May 27, 2019
Motortrivia Team (10196 articles)

MICHELIN Energy XM2+ เปิดตัวพร้อมลองสมรรถนะ

เรื่อง – ภาพ – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

● มิชลิน เชิญสื่อมวลชนเดินทางสู่สวนนงนุช พัทยา เพื่อร่วมงานเปิดตัวยางรุ่นล่าสุด ‘มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+’ (MICHELIN Energy XM2+) ที่มาพร้อมสโลแกน “มั่นใจ…ทุกเวลา ด้วยพลังเบรก MICHELIN Energy XM2+” (Your Stopping Super-power) มุ่งเจาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์ที่ ใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องความมั่นใจด้านความปลอดภัย ความคุ้มค่าในการใช้งาน และสมรรถนะที่ยาวนานกว่า พร้อมทดสอบสมรรถนะด้านต่างๆ ทั้งความนุ่มเงียบ การยึดเกาะถนน รวมทั้งระยะเบรกบนถนนเปียก ด้วยสถานีทดสอบที่จัดตั้งขึ้นภายในสวนนงนุช

● ในช่วงการเปิดตัว ได้รับเกียรติจาก คุณเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C และ คุณวิเนต องค์เนกนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และอธิบายรายละเอียดผลิตภัณฑ์

MICHELIN Energy XM2+ มีแค่ดอกยางที่เหมือนเดิม นอกนั้นใหม่หมด

● มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ ออกแบบสำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์โดยเฉพาะ มีเพียงลวดลายของดอกยางเท่านั้นที่เหมือนรุ่นแรก นอกเหนือจากนั้น มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ ได้รับการพัฒนาใหม่หมด ตั้งแต่นวัตกรรมเนื้อยางผสมซิลิกาสูตรใหม่ (Full-Silica Rubber Compound) ส่งผลให้ มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีค่าเฉลี่ยระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ* อยู่ 1.5 เมตร เมื่อเทียบระหว่างยางสภาพใหม่ด้วยกัน และ 2.6 เมตร เมื่อเทียบระหว่างยางใกล้หมดดอก และสามารถใช้งานได้ระยะทางมากกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ** ถึงร้อยละ 25

คุณเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด

● สัญลักษณ์ บวก (+) บนแก้มยางบอกให้ทราบถึงการเสริมสูตรเนื้อยางใหม่ที่ส่งผลให้ มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้า ทั้งด้านสมรรถนะการเบรก อายุการใช้งาน และสมรรถนะที่ยาวนานกว่า นอกจากนี้ยังคงสัญลักษณ์ Green X เอาไว้เช่นเดียวกับยางรุ่นก่อนหน้า เแสดงว่าเป็นยางที่มีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงานด้วย

คุณวิเนต องค์เนกนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด

● ลายดอกยางเพิ่มสมรรถนะบนพื้นเปียกด้วยร่องรีดน้ำขนาดใหญ่ Optimum Void Ratio Proven Hydroplning Reduction คงความเงียบด้วยลายดอกยางที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ร่องดอกยางตามแนวทิศทางการวิ่งและแนวขวาง ให้การรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อม Alternating Bridging ออกแบบเพื่อลดการล้มตัวของบล็อกดอกยาง ยางจึงสึกเรียบและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แก้มยางแบบโค้งด้วยดูดซับแรงสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวนทั้งจากพื้นถนนและจากลวดลายของดอกยางเอง โดยมิชลินได้ออกแบบดอกยางอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีคลื่นเสียงที่หักล้างกันให้มากที่สุด ส่งผลให้เสียงรบกวนจากดอกยางลดลง ส่วนเสียงรบกวนจากพื้นถนน ก็ลดลงด้วยเนื้อยางสูตรใหม่ของมิชลินที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

● มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีศักยภาพเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าในหลายด้าน ทั้งสมรรถนะการเบรกบนถนนเปียก และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ให้ความปลอดภัยเป็นเยี่ยมตั้งแต่ยางใหม่ จนกระทั่งผ่านการใช้งานไปจนดอกยางใกล้หมด ให้ความมั่นใจในประสิทธิภาพการเบรกเต็มเปี่ยมจนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางครั้งต่อไป

● ในประเทศไทย มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ เปลี่ยนสีฉลากยางใหม่ เพื่อการแบ่งแยกที่ชัดเจน มีจำหน่ายทั้งสิ้น 36 ขนาด (14-16 นิ้ว) ราคาเริ่มต้นที่เส้นละ 2,290 บาทเครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ไทร์พลัส และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th หรือ MICHELIN Hotline 02-700-3993


* จากผลการทดสอบประสิทธิภาพการเบรกบนพื้นถนนเปียกที่ความเร็วในการขับขี่ 0- 80 กม./ชม. โดย บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (บุคคลที่ 3 ซึ่งดำเนินงานโดยอิสระ) ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ณ สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี โดยติดตั้งยางขนาด205/55 R16 ให้กับรถทดสอบยี่ห้อโตโยต้า อัลติส เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบยาง ‘มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม2+’ ทั้งสภาพใหม่และใกล้หมดดอก เทียบกับยางแบรนด์อื่นๆ (ตัวเลขที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยของยางแบรนด์พรีเมียม 4 แบรนด์)

อ้างอิง: บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานทางเทคนิคฉบับที่1203058671 001 และ 002 คำว่า “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร

** จากผลการทดสอบอายุการใช้งานซึ่งจัดทำโดยศูนย์วิจัยและเทคโนโลยียานยนต์แห่งประเทศจีน (China Automotive Technologyand Reseach Center Co., Ltd: CATARC) (บุคคลที่ 3 ซึ่งดำเนินงานโดยอิสระ) ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนกันยายน 2561 ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยติดตั้งยางขนาด205/55 R16 91V ให้กับรถทดสอบยี่ห้อโฟล์คสวาเกนรุ่นกอล์ฟ 7 เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบยาง ‘มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม2+’ เทียบกับยางคู่แข่งแบรนด์พรีเมียม (ตัวเลขที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยของยางแบรนด์พรีเมียม 5 แบรนด์) การทดสอบอายุการใช้งานเป็นการทดสอบจากการใช้งานขับขี่จริงโดยเฉลี่ยที่ 20,000 กิโลเมตร และประเมินอายุการใช้งานเมื่อยางสึกจนมีระดับเดียวกับสะพานยาง (Tread Wear Indicator)

ทดลองระยะเบรกทั้งยางใหม่และดอกยางใกล้หมด

● อุ่นเครื่องด้วยการเป็นสักขีพยานในการทดสอบยาง มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ ทั้งแบบยางใหม่และยางที่ดอกใกล้หมด เปรียบเทียบกับยางคู่แข่งในเรื่องระยะเบรกบนถนนเปียก ขับทดสอบโดยนักแข่ง และใช้เครื่องมือ Performance Box ที่รับสัญญาณจากดาวเทียม สามารถวัดความเร็วและระยะเบรกได้อย่างแม่นยำ ทดสอบโดยขับรถที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นเบรกเต็มแรงบนถนนเปียกด้วยการฉีดน้ำ ทำซ้ำรุ่นละ 3 ครั้ง เพื่อหาค่าเฉลี่ย จากนั้นจึงนำรถคันเดิมไปเปลี่ยนยางและเริ่มการทดสอบใหม่จนครบทุกรุ่น

● ผลการทดสอบด้วยยางที่ดอกใกล้หมด (ดอกยางเหลือความสูง 2 มิลลิเมตร) มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีระยะเบรกจากความเร็ว 80-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนเปียก 28.9 เมตร สั้นที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง 4 รุ่น 3 ยี่ห้อ ที่มีระยะเบรก 32.2, 33.3, 34.3 และ 37.9 เมตร เฉลี่ยแล้วมีระยะเบรกสั้นกว่าคู่แข่ง 19 เปอร์เซ็นต์

นุ่มเงียบกว่าแบบรู้สึกได้

● สถานีต่อมาเป็นการขับเสมือนใช้งานจริง ใช้พื้นที่ในสวนนงนุช เน้นเปรียบเทียบเรื่องการสั่นสะเทือนเมื่อขับผ่านเชือกที่คาดขวางถนนไว้ กับบั้งสีที่มักเจอบนถนน ใช้รถโตโยต้า วีออส ใส่ยางใหม่ขนาด 185/60 R15 เติมลมด้านหน้า 32 ปอนด์ฯ ด้านหลัง 30 ปอนด์ฯ เปรียบเทียบกับ 2 คู่แข่ง แล้วแต่ว่าจะได้คิวขับรถที่ใส่ยางคู่แข่งรุ่นไหน ในการทดสอบมีเจ้าหน้าที่นั่งไปด้วย เพื่อช่วยดูเรื่องการใช้ความเร็วให้เท่ากันทั้ง 2 รอบ เพราะความเร็วมีผลมากต่อผลการทดสอบ

● หลังจากขับรถที่ใส่ยางคู่แข่งและยางมิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ รู้สึกว่ารถที่ใส่ยางมิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ จะมีเสียงรบกวนน้อยกว่าเมื่อขับผ่านถนนคอนกรีต และในช่วงที่ขับผ่านบั้งสีและเชือกที่คาดขวางถนนไว้ รู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาที่พวงมาลัย เบาะนั่ง และพื้นรถ จะต่ำกว่ายางคู่แข่งแบบรู้สึกได้

ควบคุมง่ายในสถานการณ์ฉุกเฉิน

● ปิดท้ายด้วยการขับในสถานการณ์จำลอง ใช้รถโตโยต้า วีออส ใส่ยางใหม่ขนาด 185/60 R15 เติมลมด้านหน้า 32 ปอนด์ฯ ด้านหลัง 30 ปอนด์ฯ เข้าโค้งซ้ายด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนเปียกและโค้งถูกบีบให้แคบด้วยไพลอน ต่อเนื่องด้วยยูเทิร์นขวาแคบๆ จำลองการกลับรถ จากนั้นเร่งความเร็ว 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วหักหลบสิ่งกีดขวางไปทางขวา หรือเลนฝั่งตรงข้าม แล้วหักกลับเข้าเลนตัวเอง รอบแรกขับดูสนาม รอบ 2 ขับรถที่ใส่ยางคู่แข่ง รอบสุดท้ายขับรถที่ใส่ยาง มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+

● ทั้ง 2 รอบ ขับผ่านไปได้โดยไม่ต้องตั้งไพลอนใหม่ ระบบ VSC ของรถ ทำงานช่วงสั้นๆ ตอนหักหลบ ความรู้สึกที่แตกต่างกันคือ รถที่ใส่ยางมิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ ให้การควบคุมรถที่ง่ายกว่า ทั้งที่ใช้ความเร็วสูงกว่ารอบแรกนิดๆ เพราะเริ่มชินทางแล้ว

เกี่ยวกับมิชลิน

● มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร

● กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็องประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 117,400 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 121 แห่งใน 17 ประเทศ ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 190 ล้านเส้นในปี 2560 ทั้งนี้ กลุ่มมิชลินมีศูนย์วิจัยและพัฒนาตั้งอยู่ในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th


Grand Opening : MICHELIN Energy XM2+

Grand Opening : MICHELIN Energy XM2+ (Official)