May 28, 2019
Motortrivia Team (10076 articles)

2019 Rolls-Royce Wraith Eagle VIII คันเดียวในเมืองไทย เปิดจองแล้ววันนี้

Press Release

● โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เปิดตัวรถคอลเลคชันพิเศษ Rolls-Royce Wraith Eagle VIII (เรธ อีเกิล เอท) ภายในงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 26 พฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา ณ ทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี โดยทีม Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ ได้ผลิต Wraith Eagle VIII เป็นพิเศษให้เป็นรถยนต์ถ่ายทอดเรื่องราวที่ควรค่าแก่การจารึกที่สุดในศตวรรษที่ 20

● กัปตัน จอห์น อัลค็อก (Captain John Alcock) และร้อยโท อาร์เธอร์ บราวน์ (Lieutenant Arthur Brown) ได้ปฏิบัติภารกิจบนน่านฟ้าที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน นั่นคือการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแบบไม่หยุดพักได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1919 นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ เซอร์ เฮนรี รอยซ์ (Henry Royce), กัปตันอัลค็อก และร้อยโทบราวน์ บินต่อเนื่องจากเซนต์จอห์นส์ นิวฟาวด์แลนด์ ไปถึงคลิฟเดน ไอร์แลนด์ ด้วยเครื่องบินที่ดัดแปลงมาจาก Vickers Vimy

● Vickers Vimy ถูกใช้ในการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มันเป็นเครื่องบินปีกคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ทวิน ความจุ 20.3 ลิตร กำลังสูงสุด 350 แรงม้า (bhp) ซึ่งรถยนต์ในคอลเลคชันพิเศษรุ่นล่าสุดของโรลส์-รอยซ์นี้ ถูกตั้งชื่อขึ้นตามชื่อของเครื่องยนต์รุ่นนี้นี่เอง

● โรลส์-รอยซ์ ได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีแห่งเกียรติภูมินี้ และตั้งใจให้ Wraith Eagle VIII ซึ่งเป็นรถในคอลเลคชันร่วมสมัยที่สามารถเข้าถึงนักผจญภัยในยุคปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงการให้เกียรติ และระลึกถึงเหล่าบุคคลผู้เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ด้วย

“ผมบอกไม่ถูกว่าประทับใจอะไรมากที่สุด ระหว่างความมุทะลุ ความมุ่งมั่น ทักษะ ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ เครื่องบิน เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ หรือโชคของพวกเขา” เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill) กล่าวหลังการเดินทางอันห้าวหาญที่นำความก้าวหน้าเกินหยั่งถึงมาสู่ยุคศตวรรษที่ 20

● กัปตันอัลค็อก และร้อยโทบราวน์ ได้สร้างตำนานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่พิเศษที่สุดในโลก เทียบเคียง โดนัลด์ แคมป์เบล (Donald Campbell, CBE) บุคคลเหล่านี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดความพยายามของมนุษย์ เพื่อสร้างสถิติใหม่ๆ ที่แทบเป็นไปไม่ได้ทั้งบนบก ในน้ำ และในอากาศ โดยสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันก็คือ พลังแห่งโรลส์-รอยซ์

● พวกเขาได้ฝ่าฟันทุกความท้าทายเท่าที่นักบินคนหนึ่งจะพบเจอ เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ทำความเร็วทางอากาศโดยเฉลี่ยถึง 115 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราว 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) อุปสรรคและอันตรายที่พวกเขาพบเจอนั้น เกินที่จะประเมินได้ วิทยุและเครื่องมือนำทางของพวกเขาขัดข้อง และใช้งานไม่ได้ในแทบจะทันที ยังผลให้ทั้งคู่ต้องบินกลางค่ำคืนโดยปราศจากความช่วยเหลือ ผ่านหมู่เมฆทึบและหมอกอันหนาวเย็นยาวนานหลายชั่วโมง กระทั่งต้องบินกลับหัวในบางครั้ง… ท้ายที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นจากกลุ่มเมฆ และอาศัยความเชี่ยวชาญด้านทิศทางอันเป็นเลิศของร้อยโทบราวน์ บินผ่านหมู่ดาวไปสู่ชายฝั่งของไอร์แลนด์ได้สำเร็จ

มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส (Torsten Müller-Ötvös) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “Wraith Eagle VIII คือการแสดงความเคารพต่อวีรชน และเป็นตัวละครเอกของเหล่าผู้มีวิสัยทัศน์ในปัจจุบัน คอลเลคชันล่าสุดของโรลส์-รอยซ์นี้ แสดงให้เห็นถึงความชำนาญอันเหนือชั้นของทีม Bespoke Collective ของเราที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซกซ์… รถสั่งผลิตพิเศษหรือ Bespoke ยังคงเป็นเพชรยอดมงกุฎของแบรนด์ ซึ่งรังสรรค์สินค้าลักชัวรีที่สวนกระแสของแมสลักชัวรีทั่วไป ซึ่งไม่สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

● Wraith Eagle VIII มากับสีพิเศษเฉพาะรุ่น Gunmetal ตัดด้วย Selby Grey แบ่งส่วนด้วยเส้นทองเหลือง กระจังสีดำ แรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์อีเกิล 8 ล้อเคลือบเงาบางส่วนด้วยโทนสีเทาเข้ม

● ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสี Selby Grey และสีดำ แต่งขอบด้วยทองเหลือง สื่อถึงเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้ง เส้นแวง ทองเหลือง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกใน โดยวัสดุทองเหลืองจะถูกใช้ตกแต่งในบริเวณสำคัญๆ ทั่วทั้งส่วนที่นั่งผู้ขับ ลำโพงหุ้มทองเหลืองแสดงระยะทางโดยประมาณกว่า 1,880 ไมล์ของไฟล์ทบินในตำนาน โมโนแกรม RR ตกแต่งด้วยด้ายสีทองเหลืองบนที่วางแขน ประตูฝั่งผู้ขับตกแต่งด้วยแผ่นโลหะ สลักถ้อยแถลงของ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนักบินทั้งสอง

● มาตรวัดของ Wraith Eagle VIII ออกแบบในลักษณะเปรียบเปรยถึงทิวทัศน์ในขณะที่พวกเขาสามารถบินฝ่าหมู่เมฆหมอกหนาออกมาได้ การตกแต่งใช้เทคนิคและวิธีการร่วมสมัยผสมผสานกับขนบแบบดั้งเดิม ไม้ยูคาลิปตัสถูกนำมารมควัน ผ่านการชุบสุญญากาศให้เป็นสีทอง ก่อนจะนำไปเลี่ยมกับเงินและทองแดง ติดตั้งทอดยาวไปจนถึงคอนโซลกลาง เบาะฝั่งผู้ขับออกแบบให้สอดคล้องกับเพดานรถ ด้านล่างส่วนข้างของกลางตัวรถ มีการบุและเย็บด้วยด้ายทองเหลือง สื่อถึงเครื่องบิน Vickers Vimy เครื่องยนต์ V12

● นาฬิกาอันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของโรลส์-รอยซ์ ถูกออกแบบเปรียบเทียบให้สื่อถึงช่วงเวลาที่นักบินทั้งคู่พบว่า แผงมาตรวัดของพวกเขาแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากระดับความสูงและสภาพอากาศอันย่ำแย่ ซึ่งแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนั้น มาจากแสงสีเขียวของแผงควบคุมและประกายไฟจากเครื่องยนต์ที่บริเวณกาบขวาของตัวเครื่องบิน

● เพื่อการนี้ แผนก Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ได้ประกอบตัวนาฬิกาเข้ากับพื้นผิวที่ตกแต่งลูกเล่นเป็นน้ำแข็ง มีแสงสีเขียวเรืองส่องสว่างเมื่อขับในขณะกลางคืน เข็มชั่วโมงเป็นสีแดงในแบบเข็มของเข็มทิศ มีพิกัดของสถานที่ลงจอดสลักไว้ด้านล่าง

● เพดานห้องโดยสารแบบ Starlight Headliner ใช้เส้นใยนำแสงไฟเบอร์ 1,183 จุด แสดงตำแหน่งของกลุ่มดาวบนท้องฟ้าในช่วงเวลาของไฟล์ทบินในปี 1919 เส้นทางบินและหมู่ดาวต่างๆ ถูกถักร้อยด้วยเส้นด้ายทองเหลือง ช่วงที่นักบินทั้งสองบินฝ่าหมูเมฆเพื่อใช้ดวงดาวนำทาง บอกเล่าผ่านเส้นใยนำแสงไฟเบอร์สีแดง ตกแต่งแบคกราวด์เพิ่มเติมให้เป็นลวดลายก้อนเมฆ ปิดท้ายด้วยแผ่นโลหะสลักข้อความ “The celestial arrangement at the halfway point 00:17am June 15th 1919, 50” 07’ Latitude North – 31” Longitude West” แสดงถึงจุดครึ่งทางของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้

● Rolls-Royce Wraith Eagle VIII จะมีการผลิตทั้งหมด 50 คันเท่านั้น ซึ่ง นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ระบุว่า ประเทศไทยได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่จะได้จำหน่าย Wraith Eagle VIII โดยโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก จะได้สิทธิ์นำเข้ามาเพียง 1 คันเท่านั้น

● ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงราคาจำหน่ายได้ที่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก โทร. 02-670-6060 ●


2019 Rolls-Royce Wraith Eagle VIII