BMW แสดงศักยภาพของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ผ่านโปรโตไทป์ 7-Series
เรื่อง : AREA 54
● บีเอ็มดับเบิลยูเริ่มทดสอบ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับ Level 4 ตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติหรือ SAE International ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าข้อกำหนดของระดับสูงสุดเพียงระดับเดียวเท่านั้น (ระดับสูงสุดคือ Level 5) โดยบีเอ็มดับเบิลยูได้ติดตั้งระบบสาธิตรุ่นใหม่ล่าสุดนี้เอาไว้ในรถโปรโตไทป์ของ BMW 7 Series
● จากข้อกำหนดของ SAE ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ต้องสามารถควบคุมรถได้ทั้งหมด ยกเว้นในสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง เช่น พายุฝน หรือพายุหิมะ ดังนั้นผู้ขับจะสามารถสั่งเปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มระบบได้ก็ต่อเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมเท่านั้น ทว่ารถยนต์ในคลาส 4 นี้ ผู้ขับสามารถละสายตาจากท้องถนนไปทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามความต้องการ
● บีเอ็มดับเบิลยูระบุว่า การทดสอบการใช้งานชุดระบบใหม่ล่าสุดนี้ ผู้ขับหรือ ‘เจ้าของรถ’ ไม่จำเป็นต้องขับรถอีกต่อไป นั่นหมายถึงพนักงานขับรถก็อาจจะต้องเตรียมตัวตกงานได้ในอนาคตอันใกล้ (ไม่น่าจะเกิน 10+ ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องตลกเลย) เจ้าของรถเพียงแค่เรียกรถจากจุดจอดรถผ่านแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมายังตำแหน่งที่ต้องการ (ระยะทางจะไม่สำคัญอีกต่อไป เราอาจจะเรียกรถจากบ้านให้มาหาเราที่สนามบินก็ได้) ระบุตัวตนผ่านแอพฯ จากนั้นก็สามารถเข้าไปนั่งบนเบาะหลัง แล้วระบุจุดหมายผ่านระบบ BMW Personal CoPilot บนแท็บเลทที่ติดตั้งเอาไว้
● เมื่อเจ้าของรถรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ระบบจึงจะเริ่มสั่งการให้รถเคลื่อนที่ ระบบ BMW Personal CoPilot จะปรับการทำงานไปเป็นแบคกราวด์ และเปลี่ยนหน้าจอให้กลายเป็นระบบอินโฟเทนเมนท์แบบปกติ ซึ่งผู้ใช้งานในขณะนั้นๆ สามารถดูหนัง, ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามต้องการ
● นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังเตรียมเพิ่มความสามารถให้กับระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ (semi-autonomous) ซึ่งเป็นระบบช่วยขับยุคใหม่ในกลุ่ม ADAS ยอดนิยมในปัจจุบันอย่าง Adaptive Cruise Control ด้วย โดยจะเพิ่มความสามารถในการตรวจจับและตีความสัญญาณไฟจราจรแบบรีลไทม์เข้าไป… หมายความว่าระบบเพิ่ม/ลดความเร็วอัตโนมัติที่มีฟังก์ชั่น Stop & Go หยุด/ออกตัวตามสภาพการจราจร จะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ขึ้น) ในเมือง
● เบื้องต้น Adaptive Cruise Control + Stop & Go เวอร์ชั่นอัพเกรดนี้ จะใช้ความสามารถของกล้อง, เซ็นเซอร์, แมชชีน เลิร์นนิง (AI) และข้อมูลจาก Backend รุ่นใหม่ (ฐานข้อมูลและระบบการจัดการต่างๆ ที่ทำงานเป็นเบื้องหลัง) ช่วยตีความสัญญาณไฟที่ตรวจจับได้ตามเวลาจริง เช่น เมื่อตรวจพบไฟเหลือง ระบบจะเริ่มสั่งชะลอความเร็วรถทันที โดยความหนัก/เบาของแรงเบรคนั้นจะแปรผันตามเร็วรถและระยะทางตามความเหมาะสม และ ‘ต้องหยุด’ เมื่อตรวจพบไฟแดง เป็นต้น
● อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบีเอ็มดับเบิลยูจะยังไม่ระบุกรอบเวลาในการใช้งานชุดระบบใหม่ทั้งหมดข้างต้นนี้ แต่เราก็สามารถคาดเดากันได้ว่า ยุคใหม่กำลังรุกคืบเข้ามาใกล้ตัวเราเร็วกว่าที่คิดครับ ●