March 20, 2019
Motortrivia Team (10156 articles)

Hyundai พาสื่อนั่ง Hyundai i30 Fastback N ใน WorldSBK สนามช้าง

เรื่อง – ภาพ – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

 

●   ในเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมา ฮุนได มอเตอร์ ได้บรรลุข้อตกลงกับ Dorna WorldSBK ผู้จัดการแข่งขัน World Super Bike ซึ่งเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์โปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก โดยฮุนไดจะเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการนี้เป็นเวลา 3 ปี พร้อมมอบรถ Hyundai i30 Fastback N เพื่อเป็นเซฟตี้คาร์ สำหรับการแข่งขันรายการนี้ด้วย รถรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากฮุนได มอเตอร์สปอร์ต ทั้งในส่วนของสีรถที่ประกอบไปด้วยสีฟ้า สีแดง สีฟ้าเข้มฮุนได และสีดำ พร้อมตกแต่งด้วยกราฟิกที่สื่อถึงการเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว ล้อหน้า สีแดง และล้อหลังสีฟ้าฮุนได ตามแบบฉบับของ Hyundai WRC

●   Hyundai i30Fastback N ได้รับการปรับปรุงบางจุดเพื่อให้เหมาะกับการเป็นเซฟตี้คาร์ เช่น การติดตั้งสัญญาณไฟบนหลังคา เน้นรูปทรงที่เพรียวลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ และอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการมองเห็นสำหรับนักแข่งที่ขับตามหลัง เบาะแบบบั๊กเก็ตซีตจาก Sabelt ช่วยให้โอบกระชับร่างกายได้ดีขึ้น ทั้งผู้ขับและหมอ ซึ่งจะนั่งไปในเซฟตี้คาร์ด้วยเสมอเพื่อปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บและดูแลความปลอดภัย ยางที่ใช้เป็นของ Pirelli รุ่น P Zero และผ้าเบรกของ Pagid เครื่องยนต์เดิมๆ จากโรงงาน เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 275 แรงม้า แรงบิด 36 กก.-ม. เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ยาง 235/35/19

●   Hyundai i30 Fastback N Safety Car เปิดตัวไปแล้วในการแข่งขัน WorldSBK 2019 สนามแรกที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสนาม 2 จัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะที่ฮุนไดเป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันรายการนี้ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงเชิญสื่อมวลชนไทย ไปชมการแข่งขัน WorldSBK สนาม 2 อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดให้สื่อมวลชนได้นั่งเซฟตี้คาร์ Hyundai i30 Fastback N รอบสนามช้าง นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ฮุนไดเตรียมบุกตลาดเมืองไทยด้วยรถ EV 100%

●   นอกจากได้นั่งเซฟตี้คาร์แล้ว ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับ มร. ฮอร์เฮ ดิอาซ เดล คาสติลโย ปาเรเดส (Jorge Diaz del Castillo Paredes) ตำแหน่ง Executive Vice President Sales and Factory Division บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ให้รายละเอียดทั้งในส่วนของรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รถยนต์ที่เตรียมทำตลาดในเมืองไทย แผนการตลาดในอนาคต รวมทั้งการปรับภาพลักษณ์ของฮุนไดในเมืองไทย

●   ยังติดลมมาจาก Hyundai i30 Fastback N Safety Car ก็เลยยิงคำถามแรกว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่ฮุนได จะทำตลาดรถยนต์ในตระกูล N ในเมืองไทย มร. ฮอร์เฮ ก็ให้คำตอบแบบมีลุ้นว่า

●   ฮุนไดก็อยากทำตลาดรถยนต์รุ่นนี้ เพราะอยากให้ผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยมองฮุนไดในแง่มุมอื่น นอกเหนือจากการเป็นผู้จำหน่ายรถเอนกประสงค์รุ่น H-1 แต่ก็ต้องศึกษาความเป็นไปได้ก่อน และต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ความเสียหายจะไม่ได้อยู่แค่เงินที่ใช้ไปในการเปิดตัว แต่จะทำให้แบรนด์ฮุนไดเสียหายไปด้วย

●   นอกเหนือจากรถยนต์ในตระกูล N ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของฮุนไดในประเทศไทยแล้ว รถพลังงานไฟฟ้าก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี แม้ตลาดรถพลังงานไฟฟ้าในเมืองไทย ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่เติบโตมากนัก ยังไม่เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มหลัก และเป็นรถที่มีราคาสูง แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะเริ่มทำตลาดรถกลุ่มนี้ โดยในงานมอเตอร์โชว์ ที่กำลังจะเริ่มขึ้นช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ฮุนไดก็ได้เตรียม รถพลังงานไฟฟ้ารุ่น Kona EV มาจัดแสดงด้วย

●   ในตลาดรถยนต์เมืองไทย รถประเภท SUV มีการเติบโตต่อเนื่อง ต่างจากรถยนต์นั่งที่ได้รับความนิยมลดลงหรือคงที่ และกลุ่ม SUV ที่มีการเติบโตสูงสุดก็คือ B-segment ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ Kona ทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจ อุปกรณ์ที่แพงที่สุดในรถพลังไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ ความจุมากกว่า ใช้ได้ระยะทางไกลกว่า ย่อมมีราคาแพงกว่า ยกตัวอย่าง ฮุนได Ioniq ใช้ได้ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร ส่วน Kona รุ่นมาตรฐาน จะใช้งานได้เกือบ 400 กิโลเมตร และรุ่นท๊อปจะใช้งานได้ประมาณ 500 กิโลเมตร

●   รถพลังงานไฟฟ้าในเมืองไทย ยังมีราคาสูง แต่ฮุนไดก็พยายามทำราคาให้แข่งขันได้ ที่ผ่านมา Ioniq มีราคาถูกกว่ารถพลังงานไฟฟ้าจากค่ายญี่ปุ่นราว 2-3 แสนบาท และถูกกว่ารถพลังงานไฟฟ้าในระดับเดียวกันจากค่ายยุโรปกว่า 2 ล้านบาท สำหรับเมืองไทยช่วงแรกจะได้โควต้า Kona จำนวน 40 คัน นำเข้าจากประเทศเกาหลี โดย 20 คันแรกจะมาในสีสันที่สดใส ใช้สำหรับการทดสอบของสื่อมวลชน และกิจกรรมทางการตลาด เนื่องจากเป็นรถที่มีราคาแพง จึงไม่ได้คาดหวังด้านยอดจำหน่าย แต่เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าฮุนไดมีเทคโนโลยี มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สิ่งที่ต้องการคือ ให้ผู้บริโภคชาวไทยมองฮุนไดในแง่มุมที่แตกต่างจากในปัจจุบัน

●   Kona เป็นรถพลังไฟฟ้าที่มีความทันสมัย อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน หลังจากทำตลาดแล้ว ช่วงแรกน่าจะพร้อมส่งมอบภายใน 2-3 เดือน สาเหตุที่ต้องรอนานเพราะมีกำลังซื้อเข้ามาพร้อมกันจากทั่วโลก แต่อุปกรณ์ที่ผลิตได้ช้าคือ แบตเตอรี่ ทำให้การผลิตรถเกิดเป็นคอขวด เพราะต้องรอแบตเตอรี่ และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ระยะเวลาในการรอรถก็จะเหลือแค่ 1 สัปดาห์

●   สำหรับตลาดรถยนต์นั่ง ที่ฮุนไดห่างหายจากการทำตลาดไปนาน ก็ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับมาทำตลาดรถยนต์นั่งอีกครั้ง และรถที่จะใช้ในการทำตลาด ต้องเป็นแบบประกอบในประเทศไทย เพื่อให้มีราคาที่แข่งขันได้ และการที่ มร. ฮอร์เฮ มาประจำที่เมืองไทย ก็เพื่อดำเนินแผนการประกอบรถในเมืองไทย ซึ่งภายใน 1-2 ปี หลังจากนี้ น่าจะได้เห็นฮุนไดกลับมาทำตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทยอีกครั้ง

●   การเตรียมความพร้อมเพื่อประกอบรถในประเทศไทย ต้องใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 15 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งฮุนได ไม่ได้มองแค่การประกอบรถยนต์นั่งเพื่อทำตลาดเท่านั้น แต่ยังมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นฐานการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกและทำตลาดในไทยด้วย โดยจะเป็นปิกอัพขนาด 1 ตัน อย่างไรก็ตาม ทุกก้าวของฮุนไดนับจากนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาฮุนไดมีโอกาสทำตลาดในไทยหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ครั้งนี้จึงต้องเริ่มต้นด้วยการแก้ไขข้อผิดพลาด ฟื้นฟูแบรนด์ฮุนไดอีกครั้ง และวางตำแหน่งของฮุนไดให้เหมาะสม รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า ฮุนไดมีความตั้งใจจริงที่จะทำตลาดในเมืองไทยอย่างจริงจัง

●   ปัจจุบันฮุนไดมีดีลเลอร์ในไทย 28 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 12 แห่ง และต่างจังหวัด 16 แห่ง สำหรับปีนี้ยังไม่มีการลงทุนด้านดีลเลอร์ แต่ในระยะยาวอีก 5 ปีข้างหน้า จะต้องมีดีลเลอร์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ในปี 2023 ยอดจำหน่ายฮุนไดจะต้องเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าจากปัจจุบัน และมีรถยนต์ 4 รุ่นใหม่เป็นอย่างน้อย

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮุนได ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.hyundai.co.th หรือ facebook.com/HyundaiThailand   ●


Hyundai i30 Fastback N : 2019 WSBK Safety Car