7 ไอเดียบ้าๆ ที่ Bernie Ecclestone เคยเสนอเพื่อปรับปรุง F1
Posted by : FascinatorFJ
● มีใครคิดถึงปู่ เบอร์นี เอคเคิลสโตน กันบ้างมั้ยครับ? หลังจากที่มิสเตอร์ E วางมือจาก วงการฟอร์มูล่าวัน ลิเบอร์ตี้ ก็ได้เข้ามารับช่วงกิจการต่อ และได้พัฒนาวงการมาจนถึงตำแหน่งปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ลิเบอร์ตี้ทำไม่ได้ตามที่แฟนๆ คาดหวัง แต่ก็มีอีกหลายคนที่โล่งใจเพราะคิดว่ายังดีกว่าปล่อยให้วงการอยู่ในมือมิสเตอร์ E ซึ่งเห็นแก่การทำเงินเป็นหลัก
● ลิเบอร์ตี้นั้นเข้ามาบริหารกิจการโดยมีเป้าหมายที่จะดึงคืนความสนุกตื่นเต้นบนแทร็คที่หายไปให้กลับมา พวกเขาได้ลองทำหลายอย่างที่มีทั้งยอดเยี่ยมและขัดใจต่อแฟนๆ แต่เชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำในการพยายามดึงความตื่นเต้นบนแทร็คกลับมานั้น ย่อมดีกว่าสิ่งที่ปู่เบอร์นีคิดจะทำเป็นแน่แท้ ซึ่งปู่เบอร์นีเองก็เคยมีความคิดที่จะปรับปรุงการแข่งขันอยู่เช่นกัน
และนี่คือไอเดียที่ออกไปในแนวทางบ้าๆ ของปู่ที่เคยเสนอมาครับ
(1) ทางลัด
● วิธีที่จะปรับปรุงการแซงของ F1 ซึ่งมันยากขึ้นทุกวันนั้น เป็นที่ถกเถียงกันมานาน ถึงแม้ว่ามันจะชัดเจนที่การลดทอนประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์บนรถจะช่วยแก้ปัญหาตรงจุดนี้ แต่มตินี้ก็มักจะถูกปัดตกที่ประชุมไป ในปี 2010 ปู่เบอร์นีก็เลยเสนอให้แต่ละแทร็คมี ‘ทางลัด’ ขึ้นมา โดยนักแข่งแต่ละคนจะสามารถใช้ทางลัดในจำนวนที่ถูกกำหนดในแต่ละเรซ
● “มันจะช่วยหยุดยั้งการที่รถแข่งติดอยู่ท้ายรถอีกคัน และดูดีขึ้นทางทีวี” เขากล่าว
● อย่างไรก็ตามในปีถัดมา DRS ได้ถูกนำเสนอ และถึงแม้ว่าตัว DRS จะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แต่มันชัดเจนว่าดีกว่าสิ่งที่ปู่เสนออย่างแน่นอน ทางลัดของปู่นั้นก็เหมือนการเล่นเกมและโกงลัดโค้ง แต่หากรถคันที่ใช้ทางลัดพุ่งกลับเข้าแทร็คมาชนกับรถที่อยู่ในแทร็ค มันต่างกันตรงที่ในความเป็นจริงนั้นไม่มีปุ่ม ‘รีสตาร์ท’
(2) สปริงเกอร์
● มีหลายคนเลยที่ชอบการแข่งขันแบบแทร็คเปียก เพราะว่ามันช่วยให้แสดงฝีมือความละเอียดในการควบคุมรถของแต่ละคนออกมา นอกจากนั้นมันยังทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ ที่จะได้ชม อย่างไรก็ตามมันมีปัญหาอย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ ดังนั้นปู่เบอร์นีเลยมีความคิดที่จะสร้างสภาพอากาศจำลองแบบ ‘แทร็คเปียก’ ขึ้นมาโดยใช้สปริงเกอร์
● “มันมีหลายแทร็คเลยที่คุณสามารถจำลองแทร็คเปียกได้ และมันง่ายมากที่จะสร้างระบบขึ้นมา ทำไมเราไม่ปล่อยฝนลงมาในช่วง 20 นาทีสุดท้ายหรือ 10 รอบสุดท้ายล่ะ? โดยอาจจะมีการเตือนสัก 2 นาที ก่อนหน้านั้น” ปู่กล่าว
● หากสปริงเกอร์ถูกนำมาใช้จริง เชื่อว่าการแข่งขันคงจะเต็มไปด้วยการยื่นประท้วงเป็นแน่แท้ เพราะผู้คุมการแข่งขันนั้นสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการได้ ที่แน่ชัดที่สุดคือ เสน่ห์ของการคาดเดาสภาพอากาศจะหายไปในทันที ฉะนั้นดีแล้วที่มันไม่ได้ถูกนำมาใช้
(3) มอบเหรียญแทนคะแนน
● ปู่เบอร์นีน่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่ไม่คิดว่า สนามตัดสินแชมป์โลกที่อินเตอร์ลากอสในปี 2008 นั้นน่าตื่นเต้น ปู่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่พอใจที่เห็น ลูวอิส แฮมิลตัน ขับประคองเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 แล้วคว้าแชมป์โลกไป เขาอยากจะเห็นแชมป์โลกพยายามอัดรถคว้าชัยชนะเพื่อที่จะเป็นแชมป์โลกเสียมากกว่า
● ด้วยเหตุนี้ปู่จึงผุดไอเดียระบบมอบเหรียญแบบกีฬาโอลิมปิค ซึ่งแชมป์โลกนั้นจะมาจากผู้ที่สะสมเหรียญได้มากที่สุด โดยโยนระบบคะแนนสะสมทิ้งไป ความคืบหน้านั้นมีไปถึงขั้นที่ F1 ได้บรรจุลงในกติกาก่อนการแข่งขันปี 2009 เรียบร้อย อย่างไรก็ดีกระแสแง่ลบนั้นต่อต้านอย่างมหาศาลซึ่งกดดันจนสุดท้าย F1 ต้องดรอปกฎนี้ทิ้งไป
(4) พิทพิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้ชนะ
● ความคิดเพี้ยนๆ ของปู่เบอร์นีนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะยุคโมเดิร์น ในยุคคลาสสิคปู่ก็เคยแสดงความเพี้ยนตรงนี้ออกมาแล้วเช่นกัน เราย้อนกลับไปในยุคปลาย 80 ช่วงเวลาที่แม็คลาเรนถลุงคู่แข่งอย่างเมามันส์
● ปู่เบอร์นีได้เสนอไอเดียที่จะให้ผู้ชนะเข้าพิทพิเศษเพิ่มเติม โดยถ้าหากนักแข่งคนใดชนะ 1 เรซ พวกเขาจะต้องเข้าพิทอย่างน้อย 1 ครั้ง ไปตลอดฤดูกาลที่เหลือ ถ้าพวกเขาชนะ 2 ครั้ง พวกเขาก็ต้องเข้าพิท 2 ครั้ง เช่นกัน และหากยังชนะต่อไปอีก พวกเขาก็จะต้องเข้าพิทเต็มที่ 3 ครั้ง/สนาม ไปตลอดฤดูกาลที่เหลือ
● ความคิดนี้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อที่จะผลักดันให้นักขับที่ชนะต้องไล่อัดรถแซงนักขับที่ไม่ได้เข้าพิท (ในสมัยก่อนนั้นการเข้าพิทเป็นสิ่งที่ทีมแข่งพยายามหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้พวกเขาเสียเวลาไปถึงครึ่งนาทีในแต่ละพิท) และจะทำให้การแข่งขันตื่นเต้นยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้สาระเกินไป เพราะคงมีเพียงแม็คลาเรนเท่านั้นในเวลานั้นที่มีโอกาสจะไล่แซงกลับขึ้นมาใหม่ได้ มตินี้จึงไม่ถูกให้ความสนใจใดๆ
(5) การแข่งขัน 2 เรซ
● จู่ๆ ปู่เบอร์นีก็ผุดไอเดียที่จะแยกการแข่งขันออกเป็น 2 เรซที่สั้นลง โดยมีช่วงพักคั่นระหว่างเรซ “รถแข่งจะควอลิฟายในวันเสาร์เหมือนปกติสำหรับเรซแรก และผลการแข่งขันของเรซแรกจะไปเป็นตัวกำหนดกริดสตาร์ทของเรซที่ 2 มันน่าจะเขย่าผลการแข่งขันให้น่าตื่นตาขึ้น ด้วยรถที่เบาลงและเร็วขึ้น” ปู่กล่าว
● จริงๆ แล้วความคิดนี้ก็ไม่ได้ฟังดูบ้าบอเสียทีเดียว เพราะหลักการมันคล้ายกับรูปแบบ F2 ที่แข่งขันกันอยู่ในปัจจุบัน แต่ประเด็นที่ทำให้ไอเดียนี้ไม่ถูกนำมาใช้น่าจะเป็นเพราะเหตุผลที่ปู่ให้ไว้ซึ่งคงไปทำให้ใครหมั่นไส้เอา
● “กีฬาของอเมริกันทั้งหมดนั้นมีช่วงพักเบรก ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากคนอเมริกันไม่มีสมาธิ พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับทีวีเซ็กเมนต์ที่มีช่วงเบรกทุกๆ 15 นาที แถมทุกวันนี้ผู้คนก็เป็นแบบนี้กันไปหมด”
● นั่นล่ะครับคุณผู้อ่าน…
(6) ล็อตเตอรีควอลิฟาย
● กฎของการควอลิฟายนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนอะไรมากมายขนาดนั้น การรีเวิร์สกริดนั้นดูจะเป็นอะไรที่ถูกนำมาพูดถกเถียงกันเป็นประจำ แต่ปู่มีความคิดที่บ้ากว่านั้น
● ในปี 2003 ปู่เบอร์นีได้เสนอให้นักขับที่ควอลิฟายอยู่ในท็อป 10 นั้น จะต้องนำตัวเลขอันดับที่ได้มาทำฉลาก แล้วสุ่มจับฉลากกันอีกครั้งเพื่อหาตำแหน่งสตาร์ท โดยปู่ให้เหตุผลว่า “คุณก็จะได้กริดสตาร์ทที่คละกันอย่างแน่นอน แถมนักขับที่อยู่ในท็อป 10 ก็จะมีโอกาสได้โพลกันทุกคน”
● ได้ปู่ ด้ายยยยยย!!!!!
(7) F1 ควรจะอันตรายกว่านี้
● F1 นั้นพยายามปรับปรุงความปลอดภัยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นๆ ในทุกวัน อย่างเช่นการนำเสนอเฮโล เพื่อป้องกันส่วนหัวของนักขับ ปู่เบอร์นีกลับมีความคิดที่สวนกระแส เขาคิดว่า F1 ควรจะมีอันตรายมากกว่านี้ และควรมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆ
● เริ่มแรกเขาแนะนำให้ทุกๆ แทร็คติดตั้ง ‘กำแพง’ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้นักขับใช้พื้นที่นอกแทร็ค และเป็นการลงโทษนักแข่งที่ไม่ระมัดระวังมากพอ แต่ที่ฮาร์ดคอร์กว่านั้น ในปี 2016 เมื่อ เฟอร์นันโด อลองโซ เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงที่ออสเตรเลีย ซึ่งเจ้าตัวคลานออกมาจากรถในสภาพที่แทบไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ปู่เบอร์นีคิดว่ามันควรจะมีอะไรดราม่ามากกว่านั้น
● “เวลาที่คุณเกิดอุบัติเหตุหนักแบบเฟอร์นันโด เราควรจะมีฉากกั้นรอบๆ ตัวเขา มีรถพยาบาลเข้ามาพาเขาไป และจากนั้นก็ประกาศว่า โอ้… ขอบคุณพระเจ้า เขาปลอดภัยดี ผู้คนชอบอะไรแบบนั้น”
● เยี่ยม…ปู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่าผู้คนจะชอบแบบนั้นจริงๆ นะ
ที่มา :
• wtf1.com.