April 30, 2019
Motortrivia Team (10167 articles)

Mercedes-AMG เปิดตัวรถสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ 5 รุ่นรับปี 2019

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : นาธัส และเมอร์เซเดส ประเทศไทย

 

●   เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวสปอร์ตในกลุ่มสมรรถนะสูง 5 รุ่นใหม่ ประกอบด้วย (1) Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé (2) Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ที่นับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (3) Mercedes-AMG G 63 (4) Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ และ (5) Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ

●   หลังการเปิดตัว เมอร์เซเดสจะมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับ Mercedes-AMG และกิจกรรม AMG Driving Academy ที่จะจัดขึ้นเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ

●   มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ (Roland Folger) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่แบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้า ที่โดดเด่นทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาแบรนด์ได้เติบโตขึ้น และมีการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างมากมาย โดยยังคงยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ที่พร้อมส่งมอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และ เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความเร้าอารมณ์ให้กับทุกการขับขี่ให้กับผู้ใช้รถอยู่เสมอ จาก ความเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้าและการสร้างความมั่นใจในตัวแบรนด์นี้เองที่ทำให้รถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมียอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนยอดขาย ทั่วโลกถึงหกหลักในปี พ.ศ. 2561”

●   “สำหรับในประเทศไทย วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ กับการเปิดตัวเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 5 รุ่น แต่ละรุ่นมีคาแรกเตอร์และความโดดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เดมเลอร์ เอจี ให้เปิดตัว Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

●   “การนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที แบบคูเป้ 4 ประตูนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าโรงงาน ของเราที่เมืองซินเดลฟิงเก้นเป็นโรงงานผลิตและพัฒนารถยนต์หรูชั้นสูงที่เยี่ยมยอดอย่างแท้จริง รถยนต์รุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของทีมงานที่มีทั้งความสามารถและความเอาใจใส่ในการผลิตรถยนต์เป็นอย่างมาก ซึ่งเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ “1 ช่างฝีมือ ต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง : one man, one engine” กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแต่ละคันจะผลิตด้วยมือและใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งก่อนปี พ.ศ. 2563 ที่กำลังจะมาถึงนี้ กลุ่มบริษัทเดมเลอร์จะลงทุนประมาณ1.5 พันล้านยูโรที่โรงงานผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแห่งนี้เพื่อสานต่ออนาคตของบริษัท ด้วยการปรับเปลี่ยนให้โรงงาน มีความทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้นในอนาคต พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านยูโรเพื่อการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในครั้งนี้มีมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันล้านยูโร”

●   มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ (Frank Steinacher) รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจาก Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ที่เปิดตัววันนี้เป็นครั้งแรกแล้ว เรายังนำเสนอรถยนต์อีก 3 รุ่นไฮไลท์ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ ยอดเยี่ยมจากต่างประเทศอย่าง Mercedes-AMG G 63 รถยนต์ที่ถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์หรูแบบออฟโร้ด ที่เราได้เสริม ความแรงด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพอากาศและ ทุกสภาพถนนมากยิ่งขึ้น รวมถึงรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศอีก 2 รุ่น อย่าง Mercedes-AMG C 43 4MATIC และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ ที่ในครั้งนี้นำเสนอในรูปแบบของรถยนต์นั่ง 4 ประตู ซึ่งได้รับการปรับโฉมทั้งในด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความรู้สึกขณะขับขี่ตามสไตล์เอเอ็มจี โดยมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างระบบ EQ Boost ใน Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ พร้อมทั้งบริการ Mercedes me connect”

●   “นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2560 เราได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นจากลูกค้าเป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. 2561 เรามียอดขายเติบโตขึ้นถึง 309% เมื่อเทียบกับปี 2560 ในปีนี้ เรายังคงเน้นนำเสนอรถยนต์ที่ลูกค้าสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีไปแล้ว 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า โดยยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใน ไตรมาสแรกในปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”

●   “การเปิดตัวทั้ง 5 รุ่นในวันนี้ จะไม่เพียงแค่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 18 รุ่น ครอบคลุมทั้งตระกูล 43, 45, 53, 63, 63 S และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ยังเตรียมมอบเซอร์ไพรส์ให้กับทุกท่าน ด้วยการวางแผนนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบ ในประเทศ ซึ่งนอกจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทางบริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรม สานสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้าของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทุกท่าน จึงได้จัดเตรียมกิจกรรมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีโดยเฉพาะ เพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้นทั้งในประเทศไทย และกิจกรรมจากค่ายเอเอ็มจีทั่วโลกอีกด้วยด้วย นอกจากนี้ เรายังเตรียมจัด AMG Driving Academy เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบความเร็วแรงทุกท่าน ได้สัมผัสรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างใกล้ชิด ภายใต้คำแนะนำของทีมนักขับมืออาชีพ”

Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

●   Mercedes-AMG GT 4-Door Coupé นับเป็นรุ่นใหม่ในตระกูล AMG GT ภายนอกอยู่ในภาพลักษณ์ของสปอร์ต 4 ประตู กระจังหน้าแบบ AMG-Specific radiator grille, Aerofoil ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า, ซันรูฟไฟฟ้า, ดิสก์เบรค AMG high-performance, ท่อไอเสียคู่ Two round twin tailpipe เฉพาะตัวของ AMG และล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้วลาย 5 ก้านคู่ ปิดท้ายด้วยระบบไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED หลอดไฟ LED 84 หลอดต่อข้าง

●   ภายในของทั้งคู่มากับจอ Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ, ระบบ MB Audio 20 มีฟังก์ชันเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay, พวงมาลัยแบบ AMG Performance ท้ายตัด หุ้มหนัง nappa, Touchpad แบบใหม่, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ส่วนจุดที่แตกต่างกันคือ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé จะมากับเบาะหลังแบบ 3 ที่นั่ง หุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA microfibre ส่วน Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé เบาะหน้าจะเป็นแบบ AMG Performance Seats เบาะหลังตกแต่งด้วยหนัง พร้อมที่นั่งเดี่ยวที่ให้ความสบายในระดับเครื่องบินชั้นธุรกิจ

●   Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé มากับเทคโนโลยี EQ Boost ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ช่วยรักษาเสถียรภาพของรถในทุกสภาพถนน, ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ ใช้ระบบ ADS+ ปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับและสภาพถนน, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT เลือกได้ระหว่าง Sport, Sport+ และ Individual, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus, ระบบ Active Braking Assist ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถคันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก, กุญแจแบบ KEYLESS-GO และ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist มาพร้อมกล้อง 360 องศา

●   Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ยังมีระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง AMG Rear Axle Steering, ต่อด้วยชุดพาร์ท AMG DYNAMIC PLUS package ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์, ยางรองแท่นเครื่องยนต์และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิก และแพ็กเกจนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่จูนให้แน่นขึ้น รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวแบบพิเศษด้วย

●   Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 BITURBO ความจุ 4.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ระยะทดกำลังขณะเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ยังผลให้ความเร็วรถเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานโหมด Sport+ และโหมด Individual กำลังสูงสุด 639 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 91.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 315 กม./ชม.

●   ส่วน Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed กำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 52.9 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 285 กม./ชม.

–   Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé ราคา 9,990,000 บาท.
–   Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ราคา 14,990,000 บาท.

Mercedes-AMG G 63

●   Mercedes-AMG G 63 นับเป็นรถที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ G-Class ในตระกูล Mercedes-AMG ตัวรถมากับโครงสร้างตัวถังทรงเหลี่ยมที่ใช้เหล็กกล้าหลายระดับ แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมถึง 55% และดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้น สปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และประตูใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก ภายนอกเด่นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้า, ล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านคู่, ไฟหน้าทรงกลม MULTIBEAM LED

●   ต่อด้วยไฟเลี้ยวแบบเชื่อมเข้ากับตัวถัง, กันชนเสริมเข้ากับแถบสีดำเงา, ตราสัญลักษณ์ AMG สีเงิน, ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดสแตนเลส, กระจังและกันชนหน้า AMG มีท่อรับอากาศด้านข้าง เก็บขอบเป็นสีเงินอิริเดียม, หลังคาเชื่อมต่อกับโครงสร้างตัวถังด้วยกระบวนการเชื่อมโดยใช้แสงเลเซอร์แทนที่การเชื่อมแบบอัด และมีการเชื่อมหน้าต่างเข้ากับตัวถังโดยตรงเป็นครั้งแรกเพื่อให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้น ลดการสึกกร่อนของกรอบหน้าต่าง

●   ภายในตกแต่งใหม่หมด ห้องโดยสารทันสมัยและใหญ่ขึ้น เติมความหรูด้วยหน้าปัดนาฬิกา IWC แบบเฉพาะของ AMG, แผงมาตรวัดแสดงผลแบบผสม อนาล็อกและดิจิทัล ใช้หน้าจอ widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอเชื่อมต่อกันภายในกระจกขนาดใหญ่ แสดงผลได้ 3 แบบ Classic, Sporty และ Progressive และแสดงภาพด้วยระบบ COMAND Online บนจอแสดงผล, พวงมาลัย AMG Performance แบบท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA ตัดสลับ DINAMICA Microfibre, มือจับบนเพดานช่วยให้เข้า-ออกสะดวก, เบาะหุ้มหนัง NAPPA ทั้งหมด มีฟังก์ชั่นจดจำการปรับเบาะ, ระบบอุ่นเบาะทุกตำแหน่ง, เบาะหลังพับลงได้แบบ 40%, 60% และ 100%, ระบบเสียง Burmester® surround sound system และระบบไฟแอมเบียนท์ 64 สี

●   ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60, ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL เลือกปรับได้ 3 โหมด Comfort, Sport และ Sport+, ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ, ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนรถหรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก

●   พละกำลังมาจากกเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 86.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 220 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ 299 กรัม/กม.

–  Mercedes-AMG G 63 ราคา 14,790,000 บาท.

Mercedes-AMG C 43 4MATIC : รุ่นประกอบในประเทศ

●   Mercedes-AMG C 43 4MATIC : รุ่นประกอบในประเทศ มากับกระจังหน้า AMG ก้านคู่ ตกแต่งด้วยสีเงินแบบด้าน, ฝากระโปรงหน้าใช้โครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรง ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถ, ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว AMG ช่องลมและองศาก้านล้อพัฒนาขึ้นในอุโมงค์ลม, ฝากระโปรงหลังมีโครงสร้างบังคับทิศทางลม, ดิฟฟิวเซอร์ใหม่ช่วยจัดระเบียบการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ และมีพร้อมท่อไอเสีย Two round twin tailpipe look

●   ประตูแบบไร้ขอบ, กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัว, รอบคันมากับ AMG Bodystyling ประกอบด้วยกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง, ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED และ ULTRA RANGE Highbeam ปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าได้ไกลกว่า 650 เมตร ปิดท้ายด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟไฟฟ้า

●   ภายในตกแต่งด้วย AMG Matt Silver Glass-Fibre, เบาะ AMG Sport Seats หุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA, ระบบอุ่นเบาะปรับได้ 3 ระดับ, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลได้ 3 แบบ Classic, Sporty และ Progressive, พวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดแบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง NAPPA, Touchpad 2 ข้างที่คอพวงมาลัยเป็นอุปกรณ์ใหม่ในรุ่นนี้ ด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงมาตรวัดและ Cruise Control ด้านขวาควบคุมระบบมัลติมีเดีย โทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า, จอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ Audio 20 GPS พร้อม Touchpad และ Controller รองรับฟังก์ชั่น Apple CarPlay และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

●   ชุดคำสั่ง AMG สำหรับให้ข้อมูลผู้ขับ ประกอบด้วย จออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost, จอตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลโหมดการขับ การตั้งค่าระบบกันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP และเกียร์ที่ใช้อยู่, จอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถเมื่อผู้ขับใช้ความเร็วในแต่ละช่วง และให้คำแนะนำในการขับที่เหมาะสม, จอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับเอง สามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อยและมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย และ จอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบกราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost นอกจากนี้ยังมีจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ

●   ส่วนระบบ AMG DYNAMIC SELECT มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport+, Individual และโหมดการขับใหม่ Slippery ช่วยกระจายแรงบิดให้สม่ำเสมอ และเหมาะสมกับสภาพถนนเปียกเพราะฝน (หรือหิมะในภูมิภาคอื่นๆ)

●   พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 390 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 52.9 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 250 กม./ชม.

–   Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 4,310,000 บาท.

Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ : รุ่นประกอบในประเทศ

●   Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ : รุ่นประกอบในประเทศ ฝากระโปรงมากับช่องพาวเวอร์โดม, กระจกมองข้างและขอบบานกระจกสีดำ, ท่อไอเสียแบบ AMG Sport exhaust system ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 round twin tailpipe look, สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip, ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ, ไฟหน้า MULTIBEAM LED, ไฟท้าย LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟไฟฟ้า

●   ภายในตกแต่งด้วยวัสดุ Metal-weave และ Piano Black, เบาะหุ้ม ARTICO leather ตัดสลับ DINAMICA Microfibre, พวงมาลัย AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง NAPPA ตกแต่งด้วย DINAMICA Microfibre ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แปรผันน้ำหนักตามระดับความเร็ว, ระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า, จอแสดงผลข้อมูลแบบ Digital widescreen cockpit, ระบบ MB Audio 20 ทำงานร่วมกับจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว, รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay, จุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, ระบบเสียง Burmester® surround sound system และไฟแอมเบียนท์ 64 สี

●   Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ มากับระบบ EQ Boost เป็นครั้งแรก ตัวระบบช่วยในการออกตัวรถ และควบคุมการทำงานของระบบไฮบริด, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT เลือกโหมดในการขับได้ตามต้องการ, กุญแจ KEYLESS-GO พร้อมเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติไม่ต้องใช้มือ HAND-FREE ACCESS, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-Zones, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist, ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Parking Pilot including Active Parking Assist, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+, ระบบตรวจเช็คลมยาง Tyre pressure monitoring system, ช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension

●   นอกจากนี้ยังมีระบบที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถรุ่นประกอบในประเทศนี้ ได้แก่ ระบบเตรียมความพร้อมของรถ, ระบบเช็คสภาพรถ, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล, ระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และระบบ Communication module (LTE) เพื่อเชื่อมต่อกับบริการ Mercedes me connect

●   พละกำลังมาจากกเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 52.9 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 250 กม./ชม.

– Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 5,260,000 บาท.

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้ที่ mercedes-benz.co.th หรือแฟนเพจ facebook.com/MercedesBenzThailand  ●


2019 Mercedes-AMG presents 5 New Models : motortrivia


2019 Mercedes-AMG presents 5 New Models : Official