August 10, 2019
Motortrivia Team (10019 articles)

สิริ เวนเจอร์ส และ สวทช. ร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ

ประชาสัมพันธ์

●   สิริ เวนเจอร์ส ผู้นำของวงการ PropTech ไทย เผยแผนทดสอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยใน SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox เปิดตัว 3 สตาร์ทอัพแห่งอนาคต AIROVR เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ Fling นวัตกรรมโดรนเดลิเวอรี่ และ SoundEye ระบบเซนเซอร์รักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ ตรวจสอบเสียงผิดปกติ นำร่องพัฒนาและทดลองใช้จริงเป็นกลุ่มแรก จับมือ สวทช. สร้าง 3D Mapping เชื่อมโยงรถยนต์ไร้คนขับ เตรียมทดลองวิ่งจริงไตรมาส 4 นี้ ครึ่งปีหลังจ่อลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้าน รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านบาท พร้อมสรุปภาพรวมความสำเร็จครึ่งปีแรกของ 2019 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี (PropTech) ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตลอดจนสร้างสรรค์และส่งต่อนวัตกรรมการใช้ชีวิตที่ไร้รอยต่อในยุคดิจิทัลให้กับลูกบ้านแสนสิริ

●   นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) เปิดเผยว่า หลังจากได้ประกาศแผนจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับทดสอบ พัฒนา และประมวลเสมือนจริงของเหล่าสตาร์ทอัพเพื่อต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยสำหรับลูกบ้านแสนสิริ ภายใต้ชื่อ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ 3 สตาร์ทอัพศักยภาพ เพื่อเข้าร่วมพัฒนาและทดลองใช้นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคตในช่วงครึ่งปีหลัง ภายในพื้นที่ SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox ที่โครงการ T77

●   สำหรับนวัตกรรมที่จะเข้ามาพัฒนาและทดลองใช้ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่:

●   1.รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Car) ภายใต้ความร่วมมือกับ AIROVR สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบสำหรับรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติไทย และ สวทช. ในฐานะหน่วยงานชั้นนำของประเทศในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดย AIROVR จะพัฒนาระบบที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ในการขนส่งผู้โดยสารจากโครงการที่อยู่อาศัยไปยังรถไฟฟ้า (First Mile Transportation) และการขนส่งจากรถไฟฟ้ากลับมายังโครงการที่อยู่อาศัย (Last Mile Transportation) ขณะที่ สวทช. จะช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่จำเป็น ได้แก่ ระบบ Drive-by-Wire การบูรณาการเซนเซอร์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ระบบบ่งชี้ตำแหน่งและการนำทาง ระบบควบคุมและสั่งการ และ แผนที่ 3D ความละเอียดสูง เพื่อให้สามารถวิ่งได้จริงในโครงการ T77

●   “เรื่องการขนส่ง First Mile and Last Mile Transportation เป็นเรื่องที่เริ่มเกิดขึ้นจริงแล้วในต่างประเทศ เรามองเห็นโอกาสที่จะร่วมส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริงในไทย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต เริ่มต้นจากการนำร่องทดลองวิ่งเฉพาะภายในโครงการ T77 ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งถือเป็นการทดลองวิ่งรถยนต์ไร้คนขับเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในไทย” นายจิรพัฒน์ กล่าว

●   2. โดรน เดลิเวอรี่ (Drone Delivery) ภายใต้ความร่วมมือกับ Fling สตาร์ทอัพผู้พัฒนาโดรนสัญชาติไทย โดย Fling จะนำโดรนมาใช้ทดลองส่งสินค้าจาก Habito Mall ไปยังโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริในพื้นที่โครงการ T77 คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ หลังจากผ่านขั้นตอนการขออนุญาตหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

●   3. การดูแลรักษาความปลอดภัย (Security) ภายใต้ความร่วมมือกับ SoundEye สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมเทคโนโลยีเรียนรู้เสียงต่างๆ เพื่ออาคารอัจฉริยะ (Smart Building) รายแรกของโลก ที่ผ่านมา ไมโครโฟนเซนเซอร์ของ SoundEye ได้เข้าไปมีส่วนช่วยตรวจจับเสียงผิดปกติ อาทิ เสียงร้องขอความช่วยเหลือ เสียงน้ำรั่วซึม เสียงปืน ในอาคารประเภทต่างๆ มาแล้วหลายแห่งในสิงคโปร์ รวมถึงในสนามบินชางฮี โดยจะเริ่มทดลองในพื้นที่โครงการ T77 ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นการทดลองใช้ระบบของ SoundEye ครั้งแรกในโครงการที่อยู่อาศัยอีกด้วย

●   “หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ได้จริงในอนาคต เราอาจเห็นรถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงโดรนที่เป็น Air Taxi เข้ามา Disrupt เทรนด์การใช้ชีวิต (Living Trends) ให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจุดประกายแนวทางการยกระดับวงการขนส่งไทย และขณะเดียวกัน ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพราะการเดินทางของผู้บริโภคจะสะดวกสบายมากขึ้น จนทำเลไม่ใช่ปัจจัยหลักของการเลือกที่อยู่อาศัย ดังนั้น การเป็นพันธมิตรระหว่าง สิริ เวนเจอร์ส สวทช. และสตาร์ทอัพทั้ง 3 ด้านในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญ” นายจิรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม

●   ดร. เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สำนักงานได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่มาอย่างต่อเนื่อง นับจากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า จนมาถึงรถยนต์ไร้คนขับ นอกจากนี้ เรายังมีความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อผลักดันนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ ในการสนับสนุนและเตรียมความพร้อมประเทศไทยต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับในอนาคตอันใกล้นี้ อีกทั้งเรายังได้เตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เช่น ศูนย์เฉพาะทางด้านระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ (Focused Center on Rail and Modern Transport) ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและศูนย์ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เป็นต้น ความร่วมมือกับ บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด และ AIROVR ในวันนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่จะได้นำเทคโนโลยีที่ สวทช. วิจัยและพัฒนา มาสาธิตการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง เพื่อประโยชน์แก่ทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชน อีกทั้งการจัดทำ 3D Mapping ของโครงการ T77 สามารถนำไปเชื่อมโยงกับรถยนต์ไร้คนขับของ AIROVR และ โดรน เดลิเวอรี่ ของ Fling เพื่อนำไปใช้ในโครงการนำร่องได้อย่างเป็นรูปธรรม

●   “วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มาร่วมมือกับ สิริ เวนเจอร์ส และพันธมิตรสตาร์ทอัพ ทำให้โครงการนำร่องนี้เกิดขึ้นได้จริงเป็นครั้งแรกของไทย เพราะเรื่องรถยนต์ไร้คนขับและโดรนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว หลายๆ ประเทศกำลังศึกษาและพัฒนาทั้ง 2 เรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม หากวันนี้เรามีก้าวแรกที่ดี เชื่อว่าเรายังสามารถพัฒนาและประยุกต์รถยนต์ไร้คนขับและโดรนไปพลิกโฉมการใช้ชีวิตของผู้คนได้อย่างมหาศาล” ดร. เจนกฤษณ์ กล่าว

●   นายจิรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 บริษัทยังมีแผนจะลงทุนในสตาร์ทอัพใน 4 ด้าน ภายใต้งบลงทุน 600 ล้านบาท ได้แก่ 1.เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง (ConsTech) ในสัดส่วน 20% ของงบลงทุน มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง (QC) 2.เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainablity) ในสัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านการใช้ทรัพยากรอย่างฉลาดและการกำจัดของเสียที่มีประสิทธิภาพ 3.เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ในสัดส่วน 20% มุ่งเน้นด้านรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่และ Tokenization และ 4.เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ (LivingTech & HealthTech) ในสัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียง ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพหลายรายที่ผ่านการพิจารณามาถึงขั้นทดสอบความเป็นไปได้ (Proof of Concept)

●   ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 การดำเนินงานของบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าอย่างมากในหลายด้าน สำหรับในด้านการลงทุน (Investment) สตาร์ทอัพหลายรายที่บริษัทเข้าไปลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจ อาทิ Semtive สตาร์ทอัพผู้พัฒนากังหันลมพลังงานไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย ได้เริ่มทยอยส่งมอบกังหันลมสำหรับใช้ในครัวเรือนมาให้กับบริษัทแล้ว Neuron สตาร์ทอัพ e-Scooter สัญชาติสิงคโปร์ เริ่มมีให้บริการแล้วในโครงการดีคอนโด พิงค์ และขยายการให้บริการไปในพื้นที่พร้อมพงษ์-อ่อนนุช ตลอดจนในพื้นที่รอบตัวเมืองเชียงใหม่ OnionShack ได้พัฒนา “น้องแสนรู้” หุ่นยนต์พนักงานคนใหม่ของแสนสิริที่จะช่วยเข้ามาตอบเรื่องนวัตกรรมที่ The Cloud ชั้น 3 สยามพารากอน

●   สำหรับด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพและพันธมิตร (Ecosystem & Partners) บริษัทได้สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) มหาวิทยาลัยชั้นนำซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดของสตาร์ทอัพสิงคโปร์ ด้วยการพาสตาร์ทอัพที่โดดเด่นของไทยไปร่วมโชว์เคสและขึ้นพูดบนเวทีระดับภูมิภาค ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยด้าน PropTech และ LivingTech ให้เข้าถึงโอกาสในระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ สิริ เวนเจอร์ส ยังเปิดโอกาสให้พนักงานแสนสิริก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพและเจ้าของธุรกิจด้วยเงินทุนเริ่มต้นทำธุรกิจโดยให้การสนับสนุนทั้งด้านเวลา ทรัพยาการ การให้คำปรึกษาและเงินทุนเบื้องต้นกว่าหลายล้านบาทต่อทีม กับโครงการ THE FOUNDER

●   ขณะที่ด้านการวิจัยและพัฒนา (Lab & Development) บริษัทยังคงตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการมอบบริการภายใต้แนวคิด “บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน” และการเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกมิติเพื่อตอบโจทย์ลูกบ้าน ผ่านฟังก์ชั่นใน Sansiri Home Service Application (HSA) เช่น Homestore แพลตฟอร์มออนไลน์แมกกาซีนที่ผู้อ่านสามารถซื้อสินค้าที่ชอบได้ การจับมือกับเครือสมิติเวช ขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมด้านสุขภาพแก่ลูกบ้านผ่าน HSA การเปิดให้บริการด้าน Payment เพื่อให้ลูกบ้านสามารถผ่อนดาวน์ตรงกับธนาคาร รวมไปถึงค่าส่วนกลางโดยเชื่อมต่อตรงกับแอพธนาคารดังไม่วาจะป็น KPlus และ SCB Easy การติดตั้งเซนเซอร์คุณภาพอากาศกว่า 60 พื้นที่ในโครงการทั่วประเทศ เพื่อบอกสภาพค่าฝุ่น ค่าความชื้นและข้อมูลเชิงลึก พร้อมให้คำแนะนำด้านสุขภาพตามสภาพอากาศแก่ลูกบ้าน ขณะเดียวกัน กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา Smart Meter เพื่อให้ลูกบ้านสามารถตรวจสอบสถานะการใช้น้ำประปาและไฟฟ้าของตัวเองได้ตลอดเวลา

●   “เราเชื่อมั่นว่า พันธกิจหลักทั้ง 3 ด้านที่ สิริ เวนเจอร์ส ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จะเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวล้ำไปในทางที่ดี โดยเราจะยังคงทำงานร่วมกับแสนสิริอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาและผลักดันสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ในที่อยู่อาศัยจนสำเร็จใช้งานได้จริง ตลอดจนตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่และสังคมที่เปลี่ยนไป เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยแห่งอนาคตให้แก่ลูกบ้านแสนสิริอย่างรอบด้าน” นายจิรพัฒน์ กล่าวสรุป  ●