเข้าทำงานในวงการ F1 ครั้งแรกกับทีม เฮสเกธ เรซซิ่ง ในปี 1977 แต่เป็นที่รู้จักกันมากกว่ากับฐานะหัวหน้าช่างประจำทีมบราบัม ซึ่งเขามีส่วนช่วยให้ เนลสัน ปิเกต์ คว้าแชมป์โลก

●   เขาได้ขยับไปทำงานในองค์กรของ FIA และขึ้นเป็นผู้อำนวยการนับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา

●   เขามีหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยของทั้งบนแทร็คและบนรถแข่ง นอกจากนั้นหน้าที่ที่สำคัญมากที่เราเห็นเขาทำเป็นประจำ นั่นคือเป็นผู้กดสัญญาณออกสตาร์ทในแต่ละเรซ

●   การจากไปอย่างกะทันหันของไวติ้งก่อนหน้าสุดสัปดาห์การแข่งขัน ทำให้ FIA ต้องรีบหาคนมาแทนเพื่อทำหน้าที่สำคัญที่ไวติ้งได้แบกไว้ โดยเบื้องต้น ไมเคิล มาซี (Michael Masi) หนึ่งในรองผู้อำนวยการฝ่ายการแข่งขัน จะรับหน้าที่ทั้งหมดของไวติ้งไป ซึ่งมาซีนั้นเคยเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลการแข่งขันซุปเปอร์คาร์มาก่อน และได้ทำงานใกล้ชิดกับไวติ้งในหลายสนามเมื่อปีที่แล้ว

●   นอกจากนั้นมาซียังได้ยอมรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการแข่งขันของ F2 และ F3 อีกด้วย   ●

F1 ร่างแผนยุทธศาสตร์หลัก 2 ข้อ สำหรับปี 2019

●   ในปีนี้ F1 มีแผนยุทธศาสตร์ 2 หัวข้อหลัก ในการดำเนินการแข่งขัน อย่างแรกคือการเผยแพร่งานเทคนิคที่ประสบความสำเร็จของเครื่องยนต์เทอร์โบไฮบริด อีกอย่างหนึ่งคือทำให้การแข่งขันเข้าถึงได้มากขึ้น

●   เสียง, ค่าใช้จ่าย และ ความซับซ้อน ของเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ไฮบริด ได้ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนัก นับตั้งแต่มันถูกนำมาใช้ในปี 2014 โดยมีคนใหญ่คนโตอย่าง เบอร์นี เอคเคิลสโตน อดีตบอสใหญ่ F1 และ เซบาสเตียน เวทเทล ที่ไม่ถูกชะตากับมันอย่างหนัก ซึ่งมันทำให้ความสำเร็จอย่างการที่เมอร์เซเดสทำค่าประสิทธิภาพความร้อนได้เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ถูกมองข้ามไป

●   เชส แครีย์ CEO F1  :  “อย่างแรกคือการไม่เพียงเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี แต่ต้องประสบความสำเร็จทั้งทางด้านประสิทธิภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด เราจะดำเนินการลงทุนต่อไปเพื่อโอกาสในการลดการปลดปล่อยมลภาวะ และริเริ่มความคิดในการถ่ายทอดเทคโนโลยีลงสู่รถบ้าน”

●   “อย่างที่สอง เราต้องการที่จะสานต่อฟอร์มูล่าวันให้เป็นกีฬาสำหรับทุกๆ คน นั่นหมายความว่าเราจะให้โอกาสผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนร่วมทั้งในและนอกสนาม และขยายวงการออกไปให้เป็นกีฬาในทุกภาคส่วนของโลก”

●   นอกจากนั้นแครีย์ยังเชื่อว่า F1 นั้นได้ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่ได้เห็นตัวเลขผู้ชมทางทีวีและโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น

●   เชส แครีย์  :  “เราจะอัพเกรดการนำเสนออย่างต่อเนื่องทั้งในแบบดั้งเดิมและดิจิตอล ด้วยรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ มุมกล้องใหม่ๆ และกราฟิคใหม่ๆ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง เราจะยกระดับกีฬาให้ไปนอกเหนือยิ่งกว่าบนปฏิทินการแข่งขัน”   ●

F1 เตรียมให้คะแนนพิเศษ เวลาต่อรอบเร็วที่สุด

●   ในปีนี้ F1 จะมีคะแนน “การทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด” เพิ่มขึ้นมา โดยจะเริ่มให้คะแนนนี้ตั้งแต่สนามแรกที่เมลเบิร์นกันเลย

●   นักแข่งที่สามารถทำเวลาเร็วที่สุดในแต่ละสนาม ระหว่างการแข่งขัน จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีก 1 คะแนน นั่นหมายความว่าจะมีคะแนนพิเศษถึง 21 คะแนน เพิ่มเติมในปีนี้

●   ถ้าหากคะแนนพิเศษนี้ถูกใช้ในปีที่แล้ว วาลท์เทรี บ็อตตาส จะขยับขึ้นมาจบฤดูกาลในอันดับ 3 แทนที่ คิมี ไรค์โคเนน และ แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น เนื่องจากบ็อตตาสนั้นทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดไป 6 ครั้ง ในขณะที่อีก 2 คน ทำกันไปคนละ 1 ครั้ง

●   สำหรับทีมนั้นจะได้รับคะแนนพิเศษนี้เพิ่มเข้าไปยังคะแนนประเภททีมเช่นกัน เนื่องจากนักขับเป็นส่วนหนึ่งของทีม หรือพูดง่ายๆ ยังคงคิดคะแนนประเภททีมโดยการรวมคะแนนนักขับทั้ง 2 คน ของทีมเช่นเดิม

●   อย่างไรก็ตาม คะแนนพิเศษนี้จะถูกมอบให้กับนักแข่งที่จบการแข่งขันอยู่ในอันดับไม่เกิน 10 เท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันนักแข่งที่หมดโอกาสในการลุ้นคะแนนสะสมใน 10 อันดับแรก ถือโอกาสเข้าไปเปลี่ยนยางมากดเวลาเพื่อเอาคะแนนพิเศษ

●   ในอดีตนั้น เวลาต่อรอบเร็วทีสุดเคยถูกมอบให้เป็นคะแนนสะสมมาแล้ว นับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งการแข่งขัน F1 อย่างเป็นทางการในปี 1950 จนถึงปี 1959 ซึ่งในปี 1958 มันส่งผลถึงขั้นตัดสินแชมป์โลก เมื่อ ไมค์ ฮอว์ธอร์น เฉือนแย่งแชมป์โลกไปจาก เซอร์ สเตอลิง มอส จากคะแนนพิเศษอันนี้   ●


ที่มา :
•   motorsport.com.