July 16, 2019
Motortrivia Team (10167 articles)

Nissan Terra 2.3VL 2WD แฝงความนุ่มสบายภายใต้ทรงแกร่ง

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●   ช่วงปลายปีที่แล้ว ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย ได้ทดลองขับ นิสสัน เทอร์ร่า ที่จังหวัดเชียงราย เน้นการขับแบบออฟโรด ซึ่งเทอร์ร่าก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าแม้เป็นรถเดิมๆ ก็สามารถลุยทางโหดได้ในระดับหนึ่ง

●   ล่าสุดมีโอกาสได้สัมผัส นิสสัน เทอร์ร่า อย่างใกล้ชิดอีกครั้งกับรุ่น 2.3VL 2WD ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปของรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.349 ล้านบาท ลองขับใช้งานบนทางเรียบเพื่อค้นหาว่ารถรุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง

รูปลักษณ์เน้นความแกร่ง

●   การออกแบบภายนอกของเทอร์ร่า เน้นความแข็งแรงบึกบึนเป็นหลัก ด้านหน้าคงเอกลักษณ์ด้วยกระจัง V-Motion โคมไฟหน้าทรงเหลี่ยมบรรจุชุดไฟส่องสว่างแบบ LED Projector ให้แสงสว่างเข้มและมีขอบเขตที่ชัดเจนไม่ฟุ้งกระจาย พร้อม DRL แบบ LED ด้านข้างดุดันด้วยโป่งล้อขนาดใหญ่รับกับล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60/18 โคมไฟท้ายทรงเหลี่ยมเช่นเดียวกับด้านหน้าพร้อมหลอดแบบ LED คันนี้เสริมชุดแต่งรอบคันทำให้ดูสปอร์ตขึ้นอีกนิด ด้วยการออกแบบภายนอกที่เน้นความแกร่ง เรียบๆ ไม่หวือหวา ทำให้โดยรวมดูขาดสเน่ห์ไปบ้าง

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,885 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 225 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,043 กิโลกรัม

ภายในสไตล์เก๋ง เงียบนุ่มนั่งสบาย

●   ห้องโดยสารเน้นความโค้งมนตรงข้ามกับภายนอก แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเรียบง่ายไว้เช่นเดิม การตกแต่งโดยรวมแทบจะยกชุดมาจากปิกอัพ นาวาร่า ซึ่งเป็นต้นทางในการพัฒนาสู่เทอร์ร่า อุปกรณ์ปลีกย่อยต่างๆ เช่น พวงมาลัยและสวิตช์ควบคุมที่ใช้ร่วมกันในหลายรุ่น ทำให้ดูแล้วคล้ายๆ กันไปหมด ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่นิสสันตั้งใจก็เป็นได้

●   สภาพแวดล้อมของห้องโดยสารให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถเก๋ง ดูสบายๆ และผ่อนคลาย ชอบใจเรื่องคุณภาพวัสดุและการประกอบที่ทำได้ดี อุปกรณ์มาตรฐานล้นๆ ตามสไตล์นิสสันที่เด่นเรื่องความคุ้มค่า เบาะนั่งแถว 2 มีลูกเล่นการพับด้วยสวิตช์แถวคอนโซลเกียร์ เบาะแถว 3 พออาศัยนั่งได้ ถ้าผู้โดยสารไม่ตัวสูงใหญ่จนเกินไป

●   ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขณะขับ ตามแนวคิด Nissan Intelligent Mobility อย่างระบบเตือนจุดบอดด้านข้าง และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง และที่น่าจะได้ใช้บ่อยๆ ในรถคันใหญ่คือ ระบบกล้องมองรอบทิศทาง ที่ใช้ภาพจากกล้องรอบคัน มาสังเคราะห์เป็นภาพมุมสูงแบบ Bird Eye View ช่วยให้มองเห็นสิ่งกีดขวางรอบคันได้ดีขึ้น ลดจุดด้อยเรื่องการกะระยะของเลนส์มุมกว้างด้วยเซ็นเซอร์ด้านหน้าและหลัง พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ทำให้ขับรถคันใหญ่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยภาพจะแสดงที่จอบนคอนโซลกลาง แม้ภาพจะไม่ถึงกับคมชัดแต่ก็ใช้งานได้ ส่วนกระจกมองหลังก็เป็นจอแสดงภาพจากกล้องหลัง ใช้ในกรณีวางสัมภาระที่มีความสูงแล้วบังกระจกหลัง

●   นอกเหนือจากอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่ให้มาอย่างคุ้มค่าแล้ว ความเงียบและความนุ่มนวลของห้องโดยสารก็เป็นอีกเรื่องที่รถรุ่นนี้ทำได้ดี ใช้ความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ และเสียงลมปะทะก็อยู่ในระดับที่รับได้สำหรับรถยกสูง มีหน้าตัดกว้าง มีพื้นที่ปะทะลมแบบเต็มๆ โดยจะเริ่มรู้สึกว่าเสียงลมดังมากที่ความเร็วเกิน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป รถคันที่ทดสอบติดชุดแต่งคิ้วกันสาดมาด้วย จึงไม่แน่ใจว่าส่งผลให้เสียงดังขึ้นหรือไม่ อีกเรื่องที่ทำได้ดีคือ การตัดตอนลดความสั่นสะเทือนทั้งจากการทำงานของเครื่องยนต์และจากพื้นถนน ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้ระบบกันสะเทือนด้วย

ช่วงล่างลงตัวทั้งความหนึบและความนุ่ม

●   แม้จะพยายามพัฒนาให้ช่วงล่างดีแค่ไหน แต่เอสยูวีพื้นฐานปิกอัพก็ยังมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งตัวแชสซีส์ที่เน้นความแข็งแรงทนทาน ระยะการให้ตัว และเพลาท้ายแบบคานแข็ง ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อเนื่องกับความนุ่มนวล ก็อยู่ที่ว่าบริษัทผู้ผลิตรถจะหาจุดพอดี ที่คนใช้รถประเภทนี้รับได้หรือไม่ ระบบกันสะเทือนของเทอร์ร่า ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังคานแข็งเหมือนปิกอัพ แต่เปลี่ยนระบบรองรับเป็นคอยล์สปริง 5 จุดยึด พร้อมเหล็กกันโคลง

●   การขับใช้งานในเมือง ยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากเอสยูวีแบรนด์อื่นมากนัก แต่จะเริ่มสัมผัสถึงความราบเรียบนุ่มนวลได้เมื่อขับทางไกล ขับผ่านรอยต่อถนนได้อย่างนุ่มนวล เมื่อโดดคอสะพานการยุบและยืดตัวของช่วงล่างเป็นไปอย่างช้าๆ ความหนืดของช๊อคฯ สามารถรั้งตัวรถที่หนักกว่า 2 ตันได้อย่างรวดเร็ว ไม่เด้งขึ้น-ลงหลายครั้ง ทำให้ตัวรถมีความมั่นคง ควบคุมง่าย ขับสบาย ไม่โคลง และไม่กระด้างแม้จะนั่งไม่เต็มความจุ ถือว่านิสสันเซตช่วงล่างมาได้ลงตัว

●   ต่อเนื่องถึงระบบเบรกที่แม้จะไม่ค่อยหล่อเพราะเป็นหน้าดิสก์หลังดรัม แต่พฤติกรรมน่าชื่นชม ทั้งการสร้างแรงเบรกได้อย่างหนักหน่วง กระชากรถหนัก 2 ตันกว่าที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 33 เมตรวินาที ให้สงบนิ่งได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ไม่มีอาการปัดเป๋ แรงเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าที่เหยียบแป้นเบรก ไม่จับตัวเร็วเกินไป ทำให้เบรกได้นุ่มนวลและแทบไม่ต้องปรับตัว

เครื่องยนต์ประหยัดได้ถ้ามีจังหวะ

●   เทอร์ร่า ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์รหัส YS23DDTT ดีเซลไดเร็คอินเจ็คชั่น 4 สูบ เทอร์โบแปรผัน VGS พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,298 ซีซี กระบอกสูบ 85.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 101.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 15.4:1 กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง

●   ตั้งแต่นาวาร่ารุ่นแรก เครื่องยนต์ดีเซลของนิสสันมีจุดเด่นเรื่องความจี๊ดจ๊าดขับสนุก ส่วนเรื่องความประหยัดอยู่ในระดับกลางๆ สำหรับเทอร์ร่า รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ลองขับจากกรุงเทพฯ ไปเขาใหญ่ ออกเดินทางช่วงเช้ามืดเพื่อหลบรถติด ระยะทาง 136 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร

●   ขากลับเริ่มเซต 0 ใหม่เมื่อออกสู่ถนนมิตรภาพ ขับมาแวะพักแถวหินกองก่อนเข้ากรุงเทพ ใช้ความเร็วตามสภาพการจราจร 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.8 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นตัวเลขจากชุดมาตรวัด เติมน้ำมันกลับเต็มถังจริงๆ ก็น่าจะป้วนเปี้ยนแถว 16.5-17.0 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่งแซงลื่นไหล แทบไม่ต้องคิ๊กดาวน์ลากรอบสูง ยกเว้นการแซงฉุกเฉินที่ต้องอาศัยอัตราทดเกียร์ที่ต่ำลงเพื่อสร้างแรงบิด

●   ถ้าชอบขับแบบเน้นสมรรถนะ เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ดูจะเป็นจุดอ่อน เพราะมีจังหวะหน่วงก่อนเปลี่ยนเกียร์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูง ที่สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีอาการวูบนิดๆ ก่อนเปลี่ยนเกียร์ เดาว่าน่าจะเซตมาเพื่อเน้นความนุ่มนวล ซึ่งก็นุ่มจริงในการขับใช้งานทั่วไป แต่จะนุ่มจนหน่วงและเกือบจะเสียจังหวะเมื่อต้องการใช้ความเร็ว

●   นิสสัน เทอร์ร่า 2.3VL 2WD มีดีมากกว่าหน้าตา แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่โดดเด่น (แต่เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการเลือกซื้อรถ) รถรุ่นนี้จึงมักถูกมองข้าม ไม่สามารถแทรกเข้าไปอยู่ในลิสต์ หรือเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้ที่กำลังจะซื้อเอสยูวีได้ ยอดจำหน่ายหลักจึงอยู่แค่ในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้นิสสัน ที่รู้ว่ารถแบรนด์นี้มีดีที่ตรงไหน ยังไม่สามารถขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เท่าที่ควร  ●

Test Drive : 2019 Nissan Terra 2.3VL 2WD